ดื้อโบท็อกซ์ คืออะไร? สาเหตุ วิธีสังเกต และทางแก้ที่ควรรู้

ดื้อโบท็อกซ์เป็นอีกหนึ่งอาการที่หลาย ๆ คนเกิดความกังวลใจและไม่อยากเผชิญเป็นอย่างมาก เนื่องจากจะไปทำให้การฉีดโบท็อกซ์ไม่เห็นผลลัพธ์ ดังนั้นในบทความนี้เราเลยจะพามาทำความรู้ว่าอาการดื้อโบท็อกซ์นั้นคืออะไร เกิดขึ้นจากสาเหตุใดได้บ้างและมีวิธีการรักษาแบบไหนที่สามารถช่วยได้บ้าง
ดื้อโบท็อกซ์ คืออะไร

ดื้อโบท็อกซ์ คือหนึ่งในภาวะของการฉีดตัวยาโบท็อกซ์เข้าไปแล้วไม่เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลง หรือฉีดโบท็อกซ์ไปแล้วขนาดกราม ริ้วรอย ร่องลึก รอยตีนกากลับมาเป็นไวกว่าปกติหรือทำให้ระยะเวลาการเห็นผลหลังฉีดโบท็อกซ์นั้นสั้นกว่าปกติทั่วไป เช่น ปกติจะอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือนแต่หากดื้อโบท็อกซ์อาจจะอยู่ได้แค่ 1-2 เดือนเท่านั้น
เนื่องจากว่าอาการดื้อโบท็อกซ์นั้นจะเกิดจากการที่ร่างกายของเราได้สร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาส่งผลทำให้เมื่อเราฉีดโบท็อกซ์เข้าไปแล้วร่างกายก็เลยมองว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมทำให้ไม่เห็นผลลัพธ์หลังทำนั่นเอง ซึ่งอาการดื้อโบท็อกซ์นั้นหากเป็นแล้วจะทำให้เกิดการดื้อทุกยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อทางฝั่งเกาหลีหรือฝั่งอเมริกา
สาเหตุที่ทำให้เกิดการดื้อโบท็อกซ์มีอะไรบ้าง

และสำหรับสาเหตุที่เป็นตัวการทำให้เกิดอาการดื้อโบท็อกซ์นั้นจะมีอยู่สาเหตุหลัก ๆ ดังนี้
- ฉีดโบท็อกซ์ในปริมาณมากเกินไป หรือฉีดบ่อยเกินไป : เช่น การฉีดแต่ละครั้งนั้นเลือกใช้จำนวน 300 ยูนิต ซึ่งเป็นจำนวนที่มากเกินความจำเป็น นอกจากนั้นการฉีดโบท็อกซ์บ่อยเกินไปหรือฉีดถี่เกินไปก็ส่งผลทำให้เกิดการดื้อโบท็อกซ์ได้เช่นกัน เพราะโดยปกติแล้วการฉีดโบท็อกซ์ 1 ครั้งควรมีการเว้นระยะห่างอยู่ที่ประมาณ 3-4 เดือนขึ้นไปเพื่อให้ตัวยาเดิมเริ่มหมดฤทธิ์ก่อนถึงจะเหมาะกับการฉีดเพิ่ม
- ฉีดโบท็อกซ์ที่ได้มาตรฐานหรือฉีดโบท็อกซ์ของปลอม : เนื่องจากกลุ่มโบท็อกซ์ที่ไม่ได้คุณภาพเหล่านี้มักจะมีตัวยาที่ไม่ค่อยมีความบริสุทธิ์หรือมีการเก็บตัวยาในอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสมทำให้ตัวยาเกิดการเสื่องสภาพ เมื่อฉีดแล้วจึงไม่เห็นผลลัพธ์และยังไปช่วยเพิ่มโอกาสการดื้อโบท็อกซ์อีกด้วย
- เกิดจากระบบภูคุ้มกันของร่างกาย : ในคนไข้บางคนนั้นอาจมีสภาพร่างกายที่ได้สร้างระบบภูมิคุ้มกันออกมาต้านตัวยาโบท็อกซ์ที่มากกว่าปกติ ส่งผลให้ในการฉีดครั้งต่อไปไม่เห็นผลลัพธ์หรือเกิดอาการดื้อโบท็อกซ์นั่นเอง
- เปลี่ยนยี่ห้อโบท็อกซ์บ่อย ๆ : เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ก่อให้เกิดการดื้อโบท็อกซ์ขึ้นได้ แต่เป็นปัจจัยมีโอกาสเพียงแค่ 0.1% เท่านั้นดังนั้นหากเป็นไปได้ก็ไม่ควรเปลี่ยนยี่ห้อโบท็อกซ์บ่อย ๆ เกินความจำเป็น
จะรู้ได้ไงว่าดื้อโบท็อกซ์ มีอาการอย่างไร

ซึ่งอาการดื้อโบท็อกซ์นั้นถือเป็นอาการที่ตัวคนไข้เองจะสามารถสังเกตได้ง่าย ๆ จากผลลัพธ์หลังฉีด เช่น ฉีดในปริมาณยาเท่าเดิมแต่เห็นผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนเดิม หรือในบางรายอาจจะต้องมีการจำนวนยูนิตตัวยาให้มากขึ้นถึงจะเห็นผลเท่าเดิม ซึ่งเราสามารถแบ่งระยะอาการดื้อโบท็อกซ์ออกได้เป็น 3 ระยะ ดังนี้
- ระยะที่ 1 : เป็นระยะเริ่มมีอาการดื้อโบท็อกซ์โดยจะเห็นว่าเมื่อฉีดโบท็อกซ์เข้าไปในปริมาณเท่าเดิม แต่ไม่สามารถเห็นผลได้มากเท่าเดิม
- ระยะที่ 2 : เป็นระยะที่จะต้องมีการเพิ่มมากจำนวนโบท็อกซ์มากขึ้นในการฉีดแต่ละครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีเท่าเดิม
- ระยะที่ 3 : ระยะจะเป็นระยะที่ถึงแม้ว่าจะมีการเพิ่มปริมาณโบท็อกซ์เข้าไปแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นผลการเปลี่ยนแปลง
ดื้อโบท็อกซ์เป็นอันตรายหรือไม่
สภาพวะอาการดื้อโบท็อกซ์นั้นถือว่าไม่มีความอันตรายใด ๆ ต่อร่างกาย เพียงแค่จะส่งผลต่อการเห็นผลลัพธ์หลังการฉีดโบท็อกซ์เท่านั้น ทำให้ไม่สามารถใช้วิธีการฉีดโบท็อกซ์เพื่อปรับรูปหน้าหรือลดริ้วรอย ร่องลึกได้ ซึ่งจะต้องหันไปเลือกใช้วิธีอื่นแทน
ดื้อโบท็อกซ์สามารถรักษาได้หรือไม่

อาการนั้นถือว่าในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการช่วยในการรักษาได้ ซึ่งจะต้องแก้ด้วยการงดการฉีดโบท็อกซ์และเว้นระยะให้ระบบภูมิต้านทานต่อโบท็อกซ์หมดไป โดยส่วนใหญ่มักจะใช้ระยะเวลาในการเว้นระยะประมาณ 3-5 ปี หรือบางรายอาจจะต้องนานถึง 10-20 ปี
ฉีดโบท็อกซ์ยี่ห้อไหนมีโอกาสดื้อโบท็อกซ์ได้น้อย
ในปัจจุบันยี่ห้อโบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อนั้นล้วนมีการผลิตตัวยาออกมาให้มีความบริสุทธิ์สูง ทำให้ช่วยลดโอกาสการดื้อโบท็อกซ์ได้ แต่หากใครกำลังมองหายี่ห้อโบท็อกซ์ที่ช่วยลดโอกาสดื้อโบท็อกซ์ได้ดีก็คือ โบท็อกซ์จากประเทศอเมริกาอย่าง Allergan ที่จะเห็นผลได้ยาวนานจนทำให้ช่วยลดความถี่ในการฉีดซ้ำได้และโบท็อกซ์จากเยอรมันอย่าง Xeomin ที่เป็นโบท็อกซ์เจน 2 ที่ผลิตขึ้นมาแบบมีจุดเด่นในเรื่องของการช่วยลดโอกาสดื้อโบท็อกซ์ได้ดี
ฉีดโบท็อกซ์อยู่ได้นานแค่ไหน
ในเรื่องของอายุการเห็นผลของการฉีดโบท็อกซ์นั้นจะขึ้นอยู่กับตำแหน่ง บริเวณและยี่ห้อที่เลือกใช้ในการฉีด รวมไปถึงวิธีการดูแลตัวเองหลังทำของคนไข้แต่ละคนร่วมด้วย เช่น
- โบท็อกซ์ลดกราม จะเห็นผลได้นาน 5-6 เดือน
- โบท็อกซ์ลดริ้วรอย ร่องลึก จะเห็นผลได้นาน 3-4 เดือน
มีอาการดื้อโบท็อกซ์สามารถทำหัตถการไหนแทนได้บ้าง
สำหรับใครที่กำลังเผชิญกับอาการดื้อโบท็อกซ์อยู่นั้น ก็ต้องบอกว่าในปัจจุบันเราได้มีวิธีและหัตถการดูแลปัญหาผิวอย่างมากมายที่สามารถทำทดแทนการฉีดโบท็อกซ์ได้ดังนี้
- การฉีดฟิลเลอร์
จะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยและร่องลึกตามจุดต่าง ๆ - การร้อยไหม
วิธีนี้สามารถช่วยปรับผิวให้มีความกระชับ แก้ริ้วรอย ร่องลึก แก้ปัญหามุมตาตก มุมปากตกและปรับรูปหน้าให้เรียวเข้ารูปได้ - การใช้เครื่องยกกระชับ
เช่น เครื่อง Hifu, Thermage และ Ulthera ที่จะเด่นในเรื่องของการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ปรับผิวให้กระชับเต่งตึง แก้ปัญหาริ้วรอย และช่วยปรับกรอบหน้าให้เรียวเข้ารูปได้ดียิ่งขึ้น - การฉีดเมโสแฟต
เป็นวิธีการฉีดสลายไขมันทำให้สัดส่วนรูปหน้ามีความเรียวเข้ารูปมากยิ่งขึ้น - การผ่าตัดศัลยกรรม
เป็นวิธีที่ช่วยได้ทั้งการปรับรูปหน้าให้เรียวเข้าแล้ว หรือแม้แต่การผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าเพื่อแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ผิวมีริ้วรอย
ซึ่งทั้งนี้ก่อนจะเลือกทำวิธีการใด ๆ แนะนำให้เข้าปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการประเมินสภาพปัญหาผิวเดิมและพูดคุยถึงแนวทางของผลลัพธ์หลังทำที่ต้องการเพื่อให้แพทย์ช่วยแนะนำวิธีที่เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละบุคคลได้
วิธีป้องกันอาการดื้อโบท็อกซ์

และแน่นอนว่าอาการดื้อโบท็อกซ์นั้นถือว่าหากเป็นแล้วจะรักษาและแก้ไขได้แต่ต้องใช้ระยะเวลานานหลายปี ดังนั้นก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อกซ์ทุกครั้งจึงควรศึกษาข้อมูลเพื่อป้องกันการเกิดอาการดื้อโบท็อกซ์ตั้งแต่แรกก่อนฉีดจึงจะดีที่สุด เช่น
- ฉีดโบท็อกซ์ของแท้ที่ได้มาตรฐานเท่านั้น
- ฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น
- เลือกฉีดโบท็อกซ์ในปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละครั้ง ไม่ควรฉีดเยอะเกินไป
- หลังจากฉีดโบท็อกซ์แล้วควรเว้นระยะห่างสำหรับการฉีดครั้งต่อไปอยู่ที่ 3-4 เดือน
- เลือกฉีดกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีใบอนุญาตการเปิดอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ซึ่งสำหรับใครที่กำลังสนใจอยากที่จะสอบถามหรือเข้ารับบริการฉีดโบท็อกซ์อยู่ เราขอแนะนำที่กังนัมคลินิกเรามีโบท็อกซ์ของแท้ ได้มาตรฐานอย.ให้บริการหลายยี่ห้อและมีทีมแพทย์มากประสบการณ์เป็นผู้ทำการฉีดให้แก่คนไข้ทุกเคส
สรุป
อาการดื้อโบท็อกซ์ถือเป็นอาการที่ร่างกายได้มีการสร้างระบบภูมิคุ้มกันขึ้นมาเพื่อต่อต้านตัวยาโบท็อกซ์ที่ฉีดเข้าไปทำให้ไม่สามารถเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ต้องการได้ ซึ่งมีสาเหตุหลัก ๆ จากการที่ฉีดโบท็อกซ์บ่อยเกินไป ฉีดในปริมาณที่เยอะเกินไปเป็นต้น
โดยปัจจุบันยังไม่มีวิธีการไหนที่สามารถเข้ามารักษาอาการดื้อโบท็อกซ์ได้นอกจากการงดเว้นการฉีดไปประมาณ 3-5 ปีหรือมากกว่านั้นเพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันโบท็อกซ์หยุดทำงานลงถึงจะทำให้สามารถกลับมาฉีดโบท็อกซ์แล้วเห็นผลลัพธ์อีกครั้ง
สำหรับท่านใดที่มีความประสงค์อยากจะสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัตถการฉีดโบท็อกซ์สามารถติดต่อได้ที่กังนัมคลินิกทุกสาขาหรือทาง Line : @gangnamclinic