สาเหตุปัญหาสิวที่หลัง เกิดจากอะไร? พร้อมแนะนำวิธีป้องกันและรักษาให้หายขาด

สิวที่หลัง รักษาอย่างไร

สิวที่หลังอาจทำให้สาวๆขาดความมั่นใจ ไม่กล้าที่จะสวมใส่เสื้อผ้าที่โชว์หลังเพราะสิวที่หลังเยอะมากจนผิวไม่เรียบเนียน ทำให้ไม่มีความมั่นใจ แต่อย่าเพิ่งวิตกกังวลเพราะวันนี้เรามีวิธีรักษาสิวที่หลังให้หายขาด พร้อมวิธีป้องกันและรักษาสิวที่หลังมาฝากแต่จะมีวิธีอะไรบ้างมาดูไปพร้อมๆกันเลย

สิวที่หลัง เกิดจากอะไร?

สิวที่หลัง เกิดจากอะไร

การเกิดสิวที่หลังมักเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาความสะอาดที่ไม่ดีพอ ทำให้มีสิ่งสกปรกอุดตันที่รูขุมขน และมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวที่หลังได้ เช่น

กรรมพันธุ์และฮอร์โมน

สิวที่หลังอาจเกิดขึ้นได้จากกรรมพันธุ์ และระดับฮอร์โมนในร่างกายที่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนแอนโดรเจน (ฮอร์โมนเพศชาย) มากกว่าฮอร์โมนเพศหญิง ส่งผลทำให้รูขุมขนกว้าง เกิดผิวมันและเป็นสิวที่หลังได้ง่าย

แพ้เหงื่อตัวเอง

การที่มีผื่นคันขึ้นบริเวณแผ่นหลัง ลำคอ ข้อพับทุกครั้งหลังเหงื่อออกอาจทำให้เกิดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย และเกิดการอุดตันที่ผิวหนังจนเกิดเป็นสิวที่หลัง หรือมีอาการแพ้เหงื่อของตัวเองได้ (ในกรณีนี้แนะนำให้ไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง)

ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ดูแลผิว

ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ใช้ดูแลผิวอย่างครีมอาบน้ำ ครีมทาผิว ครีมกันแดด อาจเป็นสาเหตุทำให้รูขุมขนอุดตันจนเกิดสิวที่หลังได้เช่นกัน

เสื้อผ้าที่ใส่

เสื้อผ้าที่ใส่ก็อาจนะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวที่หลังได้ เนื่องจากเสื้อผ้าระบายอากาศได้ไม่ดี ทำให้เกิดความอับชื้น เป็นแหล่งสะสมของสิ่งสกปรกและแบคทีเรีย จนทำให้รูขุมขนอุดตัน หรือการใช้ผงซักฟอกที่มีฤทธิ์รุนแรงกับผิว เกินไปทำให้เกิดการระคายเคืองจนกลายเป็นสิวที่หลังได้ในที่สุด

อาหารการกิน

รู้หรือไม่ว่าการทานอาหารประเภทของทอดหรือของมัน หรือการทานอาหารที่ประกอบไปด้วยไขมันและน้ำตาลสูง อย่างขนมหวาน และช็อกโกแลตเป็นประจำ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิวที่หลังได้ง่าย

ที่นอนไม่สะอาด

ผ้าปูที่นอนและหมอนที่สกปรกก็เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรียซึ่งอาจทำให้เกิดสิวที่หลังได้เช่นกัน ดังนั้นจึงขอแนะนำให้หมั่นเปลี่ยนปลอกหมอนและผ้าปูที่นอนอบ่อยๆ อย่างน้อย 1 สัปดาห์/ต่อครั้ง

การผลัดเซลล์ผิวหนังที่ตายช้ากว่าปกติ

ทุกคนมีต่อมน้ำมันอยู่ภายใต้รูขุมขนที่เรียกว่าซีบัม (Sebum)ที่ทำหน้าที่ผลิตขน ออกมาเพื่อสร้างความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง แต่ถ้าหากร่างกายมีการผลัดเซลล์ผิวเก่าได้ช้ากว่าปกติก็จะทำให้เกิดการอุดตันที่รูขุมขนจนเกิดเป็นสิวที่หลังตามมา

ลักษณะของสิวที่หลัง 6 ประเภท

ลักษณะของสิวที่หลัง

สิวที่หลังสามารถแบ่งออกตามลักษณะที่แตกต่างกันได้ 6 ประเภทหลักๆดังนี้

สิวอุดตัน (Comedones)

เกิดจากการที่ไขมันส่วนเกินใต้ชั้นผิว รวมตัวกับสิ่งสกปรกตกค้างในรูขุมขนจนเกิดการอุดตันเป็นตุ่มนูนเล็กๆใต้ผิวหนัง

สิวหัวดำ หรือสิวหัวเปิด

เกิดจากการสะสมของ Corneocyte และ Sebum ในช่องรูขุมขน จนทำให้รูขุมขนเกิดการขยายตัว และเผยให้เห็นจุดสีเข้มที่อุดตันในรูขุมขน

สิวอักเสบแดง

เป็นสิวที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียผสมกับการอุดตันของรูขุมขน จากการใช้มือที่ไม่สะอาดบีบ หรือกดแบบผิดวิธีเพื่อเอาหัวสิวออก

สิวอักเสบตุ่มนูนแดง (Papules)

เกิดจากการอักเสบของสิวอุดตันที่มีลักษณะเป็นตุ่มแดงเล็กๆขึ้นมาจากผิวหนัง

สิวอักเสบหัวหนอง

เกิดจากระดับฮอร์โมนแอนโดรเจน เทสโทสเทอโรน และเอสโตรเจนมีการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มขึ้น ทำให้ไปกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันจนเกิดเป็นการอุดตันและการอักเสบจนเป็นสิวหัวหนอง

สิวซีสต์ สิวหัวช้าง

เกิดจากต่อมไขมันที่อยู่ลึกลงไปใต้ชั้นผิวหนังมีอาการอักเสบ เป็นหนองแล้วเกิดการจับตัวเป็นถุงซีสต์ขนาดใหญ่ใต้ชั้นผิว

วิธีรักษาสิวที่หลัง แบบธรรมชาติ

ใครที่กำลังประสบปัญหาสิวที่หลัง ที่เป็นๆหายๆทำให้หลังไม่เรียบเนียนน่ามอง สามารถรักษาได้ง่ายๆด้วยวิธีดังต่อไปนี้

1. พบแพทย์ผิวหนัง

พบแพทย์

เพื่อทำการรักษาและรับประทานยาปฏิชีวนะเพื่อลดการอักเสบของสิว เนื่องจากสาเหตุการเกิดสิวของแต่ละคนนั้นมีไม่เหมือนกัน ดังนั้นการเข้าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด เพราะแพทย์จะทำการวินิจฉัยถึงสาเหตุและรักษาได้ถึงต้นตอของสิว

  • เหมาะกับใคร : ผู้ที่เป็นสิวเรื้อรัง สิวลุกลามที่ใช้วิธีการรักษาด้วยตนเองแล้วแต่ไม่เห็นผล
  • ข้อดี : ถือเป็นการรักษาได้ถึงต้นตอของสิว และมีความปลอดภัยเพราะเป็นการรักษาภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • ข้อเสีย : มีราคาค่าใช้จ่ายที่แพง ขึ้นอยู่กับแพทย์และคลินิก และระวังเจอคลินิกเลี้ยงไข้

2. การใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว

ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน

เพื่อลดการระคายเคืองและนอกจากนั้นผลิตภัณฑ์เหล่าส่วนใหญ่จะไม่มีสารอันตรายต่อผิว ไม่ทำให้สิวมีการอักเสบที่เพิ่มขึ้นและควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคนด้วย โดยผลิตภัณฑ์นั้นควรไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม แอลกอฮอล์เป็นต้น

  • เหมาะกับใคร : ผู้ที่เป็นสิวเพียงนิดหน่อย มีจำนวนเม็ดสิวไม่เยอะ เป็นๆ หายๆ และผู้ที่ไม่มีเวลาเข้าคลินิก
  • ข้อดี : ถือเป็นการรักษาด้วยตนเองที่บ้าน มีค่าใช้จ่ายที่ถูก
  • ข้อเสีย : ผู้ที่มีปัญหาบางรายอาจไม่เหมาะกับวิธีนี้เช่น สิวจากความผิดปกติของฮอร์โมนเป็นต้น

3. ผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน

ผลัดเซลล์ผิว

ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ละลายหัวสิวทาที่หลัง เพื่อให้ตัวยาเข้าไปช่วยละลายเม็ดสิว พร้อมช่วยลดการอักเสบและทำให้หัวสิวแห้งและยุบตัวได้ไวมากยิ่งขึ้น

  • เหมาะกับใคร : ผู้ที่เป็นสิวเพียงนิดหน่อย ไม่มีเวลาเข้าคลินิก และต้องการรักษาสิวด้วยตนเองที่บ้าน
  • ข้อดี : สามารถซื้อยามาทำเองที่บ้านได้ ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการรักษา
  • ข้อเสีย : ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวแพ้ง่าย ระคายเคืองง่าย เนื่องจากตัวยาอาจกัดผิวจนทำให้สิวลุกลามขึ้นได้

4. ทำเลเซอร์รักษาสิว

เลเซอร์รักษาสิว

หากอยากได้ผลลัพธ์ที่เร่งด่วนการทำเลเซอร์รักษาสิวถือเป็น วิธีที่สามารถรักษาสิวได้โดยตรง เนื่องจากพลังงานแสงจากเสเซอร์มีประสิทธิภาพสามารถเข้าไปฟื้นฟูเซลล์ผิวหนังให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง และนอกจากนี้ยังช่วยลดการอักเสบของสิวที่หลังได้อีกด้วย

  • เหมาะกับใคร : ผู้ที่เป็นสิวจำนวนมากและต้องการรักษาสิว รวมไปถึงรอยสิวได้อย่างเร่งด่วน
  • ข้อดี : นอกจากจะช่วยรักษาสิวให้หายไวแล้วยังช่วยรักษารอยสิว รอยแดง รอยดำต่างๆ ได้ดีอีกด้วย
  • ข้อเสีย : มีค่าใช้จ่ายที่แพงกว่าวิธีอื่นๆ

5. ไม่แกะหรือบีบสิว

ไม่แกะหรือบีบสิว

เพราะการบีบหรืการแกะสิว จะกระตุ้นทำให้ผิวหนังเกิดการอักเสบมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้การแกะสิวยังเป็นสาเหตุของการเกิดรอยสิวและหลุมสิวอีกด้วย ซึ่งทางที่ดีหากเป็นสิวควรทำการใช้ยาแต้มสิวทาเพื่อให้สิวยุบตัวหรือหากเป็นสิวอุดตันก็ควรเข้าคลินิกเพื่อใช้เลเซอร์หรือกดสิวโดยผู้เชี่ยวชาญแทน

  • เหมาะกับใคร : ผู้ที่เป็นสิวเพียงเล็กน้อย หรือนานๆ จะเป็นสิว
  • ข้อดี : ไม่ทำให้เกิดรอยสิว และหลุมสิวในอนาคต ทำให้หลังไม่ลาย
  • ข้อเสีย : เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ซึ่งไม่สามารถรักษาสิวได้ถึงต้นตอของสิว

6.หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก

เลี่ยงการออกกำลังกายหนัก

หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากๆ รวมถึงหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่อากาศร้อนเช่นการอบซาวน่า เนื่องจากกิจกรรมเหล่านั้นจะทำให้เกิดเหงื่อขึ้นที่หลังจำนวนมากจนนำไปสู่การสะสมของเชื้อแบคทีเรียสาเหตุของสิว ดังนั้นหลังทำกิจกรรมดั่งกล่าวเสร็จควรรีบอาบน้ำและเปลี่ยนชุดอย่างทันที

  • เหมาะกับใคร : ผู้ที่มีปัญหาสิวเล็กน้อยถึงปานกลาง และเป็นสิวที่ไม่ได้มีความอักเสบแบบรุ่นแรง
  • ข้อดี : เป็นวิธีในการดูแลเบื้องต้น เพื่อป้องกันสาเหตุการเกิดสิวในอนาคต
  • ข้อเสีย : เป็นเพียงวิธีการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันการเกิดสิวเท่านั้น ไม่สามารถใช้ในการรักษาสิวที่เกิดขึ้นแล้วได้

7. สวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่หนา หรือไม่รัดรูปจนเกินไป

ไม่ใส่ชุดรัดรูป

เพื่อลดการอับชื้น และให้สามารถระบายอากาสได้ดีเนื่องจากการใส่เสื้อผ้าที่รัดรูปเป็นเวลานานยิ่งหากไปเผชิญฝุ่น เหงื่อและสิ่งสกปกรกมากมายก็จะยิ่งทำให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้นกว่าปกติมากๆ ซึ่งการสวมใส่เสื้อที่สบายจะทำให้การระบายอากาศได้ดีส่งผลต่อความเสี่ยงการเกิดสิวที่ลดลง

  • เหมาะกับใคร : ผู้ที่เป็นสิวเล็กน้อย มีอาการที่ไม่รุนแรง
  • ข้อดี : เป็นวิธีการดูแลตัวเองขั้นพื้นฐานที่ควรทำเป็นประจำเพื่อช่วยลดโอกาสการเกิดสิว
  • ข้อเสีย : เนื่องจากเป็นวิธีในการดูแลตัวเองดังนั้นควรทำควบคู่ไปกับวิธีการรักษาสิวที่หลังแบบอื่นๆ ร่วมกันเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ดี

สิวที่หลังผู้ชาย รักษาหายหรือไม่?

สิวที่หลังของผู้ชายสามารถรักษาให้หายได้ หากทำการรักษาอย่างถูกวิธี เช่นการพบแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังเพื่อรับประทานยา และการทำเลเซอร์รักษาสิวด้วย Dual Yellow Laser ที่มีคุณสมบัติช่วยขับสิ่งสกปรกที่ติดค้างอยู่บนผิว ช่วยลดความมันบนผิวหนัง และปรับสมดุลของผิวทำให้อาการอักเสบของสิวหายได้เร็วขึ้น

สิวที่หลังทิ้งรอยดำ รักษายังไงดี?

หลังจากการเกิดสิวอักเสบที่หลังเมื่อรักษาหายแล้ว มักพบว่าจะทิ้งปัญหารอยสิว รอยดำ รอยแดงจากสิวมาแทน ซึ่งรอยสิวต่างๆที่ว่านี้สามารถรักษาจางลงไปได้ด้วยการใช้เทคโนโลยีจาก Dual Yellow Laser ที่มีการปล่อยแสงจะออกมา 2 ชนิด คือแสงสีเหลือง ความยาวคลื่น 578 นาโนเมตร ที่นิยมใช้ในการรักษารอยโรคที่มีสีแดง เช่น รอยแดงจากสิว ปานแดง หรือรอยแผลเป็นสีแดง และแสงสีเขียว ความยาวคลื่นที่ 511 นาโนเมตร นิยมใช้ในการรักษาปัญหาความผิดปกติของเม็ดสีเช่นรอยกำจากสิว ฝ้า กระ เป็นต้น

สิวที่หลังสามารถหายขาดได้หรือไม่?

สิวที่หลังสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่อาจจะต้องเลือกใช้วิธีที่ถูกต้องและได้รับการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ ซึ่งวิธีที่แพทย์ส่วนใหญ่เลือกใช้จะเป็นการทำเลเซอร์รักษาสิว ที่จะช่วยลดการอักเสบบริเวณผิว ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง ทำให้ให้ผิวหนังแข็งแรงขึ้น อีกทั้งการทำเลเซอน์ยังช่วยให้หลังมีความเรียบเนียนกระจ่างใสขึ้นได้อีกด้วย

เป็นสิวที่หลังควรพบบแพทย์เพื่อทำการรักษาตอนไหน

เป็นสิวที่หลังควรพบบแพทย์เพื่อทำการรักษาตอนไหน

หลังจากที่มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นเวลานานแล้ว แต่สิวที่หลังยังไม่หายไป แถมยังมีจำนวนเพิ่มมากยิ่งขึ้น แนะนำให้ไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อให้ได้รับการวินิจฉัย และเข้ารับขั้นตอนการรักษาที่ถูกต้อง เพื่อไม่ทำให้ปัญหาสิวที่หลังบานปลายไปมากกว่าเดิม อีกทั้งการรักษาโดยแพทย์จะช่วยฟื้นฟูผิว ทำปราศจากสิวที่หลังในเวลาที่รวดเร็ว และไม่ทำให้ผิวบางลงอีกด้วย

รักษาสิวที่หลังหายแล้วมีโอกาสกลับมาเป็นอีกไหม

สิวที่หลังเมื่อรักษาหาายแล้วก็สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีก หากยังมีการปฏิบัติพฤติกรรมเสี่ยงในการเกิดสิวไม่เลิก เช่น การใส่เสื้อผ้าที่ไม่ระบายอากาศ ที่นอนสกปรก การใช้น้ำยาซักผ้าที่สีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อผิว หรือเข้ารับการรักษาไม่ต่อเนื่องทำให้เชื้อสิวไม่หายสนิท ซึ่งหากใครที่กังวลว่าจะกลับมาเป็นสิวซ้ำๆ สามารถทำเลเซอร์รักษาสิวให้หายขาดได้

สิวที่หลังสามารถป้องกันได้หรือไม่?

สิวที่หลังสามารถป้องกันได้หรือไม่

สิวที่หลังสามารถป้องกันได้ ทั้งจากการดูแลตัวเอง และจากการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ ซึ่งถ้าหากใครไม่อยากเป็นสิวที่หลัง เราก็มีวิธีป้องกันสิวที่สามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้

  • อาบน้ำทุกครั้งที่ออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมที่มีเหงื่อออกมาก เพื่อไม่ให้เกิดการหมักหมมอยู่บนผิวหนังนานๆ
  • สวมใส่เสื้อผ้าที่สามารถระบายอากาศได้ดี และหลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นจนเกินไป เพื่อป้องกันการเสียดสีที่ผิวหนัง
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและผิวพรรณ โดยเฉพาะผักผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่
  • ใช้ผลิตภภัณฑ์ดูแลผิวสูตรอ่อนโยน เช่นสบู่อาบน้ำ แชมพู ครีมนวด ครีมบำรุงผิว ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันหรือการระคายเคืองที่ผิว
  • หลีกเลี่ยงอาหารประเภทของทอดของมัน หรืออาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง
  • หากมีสิวเกิดขึ้นควรงดการกด แกะ เกา หรือบีบสิวเองเพราะนอกจากจะทำให้เกิดแผลเป็นแล้วยังเป็นการกระตุ้นให้สิวมีอาการอักเสบกว่าเดิมได้
  • เลี่ยงการทานยาบางชนิดที่มีส่วนช่วยในการเพิ่มระดับฮอร์โมนในเฟศชายที่เป็นตัวการสำคัญในการเกิดสิว
  • งดสวมใส่ชุดที่รัดรูปจนเกินไป จนทำให้เกิดการเสียดสีและการทำให้อากาศถ่ายเทได้ไม่สะดวกเวลาที่มีเหงื่อออกจำนวนมาก

สรุป

ปัญหาผิวที่หลังไม่ใช้ปัญหาที่น่ากังวลอีกต่อไป เพราะสามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยไม่ทิ้งรอยดำ รอแดงจากสิวที่กวนใจ หากเลือกรักษาด้วยวิธี่ที่ถูกต้อง และดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อีกทั้งการปรนนิบัติผิวด้วย Dual Yellow Laser นอกจากจะช่วยรักษาสิวที่หลังได้แล้ว ยังช่วยทำให้แผ่นหลังมีความเรียบเนียนมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง