รวม วิธีรักษาหน้าผิวไหม้แดด แบบเร่งด่วน ฟื้นฟูให้ผิวกลับมาสุขภาพดี

ขึ้นชื่อว่าประเทศไทยก็มักจะต้องนึกถึงแดดร้อน แดดจัดๆ กันอย่างแน่นอนเพราะถือเป็นอีกหนึ่งที่ทำให้สาวๆ หลายคนต่างพากันกังวลใจกันอย่างมาก เพราะนอกจากจะทำให้ผิวคล้ำขึ้นแล้วยังส่งผลให้สาวๆ หลายคนเกิดผิวไหม้ได้อีกด้วย ดังนั้นในบทความนี้เราจะขอมาป้ายยาแจกวิธีช่วยกู้ผิวไหม้จากแสงแดดกันว่าจะมีวิธีไหนบ้าง พร้อมกับเจาะลึกกันว่าสาเหตุของผิวไหม้นั้นเกิดมาจากอะไรบ้าง

หน้าไหม้แดด คืออะไร?

การหน้าไหม้ คืออาการอักเสบของผิวจากการถูกแสงอัลตราไวโอเลตหรือ รังสียูวี (UV) รวมไปถึงแสงไฟ ในปริมาณที่มากเกินไป จนทำให้เกิดอาการผิวไหม้แดง แสบร้อน หรือผิวลอก โดยมักพบได้มากที่สุดกับกลุ่มคนผิวขาว ซึ่งการให้ผิวถูกแสงดังกล่าวที่มากเกินไปอาจนำไปสู่การเกิดมะเร็งผิวหนังได้ในอนาคต

ต้นเหตุผิวหน้าไหม้เกิดจากอะไร?

อาการผิวไหม้แดดนั้นเกิดขึ้นมาจากการที่ผิวถูกแสงแดดที่ร้อนจัดแผดเผาในปริมาณที่มากเกินไป ซึ่งตัวแสง UVA UVB ได้ไปทำลายผิวชั้นนอก ทำให้ผิวเกิดอาการระคายเคือง ผิวแดง แสบร้อน หรือในบางรายอาจมีอาการผิวลอก มีแผลพุพองขึ้นได้

อาการหน้าไหม้แดด เป็นอย่างไร?

อาการผิวไหม้แดดนั้นแต่ละคนจะมีการแสดงอาการออกมาไม่เหมือนกัน แต่อาการที่มักพบมากที่สุดก็คือ มีรอยแดง มีอาการผิวบวม อาจรู้สึกเจ็บหรือแสบผิว มีการเกิดรอยดำเช่น ฝ้าแดด กระแดด และในบางรายอาจถึงขั้นเกิดแผลพุพอง หรืออาการผิวลอกตามจุดต่างๆ ที่ถูกแสงและแดดเผาเช่น หน้า หลัง แขน ขา เท้า เป็นต้น

อาการผิวไหม้มีทั้งหมดกี่ระดับ

ปัจจุบันอาการผิวไหม้สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับตามความรุนแรงของการอาการอักเสบของผิว โดยแต่ละระดับมีความแตกต่างกัน ดังนี้

ระดับ 1
จะมีลักษณะอาการคือผิวแดง มีอาการเจ็บหรือแสบผิวเพียงเล็กน้อยถือเป็นระยะที่ไม่มีความรุนมาก และสามารถหายไปได้เองภายใน 3-5 วัน
ระดับ 2
มีอาการคือแสบผิว คันผิว ซึ่งในบางรายอาจมีอาการผิวลอกเล็กน้อย ถือเป็นอาการที่จะต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาประมาณ 5-7 วันด้วยทาครีมบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้น
ระดับ 3
ถือเป็นระดับที่แรงที่สุดโดยจะมีอาการคือปวดแสบ ปวดร้อน ร่วมกับมีอาการแดงและคันผิว ในบางรายอาจมีตุ้มน้ำใสๆ หรือเกิดผิวลอกที่เยอะ ซึ่งหากมีอาการเช่นนี้แนะนำให้พบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างเร่งด่วน

ภาวะแทรกซ้อนของอาการหน้าไหม้แดด

หลายๆ คนอาจจะคิดแค่ว่าอาการผิวไหม้นั้นอาจส่งผลเพียงแค่เกิดปัญหาผิวดำคล้ำ หรือมีจุดด่างดำอย่างฝ้า กระ เกิดขึ้นเท่านั้น ซึ่งความจริงแล้วอาการผิวไหม้นั้นยังสามารถส่งผลต่อการเกิดโรคแทรกซ้อนขึ้นได้ 3 อย่างหลักๆ คือ

โรคมะเร็งผิวหนัง : โดยโรคมะเร็งผิวหนังนั้นต่างก็มีปัจจัยหลักๆ มาจากการให้ผิวได้สัมผัสแสงแดดหรือแสงยูวีนานๆ จนนำไปสู่โรคมะเร็งผิวหนังได้ในที่สุด
ส่งผลต่อดวงตาและสายตา : แน่นอนว่าแสงแดดหรือแสงต่างๆ นั้นก็สามารถทำลายดวงตาของเราได้เช่น ทำให้เกิดค่าสายตาที่สั้นลง ทำให้เกิดปัญหาต้อเนื้อ ต้อกระจกได้ด้วยเช่นกัน
ส่งผลให้เกิดผิวแก่ก่อนวัย : แสงถือเป็นศัตรูที่สำคัญมากๆ ต่อผิว เพราะความร้อนของแสงจะเข้าไปทำลายคอลลาเจนในผิวให้เสื่อมลงส่งผลทำให้เกิดริ้วรอย ร่องลึกจนนำไปสู่ปัญหาหน้าแก่ได้

หน้าไหม้แดด กี่วันถึงจะหาย

ในส่วนของระยะเวลานั้นจะขึ้นอยู่กับความรุ่นของอาการผิวไหม้ ซึ่งหากมีอาการที่ไม่รุนแรงมากก็จะใช้ระยะเวลาประมาณ 3-5 วันถึงจะหาย แต่หากมีอาการในระดับรุนแรงหรือระดับที่ 3 ก็จะต้องใช้ระยะเวลา 2-3 สัปดาห์ในการรักษา

ผิวไหม้แดด หายเองได้ไหม

หากมีปัญหาผิวไหม้แบบที่ไม่ความไม่รุนแรงมากนักก็สามารถหายไปเองได้ภายใน 2-3 วันซึ่งบางรายอาจมีปัญหาผิวแห้งลอกร่วมด้วยดังนั้นจึงควรมีการบำรุงดูแลผิวให้มีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ และไม่ควรปล่อยให้ผิวแห้งอย่างเด็ดขาด

วิธีรักษาผิวไหม้แดด ด้วยตัวเอง

ประคบเย็นผิวที่โดนแดด

โดยสามารถใช้ได้กับทั้งการใช้น้ำแข็ง เจลเย็น หรือผ้าชุบน้ำเย็นมาประคบผิวส่วนที่เผชิญกับแสงมา ซึ่งสามารถทำได้ทั้งแบบทันทีหลังเผชิญกับแสงหรือหลังจากมีอาการผิวไหม้แล้วก็ได้ เนื่องจากความเย็นจะช่วยบรรเทาอาการแสบ ปวดหรืออาการคันจากอาการผิวไหม้ได้ดีมากๆ

ใช้ว่านหางจระเข้ทาผิวไหม้แดด

เนื่องจากในเจลว่านหางจระเข้นั้นจะมีสรรพคุณช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้น ช่วยบรรเทาอาการแสบผิวจากการถูกแสงเผาได้ และนอกจากนั้นยังมีส่วนช่วยในการรักษารอยไหม้จากความร้อนและแสงแดดได้มากๆ อีกด้วย

ทามอยเจอร์ไรเซอร์

การทามอยเจอร์ไรเซอร์นั้นจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว เนื่องจากอาการผิวไหม้นั้นจะทำให้ผิวเกิดความแห้งลง และเมื่อผิวแห้งก็จะทำให้รู้เจ็บแสบ และคันผิวได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งหลังจากทามอยเจอร์ไรเซอร์แล้วผิวจะชุ่มชื้นขึ้น ยืดหยุ่นขึ้น และยังส่งผลให้เซลล์ผิวมีความแข็งแรงขึ้นอาการผิวไหม้ก็จะหายไวยิ่งขึ้นด้วยนั้นเอง

เลี่ยงให้ผิวถูกแสงแดด

แน่นอนว่าในช่วงที่ผิวไหม้นั้นจะเป็นช่วงที่ผิวมีความบอบบาง เสี่ยงต่ออาการระคายเคืองได้ง่ายมากๆ ดังนั้นหากจะต้องการรักษาอาการผิวไหม้ให้หายโดยเร็วควรที่จะเลี่ยงการให้ผิวเผชิญกับแดดกับและความร้อน เพื่อป้องกันไม่ให้อาการมีความระคายเคืองและรุนแรงที่มากขึ้นกว่าเดิม

เลี่ยงครีมหรือยาที่ทำให้ผิวระคายเคือง

ไม่ว่าจะครีมที่มีส่วนผสมของน้ำหอม แอลกอฮอล์ ไวท์เทนนิ่ง สารผลัดเซลล์ผิวอย่าง AHA, BHA เป็นต้นเนื่องจากตัวสารเหล่านี้จะไปทำให้ผิวมีความระคายเคืองได้ง่ายและมากขึ้น ดังนั้นในช่วงที่ทำการรักษาผิวไหม้ควรเลือกทาครีมที่เพิ่มความชุ่มชื้นสูตรอ่อนโยนหรือออร์แกนิคที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว

ทาครีมกันแดด

การทาครีมกันแดดถือเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากในชีวิตประจำวัน เพราะตัวครีมกันแดดจะมีสารช่วยปกป้องผิวจากการถูกแสงแดดทำร้ายได้ดี ดังนั้นจึงควรทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันแม้วันที่จะไม่ได้ออกไปเผชิญแสงแดดก็ตาม เนื่องจากแสงบลูไลท์จากจอคอมและจอมือถือเองก็สามารถทำร้ายผิวได้เช่นกัน

งดการเจาะหรือบีบกรณีมีถุงน้ำ

ในกรณีที่เกิดถุงน้ำ ตุ่มน้ำ (second degree sunburn) หรือตุ่มพุพองขึ้นมาควรงดการเจาะ กด หรือบีบถุงน้ำดังกล่าวอย่างเด็ดขาดเพราะจะทำให้สิ่งสกปรกเข้าไปในแผลทำให้เกิดอาการอักเสบจนนำไปสู่การติดเชื้อขึ้นได้และยังทำให้อาการผิวไหม้หายช้ามากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

ดื่มน้ำให้มากๆ

การดื่มน้ำเยอะๆ จะเข้าไปทดแทนการสูญเสียน้ำในผิวได้ดี ส่งผลทำให้ผิวเกิดการฟื้นฟูตัวเองได้ดีและไวขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้นจากภายในได้อีกด้วย ดังนั้นแพทย์หลายๆ คนจึงแนะนำทำให้ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว

ทาคอร์ติโคสเตียรอยด์ครีม

กลุ่มยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) นั้นถือเป็นยาช่วยรักษาอาการอักเสบได้ดี ซึ่งก็สามารถใช้รักษาได้กับปัญหาผิวไหม้แดดได้เช่นกัน แต่ควรทาในระดับความเข้มข้นที่ 2% และจะต้องใช้โดยอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนังอย่างใกล้ชิด

การทานยา Ibuprofen

ยา Ibuprofen นั้นถือเป็นยากลุ่มแก้ปวดชนิดหนึ่งซึ่งสามารถใช้ได้กับคนที่มีอาการปวดแสบร้อนผิวร่วมด้วย แต่ควรทานแบบทันทีหลังทานอาหาร และยาตัวนี้ไม่เหมาะกับคนที่มีประวัติเป็นโรคกระเพาะ หรือกลุ่มคนที่มีประวัติแพ้ยากลุ่ม NSAIDs

วิธีรักษาผิวหน้าไหม้แดด แบบเร่งด่วน

ฉีด Made Collagen

เป็นหัตถการการฉีดเมโสประเภทหนึ่งที่จะใช้การฉีดส่งตัวยาเข้าสู่ชั้นผิว เพื่อให้เซลล์ผิวสามารถดูดเอาตัวยาและวิตามินต่างๆ ในตัวยานำไปใช้ได้อย่างรวดเร็วกว่าการทาครีมหลายเท่าโดยที่แทบจะไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ต่อร่างกายเลย อาจจะมีเพียงแค่รอยแดง รอยเข็มเท่านั้นและสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ