โบท็อกซ์ Hugel แล้วหน้าเรียวได้ดีจริงไหม เหมาะกับใครบ้าง

โบท็อกซ์ Hugel

ในยุคนี้เชื่อว่าใครๆ ก็คงอยากจะมีใบหน้าที่สวยเข้ารูป มีผิวที่กระชับเต่งตึงกันทั้งนั้นซึ่งแน่นอนว่าหัตถการที่ตอบโจทย์อย่างมากนั้นก็คือการฉีดโบท็อกซ์ แต่ทว่ายี่ห้อโบท็อกซ์เองก็มีให้เลือกอย่างมากมายแต่ในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกถึงโบท็อกซ์อีกหนึ่งยี่ห้อที่ได้รับความนิยมอย่างมากนั้นก็คือ “Hugel” นั่นเอง

สารบัญเนื้อหา โบท็อกซ์ Hugel

โบท็อกซ์ Hugel คืออะไร

โบท็อกซ์ Hugel คืออะไร

Hugel (ฮูเจล) เป็นยี่ห้อของโบท็อกซ์ยี่ห้อหนึ่งจากประเทศเกาหลีที่มีส่วนช่วยในการแก้ปัญหาผิวด้วยสาร Botulinum toxin ที่มีจุดเด่นในเรื่องของการเป็นโบท็อกซ์บริสุทธิ์ เห็นผลไวและมีราคาที่ไม่แรงเมื่อเทียบเท่ากับยี่ห้อจากฝั่งอเมริกาและยุโรป

หลักการทำงานของโบท็อกซ์ Hugel

ในการฉีดโบท็อกซ์ Hugel นั้นจะใช้การฉีดตัวยาเข้าไปแต่ละจุดที่แพทย์ทำการประเมินแล้วว่าจะช่วยแก้ปัญหาผิวต่างๆ ซึ่งหลังจากฉีดโบท็อกซ์เข้าไปแล้วตัวยาจะเข้าไปรบกวนการทำงานของระบบประสาททำให้ระบบประสาทไม่สามารถที่จะสั่งงานควบคุมกล้ามเนื้อได้ จนทำให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นเกิดการหดและเกร็งตัวลงทำให้ใบหน้ามีความเรียงเล็กขึ้น และทำให้ผิวมีความกระชับเต่งตึงขึ้นจนทำให้ริ้วรอยร่องลึกต่างๆ ค่อยๆ จางลงอีกด้วย

โบท็อกซ์ Hugel ฉีดส่วนไหนได้บ้าง

โบท็อกซ์ Hugel ฉีดส่วนไหนได้บ้าง

ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าโบท็อกซ์ Hugel นั้นสามารถใช้ฉีดแก้ปัญหาผิวได้หลายปัญหาและหลายจุด ซึ่งจุดที่นิยมฉีดมี ดังนี้

  • หน้าผาก : เพราะลดริ้วรอยบริเวณหน้าผากและระหว่างคิ้ว
  • รอบๆ ดวงตา : เพื่อแก้ปัญหาตีนกา ริ้วรอย ร่องลึกต่างๆ รอบๆ ดวงตา รวมไปถึงการช่วยแก้ปัญหาคิ้วตก หางตาตกจากอายุที่มากขึ้นได้อีกด้วย
  • บริเวณรอบๆ ปาก : เช่นร่องลึกทั้ง 2 ข้างของริมฝีปากซึ่งเป็นจุดที่จะทำให้ใบหน้าดูแก่โทรม
  • หน้าแก้ม : เพื่อช่วยกระชับรูขุมขนให้เรียบเนียน
  • จมูก : โดยจะฉีดที่บริเวณปีกจมูกเพื่อแก้ปัญหาจมูกบาน ทรงจมูกใหญ่ จมูกชมพู่
  • กราม : เพื่อแก้ปัญหากรามใหญ่ ปรับหน้าให้เรียวเล็กและปรับผิวส่วนแก้มให้มีความกระชับเต่งตึงขึ้น
  • โหนกแก้ม : เพื่อลดขนาดโหนกแก้มสำหรับคนที่มีปัญหาโหนกแก้มใหญ่ ทำให้ใบหน้าดูสมส่วนมากยิ่งขึ้น
  • รักแร้ : เพื่อช่วยลดเหงื่อ ทำให้ลดโอกาสการเกิดกลิ่นตัว กลิ่นรักแร้ที่ไม่พึงประสงค์ได้
  • ต้นแขน : เพื่อช่วยกระชับผิวต้นให้เต่งตึง ให้ต้นแขนเรียวสวย
  • น่องและต้นขน : เพื่อลดน่องใหญ่ ลดเซลลูไลท์ และปรับผิวส่วนนั้นให้กระชับขึ้น

ใครเหมาะและไม่เหมาะกับการฉีดโบท็อกซ์ Hugel

คนที่เหมาะกับโบท็อกซ์ Hugel

  • ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องลึก โดยต้องการปรับผิวให้เรียบเนียนให้ริ้วรอยหายไป
  • ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้มีความสมส่วน ปรับหน้าทรงวีเชฟเข้ารูป
  • ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย แก้ปัญหาคิ้วตก หางตาตก
  • ผู้ที่ต้องการลดขนาดของปีกจมูกจะมีความเรียวเข้ารูปตามสัดส่วนของใบหน้าได้
  • ผู้ที่ต้องการลดขนาดต้นแขน ต้นขน น่องให้มีความเรียวเล็กขึ้น
  • ผู้ที่ต้องการลดอาการรักแร้เปียก ลดเหงื่อที่รักแร้

คนที่ไม่เหมาะกับโบท็อกซ์ Hugel

  • ผู้ที่มีประวัติแพ้สาร Botulinum toxin
  • สตรีที่กำลังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
  • ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือด เลือดหยุดไหลยาก

ข้อดีและข้อเสียของโบท็อกซ์ Hugel

ข้อดีของโบท็อกซ์ Hugel

ข้อดีของโบท็อกซ์ Hugel
  • ฉีดแล้วเห็นผลไว และทำให้ผลลัพธ์ดูออกมาเป็นธรรมชาติ
  • ตัวยามีความบริสุทธิ์สูงถึง 99.51%
  • ฉีดแล้วเห็นผลได้ดีเทียบเท่ากับโบท็อกจากอเมริกา
  • ตัวยามีความปลอดภัยเพราะผ่านอย.ไทย และอย.เกาหลีแล้ว

ข้อเสียของโบท็อกซ์ Hugel

  • ระยะเวลาการเห็นผลจะสั้นกว่าโบท็อกซ์จากฝั่งยุโรปและอเมริกา
  • โบท็อกซ์ยังเป็นโบท็อกซ์เจนหนึ่งที่หากฉีดบ่อยเกินไปอาจก่อให้เกิดอาการดื้อยาได้

Botox Hugel กี่วันเห็นผล

ในการฉีดโบท็อกซ์ Hugel นั้นจะสามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด โดยจะเริ่มเห็นผลขึ้นทีละเล็กน้อยประมาณ 3-4 วันหลังฉีด ซึ่งช่วยที่จะเห็นผลลัพธ์แบบสูงสุดนั้นจะอยู่ที่โดยประมาณ 3 สัปดาห์ถึง 1 เดือนหลังฉีด

Hugel Botox อยู่ได้กี่เดือน

ในการฉีดโบท็อกซ์ Hugel นั้นจะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้นานหลายเดือน โดยหากฉีดในเรื่องของการช่วยริ้วรอย ร่องลึกนั้นจะอยู่ได้นานประมาณ 3-4 เดือน แต่หากฉีดบริเวณส่วนกรามเพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กขึ้นนั้นจะเห็นผลได้นาน 5-6 เดือนเป็นต้น

โบท็อกซ์ Hugel อันตรายไหม

การฉีดโบท็อกซ์ Hugel นั้นถือว่าเป็นหัตถการที่ไม่มีความอันตรายเลย เพราะตัวยาโบท็อกซ์นั้นได้มีการผ่านการรับรองความปลอดภัยจากทางอย.ไทย อย.เกาหลีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่แน่นอนว่าก็ควรเข้ารับการฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ฉีดโบท็อกซ์ของแท้เท่านั้น และควรฉีดในปริมาณที่พอดีไม่ฉีดบ่อย ฉีดเยอะจนเกินไปเพื่อไม่ให้เกิดอาการดื้อโบท็อกซ์

วิธีเช็กโบท็อกซ์ Hugel ของแท้

วิธีเช็กโบท็อกซ์ Hugel ของแท้

แน่นอนว่าการจะฉีดโบท็อกซ์ให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยนั้นนอกจากจะต้องฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้วยังต้องฉีดด้วยโบท็อกซ์ของแท้ที่นำเข้ามาอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งจะมีวิธีตรวจสอบดังนี้

  • โบท็อกซ์ Hugel ของแท้จะมีด้วยกันทั้งหมด 2 แบบคือ แบบ 200 ยูนิต และแบบ 50 ยูนิต
  • กล่องแบบ 50 ยูนิตจะเป็นสีเขียวขาว กล่องแบบ 100 ยูนิตจะเป็นสีชมพูบานเย็น มีรอยปรุสำหรับเปิดกล่องอยู่ด้านข้าง
  • ในกล่องจะมีเอกสารกำกับเป็นภาษาไทยและมีเลขทะเบียนอย. อยู่
  • ที่กล่องและขวดโบท็อกซ์จะมีการระบุเลขลอตที่ผลิต ซึ่งตัวเลขทั้ง 2 จุดนั้นจะต้องเป็นเลขรหัสเดียวกัน
  • เวลาเปิดตัวมาจะเห็นว่าตัวยานอนอยู่ที่ก้นขวด เพื่อให้แพทย์ทำการใส่น้ำเกลือและดูดเอาตัวยาออกมา

นอกจากโบท็อกซ์ Hugel แล้วยังมียี่ห้อไหนอีก

ในประเทศไทยตอนนี้ได้มียี่ห้อโบท็อกซ์ที่ผ่านอย. ของไทยอยู่หลายยี่ห้อทั้งยี่ห้อฝั่งของเกาหลีเองและยี่ห้อฝั่งอเมริกาหรือยุโรป ซึ่งยี่ห้อที่กังนัมคลินิกขอแนะนำมีทั้งหมด 5 ยี่ห้อ ดังนี้

  • Allergan (อเมริกา)
    ถือเป็นโบท็อกซ์ยี่ห้อแรกที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง และยังมีงานวิจัยเข้ามารองรับอย่างมากมาย โดยจุดเด่นก็คือตัวยาโบท็อกซ์มีความบริสุทธิ์ถึง 99.5% ทำให้ตัวยาสามารถกระจายตัวได้ดี ฉีดแล้วเห็นผลไว เห็นผลได้นาน 6-8 เดือน และยังมีโอกาสในการดื้อยาได้น้อยอีกด้วย
    ราคา : 100 ยูนิต 18,000 บาท
  • Dysport (อังกฤษ)
    โบท็อกซ์ยี่ห้อนี้มีจุดเด่นในการกระจายตัวของยาได้ดีเนื่องจากตัวยามีโมเลกุลเล็กกว่าโบท็อกจากฝั่งอเมริกาและเกาหลี จึงเหมาะมากกับการใช้ฉีดแก้ริ้วรอยและปรับรูปหน้า หลังฉีดจะทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และเห็นผลได้นาน 4-6 เดือน
    ราคา : 120 ยูนิต 15,696 บาท
  • Xeomin (เยอรมัน)
    ถือเป็นโบท็อกซ์แบบ Gen 2 ถือเป็นโบท็อกซ์ที่บริสุทธิ์ไม่มีสิ่งแปลกปลอม ทำให้มีโอกาสในการดื้อยาได้น้อยที่สุดในบรรดาของโบท็อกซ์ และสามารถเห็นผลไวได้ภายใน 3 วันทั้งยังให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และอยู่ได้นาน 4-6 เดือน
    ราคา : 100 ยูนิต 12,323 บาท
  • Nabota (เกาหลี)
    เป็นโบท็อกซ์แบบโปรตีนบริสุทธิ์ที่มีมานานกว่า 30 ปี หลังฉีดจะช่วยลดเลือนริ้วรอย ช่วยลดกรามปรับรูปหน้าได้ไว และมีราคาที่สามารถเอื้อมถึงได้ง่าย แต่มีข้อเสียคือจะเห็นผลได้สั้นกว่ายี่ห้ออื่น โดยจะอยู่ได้นาน 4-5 เดือน
    ราคา : 100 ยูนิต 5,966 บาท
  • Aestox (เกาหลี)
    เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อจากประเทศเกาหลีที่ได้มีการทำงานวิจัยร่วมกับทางรพ.ศิริราช ทำให้ตัวยาโบท็อกซ์มีความบริสุทธิ์สูง ออกฤทธิ์ไว ฉีดแล้วให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและมีโอกาสการดื้อยาในอนาคตได้น้อยอีกด้วย และที่สำคัญมีราคาที่สามารถเอื้อมถึงได้ แต่จะสามารถเห็นผลได้เพียง 2-3 เดือน
    ราคา : 50 ยูนิต 3,696 บาท

การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกซ์ Hugel

การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกซ์ Hugel

การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกซ์ควรจะมีการเตรียมสภาพผิวและร่างกายก่อนอย่างน้อยล่วงหน้า 1 สัปดาห์ ดังนี้

  1. งดการใช้ยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือดเช่น ยาแก้ปวด, ยาแอสไพริน, Ibruprofen เป็นต้น รวมไปถึงกลุ่มวิตามินเช่น วิตามินอี น้ำมันปลา เป็นต้น
  2. งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนฉีด
  3. งดทานอาหารแสลง ของหมักดอง 24 ชั่วโมงก่อนฉีด เพราะอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ระคายเคืองได้ง่าย
  4. หากมีแผล ผื่นแดงในจุดที่จะฉีดควรเลื่อนการฉีดออกไปและรักษาอาการดังกล่าวให้หายเสียก่อน

ขั้นตอนการฉีดโบท็อกซ์ Hugel

การฉีดโบท็อกซ์นั้นจะมีการเพียง 5 ขั้นตอนหลักๆ ซึ่งจะใช้ระยะเวลาประมาณ 30-60 นาทีขึ้นอยู่กับปัญหาของคนไข้

  • ขั้นตอนที่ 1 : เข้าปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อคำนวณปริมาณโบท็อกซ์ให้เหมาะสมกับปัญหา
  • ขั้นตอนที่ 2 : เช็ดทำความผิว เพื่อล้างเครื่องอางและสิ่งสกปรกที่เกาะอยู่ผิวชั้นนอกออกเพื่อป้องกันอาการอักเสบระคายเคือง
  • ขั้นตอนที่ 3 : ทายาชาและทิ้งไว้จนยาชาออกฤทธิ์
  • ขั้นตอนที่ 4 : แพทย์เริ่มทำการฉีดโบท็อกซ์ในแต่ละจุดจนครบ
  • ขั้นตอนที่ 5 : เช็ดทำความสะอาดผิวและทายาแก้อักเสบ พร้อมฟังคำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังฉีด

การดูแลหลังฉีดโบท็อกซ์ Hugel

หากจะให้พูดถึงขั้นตอนและหลักการปฏิบัติตัวหลังฉีดนั้นก็ไม่ได้มีอะไรที่ยุ่งยากซับซ้อนมากมาย แต่จะเพียงการดูแลเพื่อส่งให้ได้ผลลัพธ์หลังฉีดออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจ

  • หลังฉีดโบท็อกซ์ไป 4 ชั่วโมงแรกควรงดนอนราบเพื่อป้องกันการเคลื่อนและไหลตัวของตัวยา
  • หลังฉีดโบท็อกซ์ควรงดการนวดหน้าหรือนวดกดจุดเพื่อไม่ให้ตัวยาเคลื่อนหรือไปกระตุ้นการอักเสบของผิวได้
  • หลังจากฉีดโบท็อกซ์ควรงดแต่งหน้าอย่างน้อย 4 ชั่วโมงเพื่อไม่ให้เครื่องสำอางและสิ่งสกปรกเข้าไปอุดตันในรอบเข็มจนเกิดเป็นสิว
  • งดทำหัตถการที่ต้องใช้ความร้อน เช่น เลเซอร์ ทรีตเม้นต์ รวมไปถึงเครื่องยกกระชับใบหน้า
  • งดทำกิจกรรมที่อยู่ในที่ร้อนๆ เช่น ซาวน่า หรือการออกกำลังกายกลางแจ้ง
  • หลังฉีดโบท็อกซ์แนะนำให้หมั่นประคบเย็นเพื่อให้อาการบวมลดลงได้ไวขึ้น
  • หลังฉีดโบท็อกซ์ไม่ควรสวมหมวก หรือใส่อุปกรณ์ที่จะมารัดผิวในจุดที่ฉีด

ผลค้างเคียงหลังฉีดโบท็อกซ์ Hugel มีอะไรบ้าง

ผลค้างเคียงหลังฉีดโบท็อกซ์ Hugel มีอะไรบ้าง

ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าการฉีดโบท็อกซ์เองก็ย่อมมีผลข้างเคียงที่สามารถเกิดขึ้นได้หลังจากฉีด แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นอาการที่ไม่ได้มีความรุนแรงมากนักและอาการดังกล่าวจะหายไปเอง เช่น

  • อาการบวมแดง มีรอยช้ำ ในจุดที่ฉีด : ถือเป็นอาการปกติที่จะหายไปเองและสามารถใช้การประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการดังกล่าวได้
  • ใบหน้าตึง ขยับหรือแสดงความรู้สึกไม่ได้ : เกิดขึ้นได้ 2 สาเหตุหลักๆ คือการฉีดโบท็อกซ์ในปริมาณที่มากเกินไปหรือแพทย์ไม่มีความชำนาญมากพอ

ฉีดโบท็อกซ์ Hugel ต่อยูนิต ราคาเท่าไหร่

ราคาและค่าลริการในการฉีดโบท็อกซ์ Hugel นั้นจะมีราคาที่แตกต่างกันออกไปแล้วแต่คลินิก แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะขายแบบเป็นขวดแบบ 50 ยูนิตหรือ 100 ยูนิต ซึ่งจะมีราคาเริ่มต้นที่ 3,000 บาทขึ้นไป

เลือกฉีดโบท็อกซ์ Hugel ที่ไหนดี

แน่นอนว่าการจะฉีดโบท็อกซ์ให้ออกมาได้ผลลัพธ์ที่ดีนั้นจะต้องเริ่มมาจากการเลือกคลินิกและสถานพยาบาลที่ดีเสียก่อน เช่น

  • คลินิกหรือสถานพยาบาลจะต้องเปิดให้บริการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีใบอนุญาตการเปิดคลินิกที่ออกโดยแพทย์สภา
  • คลินิกจะต้องมีการให้คำแนะนำและการให้บริการทั้งก่อนและหลังฉีดอย่างดี มีช่องทางติดต่อที่สะดวกกรณีเกิดปัญหาหลังฉีด
  • คลินิกจะต้องมีการใช้โบท็อกซ์ของแท้ที่นำเข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
  • คลินิกจะต้องใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ทำการฉีดให้คนไข้ และจะต้องเป็นแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพที่ออกโดยแพทย์สภา
  • จะต้องฉีดโบท็อกซ์ในคลินิกเท่านั้น ห้ามฉีดกับหมอกระเป๋านอกสถานพยาบาลอย่างเด็ดขาด เนื่องจากผิวกฎหมายและเป็นโบท็อกซ์ของปลอม

สรุป โบท็อกซ์ Hugel ดีไหม?

โบท็อกซ์ Hugel ถือเป็นอีกหนึ่งยี่ห้อโบท็อกซ์จากประเทศเกาหลีที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากตัวยามีความบริสุทธิ์สูง สามารถเห็นผลได้ไว และช่วยแก้ปัญหาผิวได้อย่างหลากหลายอย่าง การลบริ้วรอย ร่องลึก การแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อง ปรับรูปหน้าให้เรียววีเชฟได้ได้ดี ฉีดแล้วให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติไม่ต่างกับโบท็อกซ์ฝั่งอเมริกา แต่มีราคาที่สามารถจับต้องได้และถูกกว่าฝั่งอเมริกามากๆ แต่ว่าจะเห็นผลได้สั้นกว่าประมาณ 3-6 เดือน

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง