ปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ไม่กระชับ เกิดจากอะไร? มีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้าง

|
หน้าหย่อนคล้อย ไม่กระชับ มีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้าง

หน้าหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับ ปัญหาที่เกิดขึ้นตามวัยแต่ส่งผลต่อบุคลิกภาพและความมั่นใจ ซึ่งเป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพผิวตามธรรมชาติเมื่ออายุเพิ่มขึ้น คนวัย 30 ปีขึ้นไปมักเริ่มเห็นสัญญาณความหย่อนคล้อยที่เพิ่มขึ้นทุกที หรือแม้แต่ในคนอายุน้อยบางคนเองก็สามารถเกิดปัญหานี้ได้เช่นกัน การคงสภาพผิวหน้าให้เต่งตึงได้จึงต้องอาศัยวิธียกกระชับผิวมาเป็นตัวช่วยให้เห็นผลลัพธ์ที่ดี สำหรับคนที่มีปัญหาหน้าหย่อนคล้อย อยากรู้ว่าควรแก้ยังไง บทความนี้มีคำตอบ

สาเหตุของ ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ เกิดจากอะไร

ผิวหน้าหย่อนคล้อย เกิดจากอะไร

ผิวหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ เป็นลักษณะของผิวที่เสื่อมสภาพ เป็นสัญญาณผิวที่สุขภาพไม่ดี เกิดจากการที่คอลลาเจนและอิลาสตินในผิวเสื่อมตัวลง จากที่เคยมีโครงสร้างผิวที่ยืดหยุ่นกลับเกิดความหย่อนคล้อยมาแทนที่ เห็นลักษณะของใบหน้าที่ไม่เต่งตึงได้ในหลายจุด มีเนื้อย้อยตามตำแหน่งต่างๆ หรือผิวขาดความยืดหยุ่น

ต้นเหตุผิวหย่อนคล้อยเกิดได้จากหลายปัจจัยประกอบกัน ผิวหย่อนคล้อยไม่ได้พบแค่ในคนที่มีอายุมาก แต่คนวัย 20 ก็สามารถเกิดปัญหาผิวได้ ซึ่งเป็นจากการดูแลตัวเอง โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดหน้าหย่อนคล้อยมีดังนี้

ปัจจัยเรื่องของอายุ

ตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไปจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของชั้นผิวหนังแท้ คอลลาเจนและอิลาสตินที่ช่วยทำให้ผิวกระชับเริ่มลดปริมาณลง ทำให้ปัญหาผิวต่างๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นความหย่อนคล้อย หรือริ้วรอย ซึ่งปัจจัยนี้หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่สามารถหาวิธีแก้ หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อช่วยให้การเสื่อมสภาพของผิวถดถอยช้าลง

ปัจจัยแสงแดด

แสง UV เป็นมลภาวะอันดับต้นๆ ต่อผิวหนัง เมื่อโดนแสงแดดสะสมเป็นเวลานาน UV จะทำร้ายผิว ทำให้เกิดการสูญเสียคอลลาเจนในชั้นผิวได้มากกว่าปกติ ตามมาด้วยปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ซึ่งผลเสียของการโดน UV ทำร้ายไม่ได้เกิดขึ้นในทันที แต่จะค่อยๆ แสดงอาการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทีละน้อยในแต่ละช่วงวัย

ปัจจัยความเครียด

ภาวะเครียดกระทบกับผิวได้โดยตรง ในระหว่างที่เกิดความเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลที่เพิ่มการเกิดอนุมูลอิสระขึ้น เกิดการสลายตัวของคอลลาเจนและอิลาสติน ผิวจึงถูกทำร้าย ส่งผลให้เกิดความหย่อนคล้อยบนใบหน้าตามมา

ปัจจัยเรื่องการพักผ่อน

การนอนหลับที่ไม่เพียงพอมีส่วนทำให้ผิวหย่อนคล้อยเช่นกัน ระหว่างที่นอนหลับร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยซ่อมแซมการสึกหรอของเซลล์ผิว รวมทั้งสร้างคอลลาเจนระหว่างนั้น เมื่อพักผ่อนน้อยจึงกระทบกับการหลั่งโกรทฮอร์โมน ทำให้ผิวสูญเสียความแข็งแรง และเกิดปัญหาผิวต่างๆ รวมทั้งความหย่อนคล้อยนั่นเอง

ปัจจัยจาก Lifestyle ในการดำเนินชีวิต

พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่กระทบกับสุขภาพ เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือการรับประทานอาหารแปรรูปเป็นประจำ สามารถทำให้ผิวเสื่อมสภาพได้เร็วขึ้น เพราะมีสารอนุมูลอิสระที่ทำร้ายผิว ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่เร่งการเกิดความหย่อนคล้อย

ปัจจัยเรื่องการออกกำลังกาย

การออกกำลังกายอย่างหักโหมจนเกิดการลดสัดส่วนลงในเวลาอันสั้น สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของใบหน้าได้ เนื่องจากมีการลดไขมันที่เร็วเกินไป ผิวหนังขาดความยืดหยุ่นจึงเกิดเป็นผิวเหี่ยว หน้าห้อยนั่นเอง

ปัจจัยจากการดูแลสภาพผิว

โครงสร้างผิวหน้ามีน้ำเป็นองค์ประกอบ ผิวหน้าที่เต่งตึงต้องมีน้ำหล่อเลี้ยงมากพอ หากดื่มน้ำน้อยเกินไป อยู่ในสภาพอากาศแห้ง หนาวจัดนานๆ หรือไม่ใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ ก็จะทำให้ผิวหน้าแห้ง ขาดความชุ่มชื้น เกิดความเหี่ยวย่น หย่อนยานได้เช่นกัน

ผิวหย่อนคล้อยส่งผลกระทบอย่างไร

การมีผิวหน้าหย่อนคล้อยเป็นปัญหาที่กระทบกับความมั่นใจในการใช้ชีวิต แม้จะเป็นเรื่องธรรมชาติแต่หากหลีกเลี่ยงหรือชะลอให้เกิดขึ้นช้าลงได้ก็จะดีที่สุด ผิวหน้าที่หย่อนคล้อยส่งผลกระทบตามมาดังนี้

  • ดูสูงวัยกว่าอายุจริง
  • แต่งหน้าได้ยากขึ้น มีจุดที่ปกปิดได้ยาก
  • ลักษณะเหมือนคนพักผ่อนน้อย ดูโทรม
  • ทำให้ขาดความมั่นใจเวลาหน้าสด ต้องแต่งหน้าตลอดๆ เพื่อปกปิด
  • บุคลิกภาพเปลี่ยนไป ไม่สดใส ดูอ่อนล้าได้

วิธีแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย

ปัจจุบันมีนวัตกรรมความงามในคลินิกที่เป็นบริการเพื่อช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยออกมาให้เลือกหลากหลาย ซึ่งแต่ละวิธีจะใช้เทคโนโลยีที่ต่างกัน ช่วยแก้ปัญหาคนละจุด แต่สามารถให้ผลลัพธ์เป็นผิวหน้ากระชับเต่งตึงได้ ควรเลือกวิธีที่เหมาะกับสภาพผิวปัจจุบัน จะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด มีโปรแกรมที่แนะนำทั้งหมด 5 แบบดังนี้

Ulthera ยกกระชับผิวหน้า

Ulthera เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความถี่สูงเพื่อยกกระชับผิว เหมาะกับคนที่มีผิวหย่อนคล้อยจากการพักผ่อนน้อย ขาดการดูแลตัวเอง รวมไปถึงคนที่ผิวเหี่ยวย่นเนื่องจากมีอายุที่เพิ่มขึ้น การทำ Ulthera เห็นผลได้ดีในทุกช่วงวัย เหมาะกับคนตั้งแต่อายุ 30 ขึ้นไปจนถึงวัย 50 ให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นกว่า 30% หลังทำ และคงสภาพได้นานประมาณ 1 ปี

เหมาะสำหรับแก้ปัญหา

  • แก้ปัญหาแก้มหย่อนคล้อย
  • ปรับรูปหน้าให้กระชับเต่งตึง
  • ฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพให้ดูสุขภาพผิวดี เรียบเนียนขึ้น

Thermage ยกกระชับปรับรูปหน้า

Thermage เป็นการยกกระชับผิวหน้าด้วยเทคโนโลยีคลื่นวิทยุความถี่แบบเฉพาะเจาะจง สามารถส่งพลังงานลงไปยังชั้นผิวเพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ และยังสามารถสลายไขมันบนใบหน้าได้ดี Thermage จึงเหมาะกับคนที่ต้องการกระชับผิวหน้าให้เต่งตึงไปพร้อมกับปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กลง เห็นผลได้ดีในคนที่เริ่มมีอายุได้อีกด้วย วัย 40 ปีขึ้นไปก็สามารถทำได้

เหมาะสำหรับแก้ปัญหา

  • กระชับแก้มที่ห้อย มีผิวหย่อนยาน
  • ยกกระชับใบหน้าให้เห็นกรอบหน้าชัดขึ้น
  • ช่วยแก้ปัญหาใบหน้าใหญ่จากไขมันส่วนเกินได้

Ultraformer III แก้ปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย

การทำ Ultraformer III นั้นจะวิธีการช่วยยกระชับผิวพร้อมช่วยสลายไขมันด้วยคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความถี่สูง ทำให้ตัวเครื่องสามารถช่วยยกกระชับผิว ให้ผิวเต่งตึง ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ นอกจากนั้นยังสามารถส่งพลังงานลงผิวได้หลายระดับทำให้แก้ปัญหาผิวได้อย่างแม่นยำตรงจุดไม่แพ้เครื่อง Ulthera และ Thermage ในราคาที่ย่อมเยาว์กว่า เหมาะกับคนอายุ 25 ปีขึ้นไป

เหมาะสำหรับแก้ปัญหา

  • ช่วยยกกระชับผิว ปรับผิวให้เรียบเนียนและเต่งตึง
  • ลดริ้วรอยทั้งแบบตื้นและลึก
  • ช่วยสลายไขมันส่วนเกิน
  • ทำให้กรอบหน้าให้ชัดขึ้น 
  • ปรับรูปหน้าให้เรียววีเชฟ
  • ช่วยให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น

ฉีดฟิลเลอร์

การฉีดฟิลเลอร์นอกจากใช้เพื่อช่วยปรับรูปหน้าได้แล้ว ยังเป็นเทคนิคที่แพทย์เลือกใช้ในการแก้ผิวหย่อนคล้อยอีกด้วย โดยจะเรียกว่าฟิลเลอร์ยกกระชับหน้า ซึ่งใช้หลักการฉีดสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid เข้าไปในผิวที่มีความหย่อนคล้อยหรือร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา ทำให้เกิดผลลัพธ์ของใบหน้าที่กระชับขึ้น ดูเป็นธรรมชาติ วัยรุ่นที่มีปัญหาผิวก็สามารถทำได้ เหมาะกับช่วงวัย 30 ปีขึ้นไป

เหมาะสำหรับแก้ปัญหา

  • เติมเต็มแก้มที่หย่อนคล้อยจากอายุที่เพิ่มขึ้น
  • ยกกระชับมุมปากตกที่เกิดจากความหย่อนยานของผิว
  • เติมเต็มแก้มที่ตอบลงจากการยุบตัวของผิวหนังให้ดูกระชับขึ้น
  • แก้ปัญหาร่องลึกรอบดวงตาให้เต่งตึงขึ้น

ฉีดโบท็อกยกกระชับผิว ( Botox Skin )

ฉีดโบท็อกยกกระชับผิว หรือโบท็อกลิฟหน้า เป็นหัตถการความงามที่นิยมใช้ช่วยแก้ความหย่อนคล้อย สำหรับเทคนิคสมัยใหม่แพทย์จะแนะนำ Nefertiti Lift ฉีดบริเวณลำคอ โดยโบท็อกจะออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อคอ ลดการดึงรั้งผิวลง ทำให้ใบหน้าตึงกระชับขึ้น โดยปกติโบท็อกสามารถอยู่ได้นาน 3 – 4 เดือน เหมาะกับวัย 30 ปี

เหมาะสำหรับแก้ปัญหา

  • แก้ผิวหน้าเหี่ยวย่น หย่อนยาน
  • แก้ปัญหากรอบหน้าไม่กระชับ เพราะผิวเหี่ยวย่น
  • ช่วยให้ผิวตึงกระชับ หน้าดูเรียวขึ้น

ร้อยไหมยกกระชับ

การร้อยไหม หรือ Thread Lifting เป็นการใช้เงี่ยงของเส้นไหมเพื่อเกี่ยวเข้ากับชั้นผิว เพื่อเกิดการสร้างอิลาสตินและคอลลาเจนขึ้นมาประคองผิวให้เต่งตึงขึ้น โดยปกติแพทย์จะทำบริเวณแแก้มไปจนถึงขมับเพื่อดึงผิวให้เกิดการยกกระชับ สามารถเห็นผลได้ดีในคนที่มีปัญหาแก้มหย่อนคล้อยมากๆ เหมาะกับวัย 40 – 50 ปี

เหมาะสำหรับแก้ปัญหา

  • แก้ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย ขาดความเต่งตึง
  • ลดแก้มห้อยย้อย ช่วยกระชับผิวได้ดี
  • ปรับรูปหน้าให้ชัดขึ้น ดูมี V-Shape
  • ลดริ้วรอย ช่วยให้ดูมีสุขภาพผิวที่ดี ดูอ่อนเยาว์

แต่ละช่วงอายุใช้วิธีแก้ปัญหา หน้าหย่อนคล้อยต่างกันไหม

ช่วงอายุมีผลกับการเลือกวิธีแก้ปัญหาผิวหย่อยคล้อยที่ต่างกัน เพราะยิ่งอายุเยอะการเสื่อมสภาพของผิวก็ยิ่งชัดขึ้น เห็นหย่อนยานมากกว่า ควรเลือกวิธีที่ยกกระชับผิวได้ดีเป็นพิเศษอย่างการร้อยไหม หรือหากเลือกทำ Thermage ก็ควรทำอย่างต่อเนื่อง

แต่สำหรับคนที่มีการใช้เทคโนโลยียกกระชับมาช่วยปรับสภาพผิวตั้งแต่ช่วงอายุน้อย ที่ยังไม่มีปัญหาหนักมาก เลือกทำ Ulthera, Thermage ฟิลเลอร์ หรือโบท็อกเพียงไม่กี่ครั้ง ก็ช่วยปรับสภาพผิวได้ดี เห็นผลลัพธ์หลังทำอย่างชัดเจน

รักษาความหย่อนคล้อยของใบหน้าด้วยหลายวิธีพร้อมกันได้หรือไม่

การยกกระชับหรือทำหัตถการช่วยลดความหย่อนคล้อยของใบหน้าสามารถทำร่วมกันได้ เหมาะกับคนที่มีอายุและมีปัญหาที่ค่อนข้างมาก ไม่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ด้วยการรักษาด้วยวิธีเดียว หรือต้องการเร่งผลลัพธ์ให้เห็นชัดไวขึ้น โดยหากต้องการรักษามากกว่า 1 เทคนิค ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของทางคลินิกก่อน เพื่อช่วยแนะนำได้ว่าควรเริ่มทำจากวิธีไหน และทำถี่เพียงใด ใช้ปริมาณเท่าไหร่ เพื่อให้การยกกระชับหรือปรับสภาพผิวให้กลับมาเต่งตึงขึ้นอย่างปลอดภัยปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดี

วิธีธรรมชาติที่ช่วยคงสภาพผิวไม่ให้หย่อนคล้อยมากขึ้น

การรักษาผิวหย่อนคล้อยด้วยหัตถการหรือนวัตกรรมยกกระชับจะช่วยเร่งให้ผลลัพธ์เกิดขึ้นไว แต่การคงสภาพผลลัพธ์เอาไว้ควรเปลี่ยนวิถีชีวิต หรือดูแลตัวเองให้ดีมากยิ่งขึ้นเพื่อไม่ให้ผิวเกิดการหย่อนคล้อยเพิ่มขึ้นได้อีก แนะนำให้ทำตามข้อปฏิบัตดังต่อไปนี้

พักผ่อนอย่างเพียงพอ

การนอนให้ครบ 8 ชั่วโมง และรีบเข้านอนก่อน 4 ทุ่มจะเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายหลั่งโกรทฮอร์โมนที่ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวได้ดี ชะลอการหย่อนคล้อยของผิว

ทาครีมกันแดดทุกวัน

ไม่ว่าจะออกนอกอาคารหรือใช้ชีวิตอยู่ในบ้านก็มีโอกาสสัมผัสแสง UV ได้ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผิวหย่อนคล้อย การทาครีมกันแดดจะช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวได้

ใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์

ผิวที่มีความชุ่มชื้นจะมีเกราะป้องกันและน้ำหล่อเลี้ยงเพียงพอ ทำให้มีโครงสร้างผิวที่ยืดหยุ่น กระชับ ไม่หย่อนคล้อย

รับประทานผัก-ผลไม้

ในผักผลไม้จะมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่สูง โดยเฉพาะผลไม้สีแดง และประเภทที่มีวิตามินซี ควรรทานเพื่อช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะที่ทำให้เกิดความเหี่ยวย่น

เลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์

บุหรี่และแอลกอฮอล์มีสารอนุมูลอิสระที่ทำให้ผิวโดนทำร้ายได้ง่าย สูญเสียความยืดหยุ่น ควรหลีกเลี่ยงเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวหย่อนคล้อยเร็ว

ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ

การดื่มน้ำให้เพียงพอสามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวมีน้ำหล่อเลี้ยงเช่นเดียวกันกับการทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ ควรดื่มน้ำอย่างน้อย 8 – 10 แก้วขึ้นไป

สรุป

ผิวหน้าหย่อนคล้อยไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใด หากเลือกวิธีแก้ไขได้ตรงจุด เหมาะกับสภาพผิว และปัญหาเฉพาะบุคคล ก็จะช่วยปรับผิวหน้าให้เกิดความกระชับเต่งตึงขึ้นได้ ซึ่งตอบโจทย์กับคนยุคปัจจุบันที่มีใส่ใจดูแลตัวเองมากขึ้น สามารถช่วยชะลอวัยได้ดีและปลอดภัย หากยังไม่มั่นใจว่าควรเลือกยกกระชับผิวหน้าด้วยวิธีไหน แนะนำให้เข้ามาปรึกษากับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของทางคลินิก เพื่อช่วยประเมินและเลือกวิธีที่เหมาะสมให้ได้อย่างถูกต้อง

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง