ฉีดเมโสหน้าใส (Mesotherapy) คือ? ช่วยอะไร ตอบทุกข้อสงสัยก่อนฉีดเมโสที่ควรรู้

ฉีดเมโสหน้าใส คืออะไร

เมโสหน้าใส หรือชื่อใช้เรียกในวงการแพทย์ คือ Mesotheraphy เป็นการฉีดวิตามินและสารบำรุงเข้าสู่ผิวหน้าโดยตรง เพื่อฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพและมอบผิวสวยสว่างกระจ่างใส ให้ผิวชุ่มชื้น ลดอาการอักเสบต่างๆบนผิวหน้า และ ช่วยขับสารพิษที่สะสม ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น โดยผิวจะสามารถดูดซึมวิตามินและนำมาฟื้นฟูตัวเองได้ดีกว่า การทานวิตามินบำรุงผิวหลายสิบเท่า ดังนั้นการฉีดเมโสหน้าใสจึงเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และถึงมากที่สุด

เมโสหน้าใส คืออะไร ?

เมโสหน้าใส คือ การนำเอาสารสกัดเข้มข้นที่มีส่วนประกอบของวิตามินต่างๆ และสารบำรุงที่มีประโยชน์ต่อผิวมาผสมกัน เช่น วิตามินเอ วิตามินอี วิตามินซี คอลลาเจน คิวเท็น โคเอนไซม์ และ กลูต้าไธโอน แล้วฉีดเข้าไปในผิวชั้นกลางของผิวหน้าโดยตรง เพื่อให้ผิวหน้าได้รับการบำรุงอย่าล้ำลึก และตรงจุด วิธีนี้จะทำให้ผิวหน้าค่อยๆฟื้นฟูและค่อยๆดีขึ้นในวันถัดไปและจะเห็นผลที่ชัดเจนภายใน 7-14 วัน

เมโสหน้าใส ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?

เมโสหน้าใส ช่วยอะไรบ้าง

การฉีดหน้าใสเป็นการบำรุงผิวอย่างล้ำลึกจากภายใน โดยแต่ละคลินิกจะมีการใช้ตัวยาที่แตกต่างกัน แต่คุณสมบัติหลักของเมโสหน้าใสคือ

  • การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวฟูละเอียด อิ่มน้ำ ฉ่ำวาวอย่างเห็นได้ชัด
  • ช่วยลดรอยดำที่เกิดจากสิว จุดด่างดำบนใบหน้า ฝ้า กระ ให้จางลง และ ช่วยทำให้ผิวที่หมองคล้ำดูสดใสขึ้น
  • ช่วยปรับสมดุลความชุ่มชื้น ทำให้ผิวไม่แห้ง ลดความมันส่วนเกิน
  • ช่วยลดการอักเสบของสิวและผิวหน้า
  • ช่วยฟื้นฟูให้ผิวแข็งแรงขึ้น ลดอาการแพ้ง่ายของผิวหน้า
  • ทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียน รูขุมขนเล็กลง และจะเห็นผลอย่างชัดเจนมากขึ้นเมื่อทำอย่างต่อเนื่อง
ฉีดเมโสหน้าใส มีกี่แบบ

วิธีการฉีดเมโสหน้าใส มีกี่แบบ แตกต่างกันอย่างไร ?

วิธีการฉีดเมโสหน้าใสที่ได้รับความนิยมจะมี 2 แบบ ได้แก่

1. การฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด

เป็นวิธีการใช้เข็มฉีดยาสะกิดผิวหน้าเป็นจุดเล็ก ๆ ใบชั้นผิวที่ตื้นๆ ให้ทั่วบริเวณใบหน้า เพื่อให้วิตามินซึมซาบเข้าสู่ผิว ถือเป็นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับชั้นผิว แต่การฉีดด้วยวิธีนี้ ข้อเสียคือ อาจทำให้เกิดรอยแดงขึ้นบนใบหน้า และถ้าระหว่างฉีด ไม่ดูแลรักษาความสะอาดมากพอ อาจเกิดการอักเสบและติดเชื้อขึ้นได้ วิธีนี้เป็นวิธีที่ทำให้ผิวหน้าเกิดการระคายเคืองได้มากกว่าการฉีดแบบ 16 จุด

2. การฉีดเมโสหน้าใสแบบ 16 จุด

เป็นวิธีการใช้เข็มยาฉีดวิตามินเข้าไปตามทิศทางการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลือง เป็นการฉีดเอาไปยังชั้นผิวหนังที่ลึกกว่า ทำให้วิตามินให้ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น ด้วยวิธีนี้จะทำให้เกิดแผลน้อยกว่า เจ็บน้อยกว่า แต่ประสิทธิภาพของยาออกฤทธิ์ได้ยาวนานมากขึ้น โดยรวมแล้ววิธีนี้เห็นผลดีกว่าการฉีดแบบสะกิด

เเมโสหน้าใสแต่ละยี่ห้อ

เมโสหน้าใส รุ่นไหน ยี่ห้อไหนดีที่สุด?

เมโส มีมากมายหลายหี่ห้อ หลายแบบ ก่อนการฉีดจึงควรเลือกสูตรที่เหมาะสมกับปัญหาของคนไข้ โดยผ่านการประเมินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

จุดเด่นของเมโสหน้าใสแต่ละยี่ห้อ

มาเด้ คอลลาเจน

ช่วยในการขับสารพิษ ลดอาการแพ้บนผิวหน้า ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้อิ่มฟู ลดความหมองคล้ำ ทำให้ผิวกระจ่างใส ลดอาการอักเสบและปัจจัยที่ทำให้เกิดสิว เป็นยี่ห้อที่กังนัมคลินิกเลือกใช้ในเคสที่คนไข้มีปัญหาสิวอุดตัน ผิวแพ้ง่าย แนะนำฉีดเว้นห่างกัน 1เดือนเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน โดยปกติแล้วคนไข้ที่ฉีดต่อเนื่องกันอย่างน้อย 3 เข็ม รู้สึกได้เลยว่าผิวลื่นและสิวน้อยลง

บทความแนะนำเพิ่มเติม

Cytocare ไซโตแคร์

เร่งการผลัดเซลล์ผิวเก่า ลดเม็ดสีฝ้ากระได้ดี รวมถึงกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว เน้นให้ผิวแข็งแรง แนะนำฉีดเว้นห่างกัน 1-2 เดือนเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง เป็นยี่ห้อที่กังนัมคลินิกแนะนำสำหรับคนไข้ผิวแพ้ง่าย หมองคล้ำ ตัวนี้ได้ผลดีมากหากฉีดอย่างต่อเนื่องค่ะ คนไข้ที่ได้รับการฉีดทุกๆเดือน จะรู้สึกว่าผิวเงาขึ้น ผิวเนียนเรียบขึ้นอย่างมีนัยะสำคัญค่ะ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ไซโตรแคร์ (Cytocare) คืออะไร?

Rejuran รีจูรัน

สารสกัดเข้มข้น Polynucleotide (PN) สารสกัดจากชิ้นส่วน DNA จากปลาแซลมอนที่เข้ากันได้ดีกับร่างกายของมนุษย์โดยการฉีดเข้าสู่ชั้นผิวเพื่อให้เกิดกระบวนการ Rejuvenation ฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่เสื่อมหรือเสียหาย ช่วยสร้างเซลล์ใหม่ให้กับผิวหนังแท้และผิวหนังกำพร้า ปรับสมดุลให้กับผิวหนัง ต้านการอักเสบ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และเพิ่มความยืดหยุ่น ผิวจึงแข็งแรง ชุ่มชื้น แลดูกระจ่างใสขึ้นอย่างรวดเร็ว อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Rejuran คืออะไร?

เมโสยี่ห้ออื่นๆ

  • Tensonez / Depigment ช่วยลดปัญหาฝ้าบนใบหน้า ให้หน้าขาวใส
  • Alpha albutin ช่วยในการรักษา ฝ้า กระ โดยเฉพาะ
  • Filorga ช่วยให้ผิวขาวใส ลดฝ้า

หลังฉีดเมโสหน้าใสกี่วันจึงจะเห็นผล และ อยู่ได้นานเท่าไหร่?

เมโสหน้าใสกี่วันจึงจะเห็นผล

การฉีดเมโสหน้าใสเป็นการบำรุงเหมือนเติมน้ำให้ผิวชุ่มชื้น โดยวิตามินต่างๆออกฤทธิ์อย่างเต็มที่ใน 7-4 วันหลังการฉีด คนไข้จะรู้สึกว่าใบหน้ากระจ่างใส ผิวลื่นขึ้น วิตามินต่างๆจะซึมอยู่บนผิวหน้าได้ประมาณ 1-2 เดือน หากต้องการให้ผิวหน้าขาวใสฉ่ำวาวดูสุขภาพดีอยู่เสมอ ควรฉีดเติมซ้ำในทุกๆ 2 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน เป็นการบำรุงผิวอย่างล้ำลึก

เมโสหน้าใสควรฉีดกี่ครั้งและบ่อยแค่ไหนถึงเห็นผล

  • จำนวนครั้งที่ฉีด : สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีดประมาณ 10-15 เปอร์เซ็นต์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของคน และควรฉีดทุกๆ 2-3 สัปดาห์ต่อเนื่องกัน 4-6 ครั้ง
  • ฉีดบ่อยแค่ไหน : หากต้องการเห็นผลลัพธ์แบบสูงสุดในช่วงแรกๆ ควรฉีดอาทิตย์ละ 1 ครั้งติดต่อกัน 1 เดือนหลังจากนั้นจึงสามารถเว้นระยะเป็นเดือนละ 1 ครั้งได้ เพื่อคงผลลัพธ์หลังทำให้ยาวนานมากยิ่งขึ้น

ข้อดีของการฉีดเมโสหน้าใส

เป็นการให้สารบำรุงผิวที่เห็นผลได้ไวกว่าการทานวิตามินและทาครีมบำรุงผิวหลายสิบเท่า เพราะเป็นการฉีดตัวยาเข้าสู่ผิวโดยตรง

  • เป็นการให้อาหารผิวอย่างล้ำลึกและร่างกายนำไปใช้ได้ทันที
  • ไม่ต้องพักฟื้นรอยแดงหลังการฉีด รอยแดงจุดๆ สามารถหายไปได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง
  • ช่วยลดปัญหาจุดด่างดำ บนใบหน้า รอยสิว ฝ้า กระ และสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอได้อย่างเห็นผลชัดเจน
  • ปรับโครงสร้างผิวให้แข็งแรง ทำให้ผิวไม่บอบบางหรือมีปัญหาแพ้ง่าย
  • ลดโอกาสการเกิดสิวใหม่บนใบหน้า
  • ทำให้ผิวดูเนียนใส ฟูเด้ง อิ่มน้ำ และมีสุขภาพดี
  • เมโสมีส่วนช่วยให้รูขุมขนเล็กลงและผิวดูอ่อนเยาว์
  • ลดโอกาสการเกิดริ้วรอยหรือรอยดำใหม่ในอนาคต

ข้อจำกัดของการฉีดเมโสหน้าใส

อาจเกิดอาการแพ้ มีการอักเสบ หรือติดเชื้อจากรอยเข็มได้ ถ้าไม่ได้รับการฉีดที่ถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญ
เป็นการบำรุงผิวจากภายในเพื่อให้โครงสร้างผิวแข็งแรง จำเป็นต้องทำอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจน

เมโสหน้าใสเหมาะกับใครบ้าง?

  • เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาผิวไม่กระจ่างใส รูขุมขนกว้าง เป็นสิว ผิวแห้ง สีผิวไม่สม่ำเสมอ
  • เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่าการทาครีมบำรุงผิวแบบทั่วไป
  • เหมาะสำหรับผิวแห้งและผิวแพ้ง่าย ต้องการการบำรุงและทำให้ผิวแข็งแรง
  • เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง นอนดึก อดนอน และทำงานหนัก
  • เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ มีจุดด่างดำ เป็นสิวแพ้ง่าย
  • เหมาะสำหรับคนที่ต้องการให้ใบหน้าขาวใส สุขภาพดี มีออร่าแบบเร่งด่วน
  • เหมาะสำหรับคนที่ผิวแพ้ง่าย ต้องใส่แมสตลอดเวลาซึ่งทำให้ให้ผิวระคายเคืองง่าย

เมโสหน้าใสมีอันตรายหรือไม่

เมโสหน้าใสอันตรายไหม

เมโสแท้ เป็นตัวยามาจากสารสกัดที่ผ่านมาตรฐานขององค์การระดับโลก และมีงานวิจัยรองรับมากมายจึงไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย สามารถสลายหมดได้ไม่ตกค้างในผิว แต่ขอย้ำว่า ต้องเป็นตัวยาแท้ผ่าน อ.ย และตรวจสอบได้เท่านั้น!!! ดังนั้น ต้องเลือกฉีดกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน ไม่ฉีดกับหมอกระเป๋าหรือฉีดตัวยาตามอินเตอร์เน็ต เพราะการสั่งซื้อยาจำเป็นต้องให้แพทย์สั่งจากบริษัทยาโดยตรงเท่านั้น มั่นใจได้เลยว่าหากฉีดกับหมอกระเป๋าหรือซื้อยาทางอินเตอร์เน็ต คนไข้จะไม่มีทางได้รับตัวยาแท้อย่างแน่นอน

การดูแลตัวเองหลังการฉีดเมโสหน้าใส

  • ไม่อดนอน การพักผ่อนให้เพียงพอทำให้ร้ายการสามารถดูดซึมอาหารผิวได้ดีขึ้น
  • ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่สูบบุหรี่ จะช่วยให้ผลของเมโสหน้าใสอยู่ได้นานขึ้น
  • การหลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อนจะช่วยให้ประสิทธ์ภาพของเมโสทำงานได้ดีขึ้นและนอกจากนี้ยังเป็นการไม่ทำร้ายผิวหน้าอีกด้วย
  • ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า การนวดผิว และกดผิวหน้า ทันทีหลังฉีด
  • หลีกเลี่ยงการทาครีมตรงบริเวณรอยเข็ม ในช่วง 1 คืนแรกหลังการฉีด
  • ดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยในดูดซึมและการไหลเวียนของเลือด ทำให้การดูดซึมวิตามินต่างๆได้ดีขึ้น

Q&A คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดเมโส

ประโยชน์ของเมโสหน้าใส แยกตามชนิดของตัวยา มีกี่แบบ? อะไรบ้าง?

  • เมโส เน้นทำให้ผิวชุ่มชื้นแข็งแรง โดยมีส่วนผสมหลังของตัวยาคือ โคเอนไซม์ (Coenzyme) และ คอลลา เจน (Collagen) ซึ่งมีทำหน้าที่ในการช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวอิ่มฟูขึ้น ผิวหน้าดูกระชับ รูขุมขนเล็กลง
  • เมโส เน้นให้หน้าขาวใส โดยมีส่วนผสมของวิตามินต่างๆของอาหารผิว ที่ทำให้หน้าขาว เช่น vitamin A ,B , C และ E / Transamin / Glutathione , เป็นต้น
  • การฉีดมาเด้คอลลาเจน เพื่อเน้นแก้อาการแพ้ และ การอักเสบต่างๆบนใบหน้า ทั้งนี้รวมไปถึงการรักรักษาสิว ลดผดผื่น ขับสารพิษที่สะสมให้ออกจากร่างกาย และคอลลาเจนทำให้ผิวหน้าดูอิ่มฟู สดใสลดความหมองคล้ำบนใบหน้า

เมโสหน้าใสยี่ห้อไหนดีที่สุด ?

เมโสมีหลายยี่ห้อ และมีสูตรแตกต่างกันไป โดยแต่ละยี่ห้อจะมีคุณสมบัติคล้ายๆกันนั่นคือช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นแข็งแรงและกระตุ้นคอลลาเจน โดยยี่ห้อที่กังนัมคลินิกเลือกใช้มี 2 ยี่ห้อที่ดีที่สุดดังนี้

  • Made Collagen เป็นตัวที่นิยมใช้ที่สุด แพทย์ผิวหนังจะแนะนำให้ฉีดเพื่อช่วยลดอาการแพ้ ลดสิว ลดผดผื่น และอาการอักเสบต่างๆบนผิวหน้า เหมาะสำหรับคนไข้ผิวแพ้ง่าย มีสิวอักเสบและสิวอุตันเยอะ ตัวยานี้จะช่วยลดการเกิดสิวใหม่ได้โดยตรง
  • Cytocare เป็นอีกตัวที่ได้รับความนิยมและแนะนำจากแพทย์ผิวหนังเป็นจำนวนมาก เน้นเพื่อฉีดให้ใบหน้ากระจ่างใส ลดจุดด่างดำ กระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวแข็งแรง ตัวยาจะอยู่ได้นานกว่ามาเด้ เหมาะสำหรับคนไข้ต้องการผลลัพธ์กระจ่างใส

ฉีดเมโสหน้าใส เจ็บไหม?

ตอบ: การฉีดเทโสหน้าใส อาจจจะมีรู้สึกตอนฉีดแต่ความเจ็บอยู่ในระดับที่ทนได้ เพราะปริมาณตัวยาไม่มากและใช้เวลาไม่นาน การประคบน้ำแข็งก่อนฉีดจะช่วยลดความเจ็บปวดได้

ฉีดเมโสหน้าใส หน้าบวมกี่วัน?

ตอบ: หลังการฉีดเมโสหน้าใสไม่พบอาการบวมของใบหน้าแต่อย่างใด จะมีแค่อาการบวมและรอยแดงจากรอยเข็มเท่านั้น โดนรอยแดงบวมจะค่อยๆหายไปภายในเวลา 1-2 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน

เมโสหน้าใส ห้ามฉีดกับใครบ้าง?

ตอบ: สามารถฉีดได้ทุกเพศทุกวัย ในวัยรุ่นอายุ 15 ปีขึ้นไปสามารถฉีดมาเด้เพื่อลดการเกิดสิวอุดตัน หรือสิวแพ้ได้

เมโสหน้าใส อยู่ได้นานแค่ไหน?

ตอบ: เป็นการบำรุงผิววิธีหนึ่ง ดังนั้นผลลัพธ์ที่ได้จะไม่สามารถเห็นผลได้ทันทีหลังการฉีด จำเป็นต้องฉีดอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง ต่อเนื่องกันสามเข็ม ผลลัพธ์ที่ได้ผิวจะสุขภาพดีขึ้น ไม่มีผื่นแพ้ กระจ่างใสขึ้น เพื่อรักษาสภาพให้ชุ่มน้ำอยู่เสมอ แนะนำให้ฉีดต่อเนื่องเป็นการบำรุงผิวโดยตรงเพื่อชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคตได้ด้วยค่ะ

ฉีดเมโสหน้าใส ดื่มแอลกอฮอลล์ได้ไหม?

ตอบ: ควรงดการดื่มแอลกอฮอลล์ รวมไปถึงการสูบบุหรี่ด้วย เนื่องจากแอลกอฮอล์และสารนิโคตินในบุหรี่ทำให้ฤกธิ์ของเมโสเสื่อมสภาพได้ไวขึ้น

หลังฉีดเมโสหน้าใส แต่งหน้าได้ไหม

สามารถแต่งหน้าได้หลังจากการฉีดเมโสหน้าใสไปแล้ว 4 ชั่วโมง หรือรอแผลจากรอยเข็มปิดสนิท เพื่อลดอาการอักเสบ หรือติดเชื้อ ที่อาจเกิดขึ้นได้

ฉีดเมโสหน้าใส มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?

การฉีดเมโสหน้าใสเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากตัวยาที่ฉีดเข้าไปเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อผิว จำพวกวิตามินช่วยบำรุงให้ผิวกระจ่างใส โดยทั่วไปแล้วผลข้างเคียงของการฉีดเมโส จะมีแค่เรื่องของรอยเข็มบนใบหน้าที่เกิดจากตอนฉีดตัวยาเท่านั้น ซึ่งรอยเข็มเหล่านี้จะหายไปเองภายในระยะเวลา 1-2 วัน

หลังฉีดเมโสหน้าใส ห้ามทำอะไรบ้าง?

  • ห้ามล้างหน้าประมาณ 4-6 ชั่วโมงหลังทำเสร็จ เพื่อให้ผิวดูดซึมวิตามินต่างๆอย่างเต็มที่
  • งดออกแดดแรงๆ เป็นเวลา 48 ชม.
  • งดใช้ครีมจำพวกไวท์เทนนิ่ง หรือพวกครีมหน้าขาว หรือครีมที่มีสารก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหน้า
  • ใช้ครีมบำรุงที่มีวิตามินและให้ความชุ่มชื้นกับผิว

ฉีดเมโสหน้าใสที่ไหนดี ?

ควรเลือกฉีดเมโสหน้าใสกับสถานพยาบาลหรือคลินิกที่ปลอดภัยได้มาตรฐาน กังนัมเป็นคลินิกที่มีความปลอดภัย โดยใช้ตัวยาของแท้ทุกตัวและทำการฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อให้คนไข้ของเราได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและแก้ปัญหาผิวหน้าได้อย่างตรงจุด

เลือกคลินิกที่มีหัตถการและโปรแกรมการดูแลผิวที่หลากหลายเพื่อจะได้รับการแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างตรงจุดที่สุด บางครั้งการฉีดมาเด้บำรุงผิว อาจต้องทำร่วมกับการเลเซอร์ผิวหน้าร่วมด้วย หากคนไข้มีปัญหาจุดด่างดำ รอยกระ รอยสิวที่ฝังลึก การทำสองวิธีการร่วมกันจะช่วยให้ผลลัพธ์เร็วและชัดเจนขึ้น ซึ่งกังนัมคลินิกตอบโจทย์และมีเครื่องมือที่หลากหลายทั้งการฉีด และเลเซอร์ รวมถึงทรีทเม้นท์ต่างๆ คนไข้สามารถเข้ารับปรึกษาได้ที่กังนัมคลินิกทุกสาขาได้เลยค่ะ

ราคาค่าฉีดเมโสหน้าใสที่กังนัมคลินิก

ที่กังนัมคลินิกเรามียี่ห้อเมโสหน้าใสให้เลือกหลายแบรนด์ พร้อมกับราคาโปรโมชั่นที่สามารถจับต้องได้ ดังนี้

  • Mede + Collagen (Italy) 1 ครั้ง 2,500 บาท / 5 ครั้ง 11,500 บาท / 10 ครั้ง 20,000 บาท
  • Pink Venom (Korea) 1 ครั้ง 1,200 บาท / 5 ครั้ง 5,000 บาท / 10 ครั้ง 8,000 บาท
  • Meso Blink 1 ครั้ง 1,500 บาท / 5 ครั้ง 6,500 บาท / 10 ครั้ง 10,000 บาท
  • Crystal DNA with Vital injector (USA) 1 ครั้ง 12,323 บาท / 5 ครั้ง 56,250 บาท / 10 ครั้ง 100,000 บาท
  • Rejuran (Korea) 1 ครั้ง 8,990 บาท / 5 ครั้ง 42,500 บาท / 10 ครั้ง 75,000 บาท
  • exosome (Korea) 1 ครั้ง 9,666 บาท / 3 ครั้ง 26,966บาท
  • Diorr (L’ebss) 1 ครั้ง 3,696 บาท / 3 ครั้ง 10,000 บาท
  • Chanel (NCFS 140HPn) 1 ครั้ง 5,696 บาท / 3 ครั้ง 13,500 บาท

และโปรโมชั่นที่สุดงานผิวของ Dr.Kim กับการฉีด Rejuran + Chanel + Vital injecto เพื่อปรับผิวให้กระจ่างใส ฉ่ำวาวขั้นสุดในราคา 1 ครั้ง 15,999 บาท / 5 ครั้ง 72,500 บาท / 10 ครั้ง 130,000 บาท

สรุป ฉีดเมโสหน้าใส ดีไหม?

การฉีดเมโสหน้าใส เป็นการฉีดตัวยาเข้าไปในผิวชั้นกลาง เพื่อให้วิตามินต่างๆ ซึมเข้าสู่ชั้นผิวหนังได้อย่างล้ำลึก ช่วยบำรุงให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น ฉ่ำวาว ปรับสีผิวให้มีความสม่ำเสมอและกระจ่างใสขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยสร้างสมดุลให้กับผิว และช่วยลดอาการอักเสบของผิวหนัง รวมถึงลดปัจจัยต่างๆของการเกิดสิว ช่วยกระชับรูขุมขน ลดจุดด่างดำจากฝ้ากระและรอยสิวต่างๆ จำเป็นต้องทำอย่างต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่รวดเร็วและเห็นผลชัดเจนนั่นเอง

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง