คอลลาเจน (Collagen) คืออะไร? มีประโยชน์และโทษอย่างไรบ้าง?
คอลลาเจน
เชื่อว่าใครหลายๆ คนต่างก็พอจะทราบกันดีว่าคอลลาเจนถือเป็นสารที่มีความสำคัญอย่างมากต่อร่างกายทั้งในด้านของสุขภาพและความงาม แต่ทว่าคอลลาเจนนั้นช่วยเรื่องอะไรบ้าง และการเพิ่มคอลลาเจนให้แก่ร่างกายนั้นมีวิธีไหนบ้างในบทความนี้เราจะมาให้คำตอบนั้นกัน
รู้จักกับคอลลาเจน คืออะไร?
คอลลาเจน (Collagen) ถือเป็นสารที่พบได้ในร่างกายมนุษย์บริเวณเส้นเอ็นและหลอดเลือด ถือเป็นเส้นใยโปรตีนชนิดหนึ่ง คอยทำหน้าที่ในการเป็นเสมือนกาวเชื่อมสำหรับส่วนต่างๆ ของร่างกายและทำหน้าที่ในการเสริมความแข็งแรงและความยืดหยุ่นให้แก่เนื้อเยื่อในร่างกายโดยเฉพาะผิวหนัง ซึ่งคอลลาเจนถือเป็นสารที่ร่างกายของเราสามารถผลิตขึ้นมาได้เองแต่เมื่ออายุเข้าสู่วัย 25 ปีขึ้นไปจะเริ่มมีการผลิตที่น้อยลงเรื่อยตามช่วงอายุส่งผลให้เริ่มเกิดปัญหาผิวต่างๆ ตามมาเช่น ริ้วรอย ร่องลึก ปัญหาผิวแห้ง ผิวอ่อนแอ ผิวโทรมเป็นต้น
คอลลาเจนที่ใช้ทานหรือฉีดทำมาจากอะไร
สารคอลลาเจนนั้นไม่เพียงแต่จะพบได้ในมนุษย์เท่านั้น แต่ยังสามารถพบได้ในสัตว์อย่าง ปลา วัว หมู หรือกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเป็นต้น แต่ในกลุ่มอาหารเสริมหรือวิตามินสำหรับฉีดจะนิยมสกัดเอาสารคอลลาเจนมาจากปลา ปลาทะเลเป็นต้น
คอลลาเจนช่วยเรื่องอะไรบ้าง
คอลลาเจนถือว่ามีประโยชน์อย่างมากต่อร่างกายมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพหรือด้านของความงาม อาทิเช่น
ด้านสุขภาพ
- ช่วยชะลอการสลายตัวของมวลกระดูกในร่างกาย
- ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับระบบข้อต่อ ส่วนต่างๆอย่าง ข้อเข่า เป็นต้น
- ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับเล็บ
ด้านความงาม - ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิว ผิวมีความแข็งแกร่งขึ้น
- ช่วยฟื้นฟูผิวจากปัญหารอยดำ รอยแดง รอยแผลเป็นหรือรอยสิวต่างๆ
- ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นขึ้น
- ช่วยลดปัญหาริ้วรอยแห้งวัย พร้อมป้องกันการเกิดริ้วรอยในอนาคต
การเพิ่มคอลลาเจนให้ร่างกายมีกี่แบบ
ในปัจจุบันมีวิธีการเพิ่มสารคอลลาเจนเข้าสู่ร่างกายของเราได้ 3 แบบใหญ่ๆ นั้นก็คือ การกิน การทา และการฉีดคอลลาเจนนั้นเอง
- การกิน ที่มีทั้งแบบอาหารเสริมหรือแบบอาหารทั่วไป โดยในส่วนของอาหารเสริมนั้นในปัจจุบันก็มีอยู่หลากหลายมากๆ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบเมตรรูปแบบผงหรือรูปแบบของเครื่องดื่ม หรือแม้แต่การทานอาหารทั่วไปอย่างเช่น เอ็นของหมู เอ็นของวัว หรือกลุ่มหนังสัตว์ที่ถือเป็นส่วนที่อุดมไปด้วยคอลลาเจน แต่แน่นอนว่าวิธีนี้ถือเป็นวิธีที่ต้องผ่านกระบวนการดูดซึมอาหารของร่างกายก่อนทำให้สารคอลลาเจนเหลือไปบำรุงผิวได้น้อย
- การทา ในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ บำรุงผิวต่างๆ ก็ได้มีการใส่ส่วนผสมของคอลลาเจนเข้าไปแต่ด้วยกลุ่มคอลลาเจนประเภทนี้จะมีโมเลกุลที่ใหญ่ทำให้ไม่สามารถซึมลงสู่ชั้นผิวได้ จึงทำได้แค่ช่วยบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้นขึ้นเท่านั้น ไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยหรือผิวหย่อนคล้อยได้
- การฉีด ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยม ซึ่งในปัจจุบันมักพบได้กับหัตถการฉีดฟิลเลอร์ ที่มีส่วนช่วยให้เพิ่มความชุ่มชื้น และหัตถการฉีดเมโส ฉีดวิตามินผิวที่ตัวยาจะมีส่วนผสมของคอลลาเจนอยู่ทำให้ทั้ง 3 หัตถการนี้สามารถเห็นผลได้ดีกว่าวิธีการทานและวิธีการทา
Collagen Type 1 2 3 ต่างกันยังไง
ในปัจจุบันเราสามารถพบคอลลาเจนได้มากถึง 18 ชนิด แต่ที่พบมากที่สุดในร่างกายมนุษย์จะมีด้วยกันทั้งหมด 5 ชนิด ดังนี้
- คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Collagen Type I)
เป็นชนิดที่พบได้มากที่สุดในร่างกาย มีส่วนช่วยในการสร้างมวลกระดูก เอ็นกล้ามเนื้อ ผนังหลอดเลือด คอลลาเจนชนิดนี้จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิว และช่วยสมานผิวเวลาเกิดบาดแผลต่างๆ - คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Collagen Type II)
พบมากในบริเวณกระดูกอ่อน และหมอนรองกระดูกสันหลัง โดยจะทำหน้าที่ในการช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์เซลล์ต่างๆให้มีจำนวนที่มากขึ้น เพื่อช่วยในการรองรับน้ำหนักและความแข็งแรงของข้อต่อตามจุดอ่อนต่างๆของร่างกาย เช่น ข้อต่อเข่าในขณะที่ร่างกายมีการเคลื่อนไหว - คอลลาเจนชนิดที่ 3 (Collagen Type III)
ถือเป็นชนิดที่สามารถพบได้มากในร่างกายเช่นเดียวกับชนิดที่ 1 โดยจุดที่พบส่วนใหญ่จะเป็นที่กล้ามเนื้อ ผนังหลอดเลือดและเนื้อเยื่อต่างๆ - คอลลาเจนชนิดที่ 4 (Collagen Type IV)
สามารถพบได้มากในบริเวณเนื้อเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อและไขมัน ซึ่งคอลลาเจนชนิดนี้มีส่วนสำคัญอย่างมากในการช่วยในเรื่องของระบบประสาทและหลอดเลือดของร่างกาย - คอลลาเจนชนิดที่ 5 (Collagen Type V)
คอลลาเจนประเภทนี้มักพบได้ในจุดเดียวกันกับชนิดที่ 1 และสามารถพบได้ในเนื้อเยื่อของทารกในครรภ์
ประโยชน์และโทษของคอลลาเจน
หลายคนอาจเกิดความสงสัยว่า การที่ใครๆ ก็ต่างให้ความสำคัญกับการเพิ่มสารคอลลาเจนให้แก่ร่างกายนั้น ความจริงแล้วคอลลาเจนนั้นมีประโยชน์หรือโทษอย่างไรต่อร่างกายบ้าง
ประโยชน์ของคอลลาเจน
- ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
- ช่วยลดริ้วรอย แก้ปัญหาร่องลึกตามจุดต่างๆ บนใบหน้า
- ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวจากรอยสิวหรือแผลต่างๆ
- ช่วยบำรุงกระดูกและเล็บให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น
- ช่วยลดอาการปวดข้อเข่าในกลุ่มผู้สูงอายุ
โทษของคอลลาเจน
จริงๆ แล้วสารคอลลาเจนนั้นไม่มีโทษต่อร่างกายเลยหากเป็นสารคอลลาเจนที่ร่างกายผลิตออกมาหรือการทานอาหารที่อุดมไปด้วยคอลลาเจนสูงอย่างพวกปลา หนังสัตว์ เอ็นสัตว์ ซึ่งต้องไม่ใช่กลุ่มอาหารเสริม เพราะแน่นอนว่าการทานอาหารเสริมในปริมาณมากๆ นั้นจะส่งผลต่อตับและไตเป็นอย่างมาก
วิธีเพิ่มคอลลาเจนให้ใบหน้าและผิวพรรณ
ในส่วนของวิธีเพิ่มคอลลาเจนให้ใบหน้านั้นในปัจจุบันก็มีอยู่หลายวิธีให้เลือกตามความต้องการ โดยเราขอแนะนำทั้งหมด 9 วิธียอดฮิตดังนี้
1. ทานอาหารเสริมคอลลาเจน
ถือเป็นวิธีที่หลายๆ คนเลือกใช้ เนื่องจากในปัจจุบันได้มีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมกลุ่มคอลลาเจนออกมาวางขายเป็นจำนวนมากทั้งในรูปแบบเม็ดแคปซูล แบบผงผสมน้ำดื่ม แบบเจลลี่เป็นต้น แต่แน่นอนว่ายังไม่มีงานวิจัยไหนที่ออกมารองรับว่าการทานอาหารเสริมคอลลาเจนนั้นจะเป็นวิธีในการช่วยเพิ่มคอลลาเจนให้แก่ผิวได้
2. ฉีดหรือดริปคอลลาเจน
การฉีดวิตามินผิว หรือดริปวิตามินผิว (IV Drip) เป็นวิธีการฉีดส่งตัววิตามินและคอลลาเจนเข้าสู่ร่างกายผ่านทางเส้นเลือด ทำให้ตัวยาสามารถไหลเข้าสู่ร่างกายได้ไวและทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมนำเอาสารบำรุงต่างๆ ไปใช้ได้ดีกว่าการทาน เนื่องจากวิธีนี้ไม่ต้องผ่านกระบวนการดูดซึมอาหารของร่างกายนั่นเอง
3. เพิ่มคอลลาเจนด้วยการฉีดเมโส
เป็นอีกหนึ่งวิธีการส่งตัววิตามินบำรุงผิวเข้าสู่ชั้นผิวได้อย่างรวดเร็วกว่าการทาครีมแบบปกติทั่วไป ซึ่งวิธีการทำเมโสหน้าใสในปัจจุบันมี 2 วิธีหลักๆ คือการใช้เข็มสะกิดเพื่อเปิดเซลล์ผิวชั้นนอกแล้วส่งตัวยาเข้าไป และอีกวิธีคือการใช้ เมโสกัน (Meso gun) ที่เป็นเครื่องมือหัวฉีดส่งตัวยาที่ประกอบด้วยเข็มเล็กๆ หลายเล่มที่จะทำการฉีดส่งตัวยาเข้าสู่ผิวชั้นตื้นได้ดีและทำให้ยากระจายตัวได้อย่างทั่วถึงทั้งใบหน้า ซึ่งในปัจจุบันได้มียี่ห้อเมโสให้เลือกหลายแบรนด์ด้วยกัน ดังนี้
- ฉีดมาเด้คอลลาเจน : ช่วยชะลอการเสื่อมโทรมของคอลลาเจนในผิว ช่วยลดอาการอักเสบ ปรับผิวให้กระจ่างใส ลดปัญหาสิวผดผื่นได้ดี
- Chanel injection (NCFS 140HPn) : ช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ให้ผิวมีความชุ่มชื้นเต่งตึงขึ้น ทำให้ผิวมีความฉ่ำเงา อิ่มฟูแบบเทรนด์ผิว Glass Skin ของสาวเกาหลี
- รีจูรัน (Rejuran) : ช่วยในเรื่องของการฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพ ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวและคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น ผิวให้มีความชุ่มชื้นฉ่ำวาว ลดริ้วรอย (อ่านเพิ่มเติม : รีจูรัน คืออะไร )
- Diorr (L’ebss) : ช่วยฟื้นฟูปัญหาผิวแห้งเสียหยาบกร้านให้กลับมามีความชุ่มชื่นฉ่ำโกลว์ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นขึ้นเต่งตึงขึ้น
- Exosome (ASCE) : ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ซ่อมแซมเซลล์ ผิวที่เสื่อมสภาพ ช่วยลดจุดด่างดำ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ปรับผิวให้มีความเต่งตึง และชุ่มชื้นขึ้นจากภายใน (อ่านบทความเพิ่มเติม : เทรนด์ฉีดผิวหน้าด้วย Exosome คืออะไร? ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ดีจริงไหม?)
- Crystal DNA : ช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ช่วยลด ปัญหาฝ้ากระจุดด่างดำ ลบริ้วรอยตื้นๆ แก้ปัญหาผิวที่ขาดน้ำให้มีความชุ่มชื้น
- Gouri : มีจุดเด่นในการช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิว ปรับผิวให้มีความกระชับเต่งตึง ช่วยลดริ้วรอย ร่องลึกต่างๆ ได้ดี
4. ทานอาหารที่มีคอลลาเจน
การทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารคอลลาเจนสูงก็ถือเป็นอีก หนึ่ง ทางเลือกในการช่วยเพิ่มคอลลาเจนให้แก่ร่างกายและผิว ซึ่งการเลือกทานอาหารเหล่านี้ ถือว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าการทานอาหารเสริมเสียด้วยซ้ำ เนื่องจากไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อร่างกายในระยะยาว ซึ่งอาหารที่อุดมไปด้วยสารคอลลาเจนมีดังนี้ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่, น้ำซุปกระดูก, ผักใบเขียว, เนื้อปลา และกลุ่มถั่วเหลือง
5. ใช้เลเซอร์กระตุ้นคอลลาเจนในผิว
หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า เราสามารถกระตุ้นให้ร่างกายของเราผลิตคอลลาเจน เพิ่มขึ้นได้ด้วยการใช้แสงเลเซอร์ในการยิงส่งพลังงานเข้าไปยังผิวชั้นลึก เพื่อให้พลังงานเลเซอร์ เข้าไปกระตุ้นทำให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนและเส้นใยอิลาสตินในใต้ชั้นผิวให้เพิ่มขึ้น เพื่อช่วยแก้ปัญหาผิวต่างๆ โดยเครื่องเลเซอร์ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน จะมีดังนี้
- Long Pulse ND YAG : มีค่าพลังงานของคลื่นเลเซอร์ที่สูงถึง 1,064 นาโนเมตร ช่วยกำจัดเส้นขนและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ราคาเริ่มต้น 1 ครั้ง 999 บาท
- Pico Laser : ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว เพื่อแก้ปัญหาหลุมสิว ลบรอยสิว ลบฝ้า กระ จุดด่างดำ แก้ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า ปรับผิวให้มีความกระจ่างใสเรียบเนียน ซึ่งที่กังนัมคลินิก เรามีเครื่องพิโคเลเซอร์ให้เลือกถึง 2 รุ่นด้วยกันคือ PicoWay Laser และ Pico Discovery Laser ราคาเริ่มต้น 1 ครั้ง 4,500 บาท
- Dual Yellow Laser : มีส่วนช่วยในการแก้ปัญหาผิวและช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวไม่ว่าจะเป็นฝ้ากระจุดด่างดำรอยสิวรอยแผลเป็นต่างๆ รอยดำ รอยแดง รอยแผลเป็น ราคาเริ่มต้น 1 ครั้ง 3,500 บาท
6. ใช้เครื่องยกกระชับผิวกระตุ้นคอลลาเจน
เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมในการช่วยฟื้นฟูผิวจากภายใน ด้วยกันส่งพลังงานคลื่น จากตัวเครื่องยกกระชับผิวลงไปช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสตินในใต้ชั้นผิวให้เกิดการเพิ่มขึ้นและจัดเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบมากขึ้น ส่งผลให้ผิวชั้นนอกมีความกระชับเต่งตึง เรียบเนียน แก้ปัญหาริ้วรอยร่องลึกได้ดี โดยเครื่องยกกระชับผิวที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันมี 3 เครื่องหลัก ได้แก่
- Hifu
เป็นเครื่องยกกระชับที่มีการใช้คลื่นเสียงอัลตร้าซาว์ดที่ถูกพัฒนามาช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวทำให้ เป็นตัวช่วยให้ปรับผิวให้กระชับ แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ปรับรูปหน้ามีความเรียวเข้ารูปได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งเครื่อง Hifu ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตอนนี้คือ Ultraformer MPT และ Ultraformer III - Thermage
เครื่องนี้จะมีการใช้คลื่นวิทยุความถี่สูงแบบขั้วเดียว (Monopolar RF) ในการยิงเข้าไปช่วยการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว โดยจุดเด่นคือสามารถส่งพลังงานลงไปได้ถึง 3 ชั้นผิวคือ ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) , หนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมัน (Subcutaneous fat) ทำให้ผิวมีความกระชับเต่งตึงและช่วยสลายไขมันส่วนเกินในชั้นผิวได้ดี - Ulthera
เป็นเครื่องยกกระชับผิวที่มีการใช้คลื่นเสียงที่มีความถี่สูง แบบเฉพาะเจาะจง (High Intensity Focused Ultrasound) ทำให้ตัวเครื่องมีความแม่นยำสูง และสามารถยิงพลังงานได้ลึกถึงชั้น SMAS ที่เป็นผิวชั้นเดียวกันกับการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า ทำให้เครื่องนี้โดดเด่นอย่างมากในการช่วย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนปรับผิวให้มีความเต่งตึงกระชับ เรียบเนียนและให้ผลลัพธ์ได้ดีกว่าการทำ Hifu
7. ทำทรีตเมนต์ผิวกระตุ้นคอลลาเจน
การทำทรีตเมนต์ผิวนั้นเป็นอีกหนึ่งวิธีในการช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวได้ดีมากๆ เพราะในการบำรุงและค่าพลังงานของเครื่องทำทรีตเมนต์หน้าแต่ละแบบนั้นจะไปช่วยบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้นและกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิวได้ดี อย่างเช่น โปรแกรมทรีตเมนต์ New Pola Cool เป็นต้น
8. การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
หลายคนอาจจะมองข้ามเรื่องของการนอนไป ซึ่งต้องบอกเลยว่าช่วงเวลาในการพักผ่อนนั้นสำคัญต่อผิวเราอย่างมาก เพราะในช่วงที่เรากำลังนอนหลับจะเป็นช่วงที่ร่างกายได้มีการฟื้นฟูและซ่อมแซ่มเซลล์ผิว รวมไปถึงสร้างคอลลาเจนในผิวเราอีกด้วย ดังนั้นหากพักผ่อนไม่เพียงพอร่างกายก็จะไม่สามารถสร้างคอลลาเจนขึ้นมาได้นั่นเอง
9. งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
นอกจากการนอนให้เพียงพอจะช่วยทำให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนมาเสริมผิวได้ดีแล้ว การงดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ก็ช่วยได้เช่นกัน เนื่องจากสารต่างๆ อย่าง สารนิโคตินในบุหรี่นั้นถือเป็นตัวการสำคัญในการทำลายคอลลาเจนในผิวของเราให้เสื่อมโทรมลง ดังนั้นหากเลิกสูบและเลิกดื่มได้ก็จะทำให้คอลลาเจนที่ร่างกายเราสร้างขึ้นมาอยู่กับเราไปได้นานมากยิ่งขึ้น
คอลลาเจนแบบไหนที่ร่างกายดูดซึมนำไปใช้ได้ดีที่สุด
คำตอบคือคอลลาเจนแปปไทด์แบบ 100% เนื่องจากมีอนุภาคที่เล็กกว่าคอลลาเจนชนิดอื่นๆ รวมถึงมีความเข้มข้นที่สูงจึงทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมและนำไปใช้ได้ดีและไวที่สุด
ใครที่เหมาะและไม่เหมาะกับการทานคอลลาเจน
ใครบ้างที่ควรทานคอลลาเจน
- ผู้ที่ต้องการดูแล ผิวพรรณให้มีความกระชับเต่งตึงสุขภาพดี
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวจากปัญหารอยแผล รอยสิวให้ไวยิ่งขึ้น
- ผู้ที่ต้องกันช่วยให้ผิวมีความแข็งแรงและยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น
- ผู้สูงอายุที่เริ่มมีอาการปวดข้อเข่า
- ผู้ที่ต้องการบำรุงกระดูก และข้อต่อต่างๆ
ใครที่ไม่ควรทานคอลลาเจน
กลุ่มคนที่ไม่ควรทานคอลลาเจนคือกลุ่มคนที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน และหลอดเลือด อย่างเช่นโรคต่างๆดังต่อไปนี้
- โรคธาลัสซีเมีย
- โรคไต
- โรคไวรัสตับอักเสบ
- โรคลิ่มเลือดหัวใจ
- โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
รวมไปถึงกลุ่มคนที่มีประวัติการแพ้อาหารทะเลเนื่องจากอาหารเสริมคอลลาเจนที่วางขายในตลาดส่วนใหญ่นั้นล้วนสกัดมาจากปลาทะเล
ฉีดหรือทานคอลลาเจน มีผลข้างเคียงไหม
การฉีดหรือทานคอลลาเจนนั้นไม่มีผลข้างเคียงอะไรในระยะสั้นแต่แน่นอนว่าย่อมมีผลข้างเคียงในระยะยาว โดยเฉพาะกับตับและไต แต่ก็แน่นอนว่าเราควรฉีดหรือทานคอลลาเจนที่ได้มาตรฐานได้ผ่านการขึ้นทะเบียนการรับรองความปลอดภัยจากอย.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
คำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับคอลลาเจน
คอลลาเจนช่วยให้ผิวขาวจริงไหม
คอลลาเจนไม่ได้มีส่วนช่วยทำให้ผิวขาวขึ้นหรือกระจ่างใสมากขึ้น แต่คอลลาเจนจะมีส่วนช่วยในการซ่อมแซมและบำรุงผิว แก้ปัญหาผิวเสื่อมโทรม ปรับผิวให้มีความยืดหยุ่นสุขภาพดีหรือช่วยทำให้ผิวของเรามีความแข็งแกร่งขึ้นนั่นเอง
คอลลาเจนควรทานตอนไหนจึงจะดีที่สุด
การทานคอลลาเจนให้ได้ประโยชน์มากที่สุดนั้นควรทานในช่วงที่ท้องว่าง ไม่ว่าจะเป็นช่วงเช้าก่อนมื้ออาหาร ประมาณ 30 นาที หรือทานก่อนนอน เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึม นำไปใช้ได้ในช่วงเวลาที่เรากำลังนอนหลับ
ฉีดหรือทานคอลลาเจน มีผลต่อตับไหม
มีผลต่อตับอย่างแน่นอนในระยะยาว เนื่องจากการทานคอลลาเจนติดต่อกันนานๆ ในปริมาณที่มากอาจทำให้ตับ ของเราทำงานหนักขึ้นจนสามารถถึงขั้นเกิดอาการตับอักเสบได้โดยอาการคือ มีลักษณะตัวเหลืองตาเหลือง และอ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งหากมีอาการดังกล่าวแนะนำให้รีบพบแพทย์อย่างทันที
ทานคอลลาเจนควรกินวันละกี่ครั้ง
ปริมาณการทานคอลลาเจนนั้นควรทานเพียงแค่วันละ 1 ครั้ง ในปริมาณ 5,000-10,000 มิลลิกรัมก็ถือว่า เป็นปริมาณที่เพียงพอแล้วในแต่ละวัน ซึ่งสามารถทานร่วมกับวิตามินบำรุงผิวแบบอื่นๆ เพื่อช่วยให้เห็นผลลัพธ์ ที่ดีและไวยิ่งขึ้นได้
คอลลาเจนแบบทานมีวันหมดอายุไหม
คอลลาเจนในรูปแบบการทานนั้นจะมีวันที่ผลิตและหมดอายุติดอยู่ที่ข้างผลิตภัณฑ์ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วหากมีการเปิดทางครั้งแรกควรทานให้หมดภายใน 1 ปี เพื่อป้องกันไม่ให้คอลลาเจนเกิดการเสื่อมสภาพเกิดขึ้น
คอลลาเจนช่วยลดสิวได้ไหม
คอลลาเจนสามารถช่วยลดโอกาสการเกิดสิวได้ แล้วนอกจากนั้นยังช่วย ฟื้นฟูเซลล์ผิว จากการเป็นสิวให้ ให้บาดแผลเกิดการสมานกันได้ไว้ได้ยิ่งขึ้นอีกด้วย แต่ทั้งนี้จะต้องเป็นคอลลาเจนเปปไทด์ที่มีความบริสุทธิ์สูง มีโมเลกุลขนาดเล็กที่ร่างกายสามารถดูดซึมนำไปใช้ได้นั่นเอง
สรุป
คอลลาเจนถือเป็นสารที่มีความสำคัญอย่างมากต่อร่างกายทั้งในเรื่องของสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นระบบข้อต่อ มวลกระดูก หรือแม้แต่ด้านผิวพรรณ ที่เป็นส่วนช่วยในการดูแลผิว ให้มีความกระชับเต่งตึง ช่วยให้ผิวมีความสุขภาพดี ช่วยให้เซลล์ผิวมีความแข็งแรง และแน่นอนว่า วิธีการเพิ่มคอลลาเจนให้แก่ร่างกายนั้นก็มีหลากหลายวิธีด้วยกันไม่ว่าจะเป็นการทาน หรือการใช้หัตถการทางการแพทย์ที่เข้ามาช่วย ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ซึ่งถือเป็นวิธีที่ดีและทำให้เห็นผลไวกว่าการทาน
แหล่งที่มา: