10 ข้อควรรู้ก่อนทำ Hifu คืออะไร? มีกี่แบบ? เลือกยี่ห้อไหนดี ให้เหมาะกับเรา
Hifu การยกกระชับผิวที่เริ่มได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน จากความปลอดภัยและประสิทธิภาพของตัวเครื่อง สามารถช่วยแก้ปัญหาได้หลากหลาย เหมาะกับคนที่กังวลเรื่องความหย่อนคล้อย หลายคนยังคงสงสัยในหลักการทำงานของ Hifu และความต่างระหว่างนวัตกรรมยกกระชับอื่นๆ อย่าง Ulthera และ Thermage บทความนี้จะมาตอบทุกคำถาม เพื่อเตรียมพร้อมให้เลือกทำ Hifu ออกมาได้ผลลัพธ์ที่ดี
Hifu คืออะไร?
Hifu คือ นวัตกรรมความงามที่ช่วยยกกระชับผิวโดยไม่ต้องใช้การฉีด ซึ่งให้ผลลัพธ์เรื่องความอ่อนเยาว์ของผิวได้ดี เครื่อง Hifu ใช้พลังงานจากคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์แบบเฉพาะเจาะจง (Hight Intensity Focus Ultrasound) โดยเครื่องจะส่งพลังงานคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ลงสู่ผิวลึกถึงชั้นไขมันและชั้นผิว SMAS เพื่อให้เกิดการหดตัวอย่างรวดเร็ว ลักษณะคล้ายกับการเย็บเนื้อเยื่อ กระตุ้นให้ผิวปรับโครงสร้างให้มีความกระชับ ยืดหยุ่น และแข็งแรงขึ้น นวัตกรรม Hifu มีความปลอดภัยสูง สามารถทำได้ทุกตำแหน่งแม้แต่รอบดวงตาที่มีความบอบบาง
เครื่อง Hifu มีกี่แบบ กี่ยี่ห้อ ต่างกันอย่างไร?
- Hifu ธรรมดา
เครื่อง Hifu ธรรมดาจะมีขนาดพลังงานจุดไข่ปลาที่ค่อนข้างเล็ก ไม่เกิน 0.5 mm ซึ่งอาศัยจำนวนครั้งในการทำที่มากกว่า เหมาะกับทำในตำแหน่งที่มีพื้นที่เล็กๆ มากกว่า - Sygmalift Hifu
เครื่อง Sygmalift Hifu รุ่น New Generation จะมีการปล่อยพลังงานแบบ Fractional Beam ลงลึกได้ถึงชั้นผิว SMAS ทำให้ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและกระชับความหย่อนคล้อยได้ดี เจ็บน้อยกว่า - Ultrafomer III
เครื่อง Ultrafomer III หรือ Hifu Macrofocus จะมีการใช้คลื่นเสียงชนิด MMFU (Microfocus and Macrofocus Ultrosound) ในการส่งพลังงานลงไปกระชับผิว ซึ่งหลังทำจะเห็นผลลัพธ์การกระชับผิวได้มากถึง 60 – 70% มีค่าพลังงานที่คงที่ ช่วยกระชับไขมันได้ คงผลลัพธ์ได้ค่อนข้างนานประมาณ 1 ปี
Hifu ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
Hifu เป็นนวัตกรรมยกกระชับผิวที่ลงลึกถึงชั้น SMAS และชั้นไขมัน มีการกระตุ้นให้เกิดคอลลาเจนและปรับโครงสร้างผิวใหม่ ผลลัพธ์ในการทำจึงช่วยกระชับผิวรวมไปถึงทำให้ผิวมีความแข็งแรงขึ้น ซึ่งช่วยแก้ปัญหาได้ดังนี้
- ลดความหย่อนคล้อย
ความหย่อนคล้อยของผิวเกิดจากการที่โครงสร้างชั้นผิวขาดความยืดหยุ่น Hifu จะสามารถช่วยเร่งให้เกิดการยกกระชับผิวโดยการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ปรับเส้นใยให้แข็งแรง - ลดริ้วรอย
ริ้วรอยก็เป็นปัญหาผิวที่เกิดจากความหย่อนคล้อยของอิลาสตินในชั้นผิวเช่นกัน Hifuสามารถยกกระชับ และลดความหย่อนคล้อยที่เกิดขึ้นใหม่ได้ โดยเฉพาะริ้วรอยเล็กๆ อย่างร่องใต้ตา ร่องแก้ม หรือเส้นบริเวณลำคอ - กระชับรูขุมขน
นอกจากการกระชับความหย่อนคล้อยแล้ว รูขุมขนก็จะเล็กลง ผิวโดยรวมดูเรียบเนียน เพราะชั้นผิวแข็งแรงขึ้นหลังทำนั่นเอง - ยกกระชับกรอบหน้า
Hifu สามารถช่วยยกกระชับความหย่อนคล้อยของผิวทั้งจากปัญหาเนื้อเยื่อและไขมัน เหมาะกับทำเพื่อแก้ปัญหาแก้มห้อย แก้มย้อย ทั้งจากอายุที่มากขึ้น หรือจากการมีไขมันส่วนเกินบนใบหน้าเยอะได้เช่นกัน - แก้ปัญหาคางสองชั้น
เนื่องจาก Hifu สามารถกระชับผิวในชั้นไขมันได้ หากทำบริเวณคางก็ช่วบลดคางสองชั้นได้เช่นเดียวกัน - ปรับผิวกระจ่างใสขึ้น
หลังทำ Hifu ผิวจะมีการปรับโครงสร้างให้แข็งแรงขึ้น เป็นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งส่งผลเรื่องความกระจ่างใสได้อีกด้วย
Hifu เหมาะกับใครบ้าง?
Hifu เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยจากอายุที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งคนที่กังวลเรื่องไขมันส่วนเกินบนใบหน้าและตามร่างกาย และคนที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ของสภาพผิวที่ดูอ่อนเยาว์ขึ้น เน้นกระชับผิว ลดเส้นริ้ว และต้องการความเป็นธรรมชาติ ไม่มีแผลหลังทำ รวมถึงไม่ต้องใช้เทคนิคการฉีดหรือการผ่าตัด นอกจากนี้ยังเป็นนวัตกรรมที่เหมาะกับคนทุกวัย สามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 20+ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดร่องแก้ม หรือร่องใต้ตาก่อนวัยได้
Hifu ทำบริเวณไหนได้บ้าง?
Hifu สามารถทำได้ทั้งบนใบหน้าและร่างกาย แต่ควรเลือกยี่ห้อ ค่าพลังงาน หรือหัวยิงความลึกที่เหมาะสมกับส่วนต่างๆ ที่ทำ หากต้องการเครื่อง Hifu ที่สามารถทำได้ทุกตำแหน่งแนะนำให้เลือก Ultraformer III จะเหมาะสมที่สุด สามารถทำตำแหน่งต่างๆ ได้ดังนี้
- รอบดวงตา : เพื่อช่วยแก้ปัญหาตีนกา และริ้วรอยแห่งวัย พร้อมช่วยยกหางตาเพื่อแก้ปัญหาหางตาได้ดี
- หน้าผาก : แก้ปัญหาริ้วรอย รอยย่นบริเวณหน้าผากที่จะส่งผลทำให้ใบหน้าดูมีอายุ
- แก้ม : ช่วยปรับรูปหน้า แก้ปัญหาลดไขมันแก้ม แก้มหย่อนให้มีความกระชับเต่งตึงมากยิ่งขึ้น
- กรอบหน้า : เพื่อสร้างกรอบหน้าที่ชัดเจนและเข้ารูปมากยิ่ง สร้างทรงหน้าเรียว หน้าวีเชฟ
- ใต้คาง : แก้ปัญหาเหนียง หรือคางสองชั้นได้ดี ส่งผลให้ใบหน้าดูสมส่วน
- คอ : ช่วยลดริ้วรอย รอยย่นที่คอ ทำให้ผิวดูมีความอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น
- ต้นแขน : ช่วยแก้ปัญหาแขนใหญ่ ต้นแขนไม่กระชับ รวมไปถึงช่วยกำจัดเซลลูไลท์ได้ดี
- ต้นขา : กำจัดเซลลูไลท์และไขมันส่วนเกิน ทำให้ต้นขากระชับมากขึ้น
- หน้าท้อง : ลดไขมันหน้าท้อง กำจัดเซลลูไลท์ให้ผิวหน้าท้องกระชับ
- รอบเอว : ปรับขนาดรอบเอวให้เล็กและกระชับมากขึ้น ช่วยเพิ่มส่วนเว้า ส่วนโค้งให้ร่างกาย
- สะโพก : ปรับสะโพกให้กระชับเข้ารูปมากยิ่งส่งผลให้มีหุ่นที่เข้ารูปหรือหุ่นวีเชฟ
Hifu มีข้อดี-ข้อเสีย อะไรบ้าง?
Hifu Macrofocus ที่ทำแล้วเห็นผลลัพธ์ได้ดีจะเหมาะกับทำตั้งแต่มีอายุน้อยๆ 20 ปีขึ้นไป เพราะจะช่วยให้มีประสิทธิภาพ ชะลอความหย่อนคล้อย และแก้ปัญหาผิวได้ดี โดยมีข้อดีและข้อจำกัดดังนี้
ข้อดีของการทำ Hifu
- ยกกระชับผิวได้โดยไม่ต้องใช้เข็มหรือการผ่าตัด
- มีความปลอดภัยสูง ไม่ทำให้ผิวไหม้
- หลังทำไม่ต้องพักฟื้น
- ไม่มีรอยช้ำหลังทำ
- ลดริ้วรอยตื้นๆ ได้ดี
- กระชับกรอบหน้า และสลายไขมันส่วนเกินได้บางส่วน
- สามารถทำบริเวณรอบดวงตาได้โดยไม่กระทบกับการมองเห็น
- หลังทำสามารถทำหัตถการอื่นๆ ต่อได้
- ทำซ้ำบ่อยๆ ได้
ข้อเสียของการทำ Hifu
- ระหว่างทำต้องทนเจ็บในระดับหนึ่งจึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีได้
- หลังทำ 1 – 2 ชั่วโมงอาจมีรอยแดงเล็กน้อย
- ต้องดูแลหลังทำเป็นพิเศษในช่วงแรกๆ เพื่อลดโอกาสเกิดการระคายเคือง
Hifu เจ็บ ไหม? ให้ความรู้สึกขณะทำอย่างไร
การทำ Hifu ให้มีประสิทธิภาพต้องทนต่อความเจ็บในระดับหนึ่ง ระหว่างทำจะรู้สึกตึงๆ หรือปวดในผิว แต่จะไม่มีอาการแสบร้อน เนื่องจากเครื่องจะส่งพลังงานไปในชั้นผิว SMAS หากมีการเคลมว่าการทำ Hifu ไม่เจ็บเลยอาจเป็นไปได้ว่ามีการใช้เครื่องที่ค่าพลังงานต่ำ หรือไม่ได้มาตรฐาน
Hifu ต้องทำกี่ไลน์ถึงจะเห็นผล
ในการ Hifu แต่ละครั้งนั้นจะใช้จำนวนไลน์ขึ้นอยู่กับปัญหาผิว แต่โดยปกติแล้วแพทย์จะมีการแนะนำให้ใช้จำนวนไลน์เริ่มต้นดังนี้
- บริเวณแก้มและเหนียง เริ่มต้น 300 ไลน์ต่อครั้ง
- บริเวณใต้ตาและแก้ม เริ่มต้น 300 ไลน์ต่อครั้ง
ทั้งนี้ก็จะขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและความต้องการเห็นผลลัพธ์ของคนไข้ เพราะหากมีปัญหาผิวที่มากก็ควรที่จะเพิ่มจำนวนไลน์ให้มากขึ้นเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนและตามความพึงพอใจของคนไข้
Hifu หลังทำกี่วันเห็นผล
หลังทำ Hifu ในครั้งแรกจะเห็นผลความเปลี่ยนแปลงทันที 20% จากการหดตัวของผิวหลังผ่านความร้อนสูง เสมือนการจี่เนื้อบนกระทะ ซึ่งผลลัพธ์ของ Hifu จะเห็นผลได้ชัดเจนและได้ประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อผ่านไปแล้ว 2 – 3 เดือน
Hifu กี่ต้องทำกี่ช็อต ถึงจะเห็นผล
ปริมาณช็อตในการทำ Hifu ให้เห็นผลดีในแต่ละบุคคลจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมัน สภาพผิว หรือความหย่อนคล้อยในตำแหน่งที่ทำ ก่อนทำแพทย์จะช่วยประเมินและคำนวณปริมาณช็อตที่เหมาะสมให้ สำหรับคนที่กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นตามจำนวนช็อตก็อยากแนะนำให้เลือกทำกับทางกังนัมคลินิก เพราะมีบริการยิงแบบบุฟเฟต์ช็อต เหมาะกับคนที่อยากทำในพื้นที่กว้างๆ หรือมีปัญหาความหย่อนคล้อยที่ค่อนข้างเยอะ
Hifu อยู่ได้กี่เดือน
โดยทั่วไปแล้ว Hifu จะอยู่ได้นาน 5 – 6 เดือน และมีระยะเวลายืดออกไปได้ถึง 1 ปี หากคนไข้สามารถทนต่อความเจ็บระหว่างทำได้นาน ประกอบกับการดูแลตัวเองหลังทำด้วยเช่นกัน
ข้อควรระวังและผู้ที่ไม่เหมาะกับการทำ HIfu
- สตรีที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์
- คนที่มีอาการผิวอักเสบ แผลถลอก หรือเพิ่งผ่านการผ่าตัดมาน้อยกว่า 6 เดือน
- คนที่มีโรคประจำตัวที่เกิดจากการไหลเวียนเลือดผิดปกติ เช่น โรคความดันโลหิตสูงโรคไต โรคหัวใจ
- คนที่อยู่ระหว่างการใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (Pacemaker)
- คนที่มีอาการบกพร่องทางการรับความรู้สึก
ข้อแตกต่างระหว่าง Hifu, Ulthera และ Thermage
Hifu Ulthera และ Thermage ต่างเป็นเครื่องยกกระชับผิวที่ส่งคลื่นพลังงานลงไปเพื่อช่วยให้เกิดการหดตัวของผิวได้คล้ายกัน แต่มีความต่างตรงความลึกในการส่งพลังงาน ลักษณะรูปแบบของคลื่นพลังงาน และความร้อน โดยมีจุดที่ต่างกันดังนี้
- Hifu
Hifu มีพลังงานความร้อนระหว่าง 60 – 70 องศา จะมีการปล่อยพลังงานคลื่นอัลตร้าซาวด์ (High Intensity Focus Ultrasound Macrofocus) ในลักษณะของจุดไข่ปลาขนาด 0.5 – 1 mm เกิดการหดของผิวตามทิศทางของเส้นจึงสามารถกำหนดตามแนวที่ต้องการได้ และสามารถลงลึกได้ตั้งแต่ชั้นหนังกำพร้า หนังแท้ ชั้นไขมัน และชั้น SMAS ให้ผลลัพธ์นาน 5 – 6 เดือน - Ulthera
Ulthera จะส่งพลังงานคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ (High Intensity Focus Ultrasound) แบบจุดเช่นกัน แต่มีขนาดที่กว้าง 1 mm ด้วยความร้อน 65 – 70 องศา สามารถลงลึกได้ถึงชั้น SMAS จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวจากความหย่อนคล้อยและริ้วรอย ให้ผลลัพธ์นาน 1 ปี ( อ่านข้อมูลเพิ่มเติม รู้ก่อนทำ Ulthera คืออะไร? ช่วยยกกระชับ แก้ปัญหาผิวแบบไหนได้บ้าง? ) - Thermage
Thermage จะต่างออกไปจาก Hifu และ Ulthera เพราะเป็นการใช้พลังงานคลื่นวิทยุ Monopolar RF ที่ให้ความร้อน 45 – 47 องศา และส่งพลังงานออกไปในแนวกว้าง ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า จึงค่อนข้างเจ็บกว่า จะเห็นผลได้ดีในคนที่สามารถทนความเจ็บได้ในระดับสูง ให้ผลลัพธ์ผิวที่อ่อนเยาว์ เหมาะกับคนที่มีอายุมาก ให้ผลลัพธ์นาน 1 – 2 ปี ( อ่านข้อมูลเพิ่มเติม รู้ก่อนทำ Thermage คืออะไร? ช่วยกระชับผิวหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัดได้จริงไหม? )
การทำ Hifu ดีกว่าการรักษาริ้วรอยด้วย Botox และ Filler จริงหรือไม่?
แม้ว่าหัตถการอย่างโบท็อกหรือฟิลเลอร์จะสามารถช่วยให้เห็นผลลัพธ์ในการกระชับผิว ลดริ้วรอยได้เหมือนกับการยกกระชับด้วย Hifu แต่หัตถการทั้งสองอย่างจะเปรียบเสมือนการแก้ไขแบบชั่วคราว เนื่องจากคงสภาพได้ในระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น
ซึ่งต่างจาก Hifu ที่เป็นการแก้ตรงจุดไปยังโครงสร้างชั้นผิว มีการปรับเส้นใยคอลลาเจนให้แข็งแรงขึ้นได้ถึงชั้นผิว SMAS และชั้นไขมัน นอกจากการยกกระชับความหย่อนคล้อยแล้วยังช่วยลดไขมันส่วนเกินได้บางส่วนอีกด้วย ผลลัพธ์หลังทำมีความเป็นธรรมชาติกว่า และยังสามารถทำซ้ำได้บ่อยกว่า
การเตรียมตัวก่อนทำ- หลังทำ Hifu
การเตรียมตัวก่อนทำ Hifu
- งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อช่วยสร้างคอลลาเจนได้ดี
วิธีดูแลตัวเองหลังทำ Hifu
- หลีกเลี่ยงการออกนอกสถานที่กลางแจ้ง 1 – 2 สัปดาห์
- ทาครีมกันแดดที่มี SPF สูง เพื่อป้องกัน UV
- แนะนำให้ทานยาแก้ปวดหากมีอาการตึงหรือเมื่อยบริเวณที่ทำ
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่
- ไม่ควรสัมผัสใบหน้าแรงๆ หรือขัดถูผิว
- เลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ผิวสัมผัสความร้อนสูง
ผลข้างเคียงหลังทำ Hifu ที่ได้พบบ่อย
โดยปกติหลังทำ Hifu จะมีอาการบวมที่อาจเกิดขึ้นได้ในช่วง 1 – 2 สัปดาห์แรก แต่สามารถหายไปได้เองตามปกติ ไม่ได้เป็นผลข้างเคียงที่อัลตราย เทียบกับผลลัพธ์ที่ช่วยยกกระชับได้ดีจึงเป็นนวัตกรรมความงามที่ตอบโจทย์สำหรับคนที่กังวลเรื่องความหย่อนคล้อยของผิว
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Hifu
ร้อยไหม ฉีดโบ ฉีดฟิลเลอร์ทำ Hifu ได้ไหม?
การทำ Hifu สามารถทำควบคู่กับหัตถการอื่นๆ ได้อย่างปลอดภัย และยังช่วยให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นได้ หัตถการที่สามารถทำด้วยกันได้ คือ ร้อยไหม โบท็อก ฟิลเลอร์ รวมถึงเมโสแฟต แต่ควรอยู่ภายใต้ความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
หลังทำ Hifu นวดหน้าได้ไหม?
หลังทำ Hifu ผิวจะผ่านความร้อนสูงมาจึงไม่ควรทำกิจกรรมที่โดนความร้อนโดยตรง รวมถึงการสัมผัสผิวแรงๆ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการนวดหน้าด้วยเช่นกัน
หลังทำ ดื่มเหล้า เบียร์ได้ไหม?
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภทรวมถึงบุหรี่มีสารพิษที่จะทำลายคอลลาเจนในชั้นผิวได้ หากต้องการให้ผลลัพธ์หลังทำ Hifu ออกมาดี ควรงดดื่มอย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังทำ
ทำ Hifu กับคลินิกที่ไหนดี?
หลักเกณฑ์ในการเลือกคลินิกสำหรับทำ Hifu ให้ได้ผลลัพธ์การยกกระชับที่ดีควรคำนึงปัจจัยต่อไปนี้
- ยี่ห้อเครื่อง Hifu
เครื่อง Hifu ที่ช่วยให้การยกกระชับเห็นผลต้องเป็นเครื่องที่มีค่าพลังงานเหมาะสม ลงสู่ชั้นผิวได้ลึก และผ่านการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ แนะนำเป็นรุ่น Sygmalift Hifu และ Ultraformer III - ราคาในการทำ
แต่ละคลินิกจะมีค่าบริการตามช็อตหรือไลน์ในการยิงที่ต่างกัน บางคลินิกที่มีบริการยิงแบบบุฟเฟต์ก็จะตอบโจทย์กับคนที่ต้องการทำในบริเวณกว้างได้มากกว่า - ความเชี่ยวชาญของแพทย์
ก่อนทำ Hifu ต้องมีการประเมินจำนวนช็อตจากแพทย์เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดี หากแพทย์มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญจะช่วยคำนวณการรักษาได้อย่างเหมาะสม - การดูแลหลังทำ
คลินิกที่ดีต้องมีการติดตามผลหลังทำ เพื่อคอยให้คำแนะนำการดูแลตัวเองหลังทำได้อย่างถูกต้อง
รีวิว Hifu ยกกระชับใบหน้า
สรุป
การทำ Hifu เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่มีปัญหาความหย่อนคล้อย ริ้วรอย ผิวเริ่มมีปัญหาขาดความกระชับ รวมไปถึงคนที่ต้องการยกกระชับหน้าเรียว ซึ่งเหมาะกับทำได้ตั้งแต่วัยรุ่น 20 ปีขึ้นไป มีความปลอดภัยสูงเมื่ออยู่ภายใต้การดูแลของคลินิกที่น่าเชื่อถือ และเลือกใช้เครื่อง Hifu ที่มีประสิทธิภาพ
สำหรับผู้ที่สนใจบริการ Hifu กังนัมคลินิกก็มีบริการนี้เช่นกัน สามารถเลือกทำได้แบบบุฟเฟต์ช็อต คุ้มค่าในการทำ สามารถขอข้อมูลเพิ่มเติม หรือสอบถามได้ทาง Line : @gangnamclinic