ฟิลเลอร์สะโพก คืออะไร ช่วยเรื่องอะไรบ้าง เหมาะกับใครบ้าง

การฉีดฟิลเลอร์สะโพก จัดเป็นอีกหนึ่งวิธีการตัวช่วยในการปรับรูปส่วนสะโพกให้ได้สัดส่วนตามความต้องการของคนไข้มากขึ้น ซึ่งจัดเป็นหัตถการประเภทหนึ่งที่เป็นที่นิยมในหมู่สาว ๆ เป็นอย่างมาก เพราะจะเป็นตัวช่วยในการปรับทรงสะโพกให้ได้สัดส่วน ทำสะโพกให้ผายเข้ารูปมากยิ่งขึ้น ดังนั้นในบทความนี้เราเลยจะมาให้ความรู้เกี่ยวกับหัตถการฉีดฟิลเลอร์สะโพกกันว่าคืออะไร อันตรายหรือไม่ และเหมาะกับใครบ้าง
ฟิลเลอร์สะโพก คืออะไร
ฟิลเลอร์สะโพก (Hip Filler) คือการปรับรูปสัดส่วนของสะโพกด้วยการฉีดการเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิค เอซิด (Hyaluronic Acid, HA) หรือที่เราเรียกกันว่า ฟิลเลอร์ (Filler) ที่มาในรูปแบบของเนื้อเจลโดยเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ มีค่าความบริสุทธิ์ที่สูงใกล้เคียงกับสาร HA ในร่างกายของมนุษย์ เพื่อให้ตัวสารฟิลเลอร์เข้าไปทำหน้าที่แทนคอลลาเจน อีลาสติน หรือเนื้อเยื่อในชั้นผิว ทำให้ผิวมีความเติมเต็มและได้รูปทรงที่มากขึ้น

ซึ่งสำหรับหัตถการฉีดฟิลเลอร์สะโพกนั้นจะเป็นการฉีดในตำแหน่ง Hip-dip (ฮิพดิบ) หรือตำแหน่งส่วนที่มีอาการบุ๋มด้านข้างของสะโพก ที่จะทำให้เวลาใส่ชุดรัดรูปแล้วดูเหมือนสะโพกไม่เต็ม หรือทำให้ดูไม่สวยตามที่ต้องการนั่นเอง
Info ตำแหน่ง Hip-dip (ฮิพดิบ)
จุดเด่นของการฉีดฟิลเลอร์สะโพกคืออะไร
- ช่วยเติมเต็มส่วนสะโพกให้เต็มและได้รูปมากยิ่งขึ้น
- ช่วยปรับสัดส่วนของสะโพก ทำให้สะโพกดูผาย ดูมีมิติที่มากขึ้น
- สามารถปรับทรงสะโพกได้ตามความต้องการ
- สามารถเห็นผลลัพธ์หลังทำได้อย่างทันที เห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
- ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ
- เนื้อฟิลเลอร์สามารถปั้นทรงได้ตามความต้องการและเนื้อมีความคงที่ ทนแรงกดทับได้ดี
- ตัวสารฟิลเลอร์มีความบริสุทธิ์ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
- ตัวฟิลเลอร์จะสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ
- มีความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียงที่น้อยหรือบางรายแทบไม่มีผลข้างเคียงเลย
การฉีดฟิลเลอร์สะโพกช่วยเติมมิติให้สะโพกได้จริงหรือไม่
หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่าการฉีดฟิลเลอร์นั้นจะช่วยปรับสัดส่วนของสะโพกให้สวยเข้ารูปได้จริงไหม คำตอบก็คือได้จริง เนื่องจากเนื้อฟิลเลอร์จะช่วยเข้าไปแก้ปัญหาสะโพกบุ๋มได้เป็นอย่างดีนั่นเอง
ซึ่งแน่นอนว่าเราก็ขออธิบายไปถึงลักษณะสาเหตุของปัญหาสะโพกบุ๋มเลยว่า เกิดขึ้นมาจากสาเหตุใดบ้าง

- เกิดจากส่วนกล้ามเนื้อ: สำหรับใครที่มีขนาดกล้ามเนื้อต้นขาและส่วนสะโพกที่ใหญ่และแข็งแรงก็จะส่งผลทำให้สามารถมองเห็นปัญหาสะโพกบุ๋มได้ง่ายและชัดเจนมากยิ่งขึ้น
- เกิดจากส่วนโครงสร้างกระดูก: ปัญหานี้มักเกิดมาจากการส่งต่อกันทางพันธุกรรม ซึ่งมักจะมาในรูปแบบของกระดูกส่วนเชิงกรานและกระดูกส่วนต้นขาที่ส่งผลทำให้เกิดเป็นรอยบุ๋มขึ้นที่ส่วนสะโพก
- เกิดจากของเซลล์ไขมัน: มักพบในคนที่มีไขมันส่วนสะโพกที่น้อยทำให้ก้นดูแฟบ ก้นแบนและทำให้เห็นรอยบุ๋มและโครงสร้างของกระดูกส่วนก้นได้อย่างชัดเจน
ฉีดฟิลเลอร์สะโพกเหมาะกับใครบ้าง
- คนที่มีสะโพกไม่ผาย มีเนื้อสะโพกที่น้อย
- คนที่ต้องการเสริมมิติให้สะโพกดูสวยมากยิ่งขึ้น
- คนที่ต้องการปั้นเสริมสะโพกเพื่อเพิ่มส่วนเว้า ส่วนโค้งให้ร่างกาย
- คนที่มีปัญหาก้นแบน ก้นไม่ได้ทรง
- คนที่มีปัญหาก้นหย่อนคล้อย ผิวก้นไม่เรียบเนียน
- ผู้ที่ต้องการทำหัตถการที่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างทันทีและไม่มีเวลาพักฟื้นร่างกายหลังทำ
ฉีดฟิลเลอร์สะโพกอันตรายไหม
ปัจจุบันตัวฟิลเลอร์ที่ใช้นำมาฉีดสะโพกนั้นเป็นฟิลเลอร์ที่มีความบริสุทธิ์ที่สูงมาก และเป็นชนิดที่สามารถสลายเองได้ในร่างกายโดยไม่ทิ้งสารตกค้าง จึงทำให้ไม่เป็นอันตรายใด ๆ ต่อร่างกาย แต่ทั้งนี้ก่อนฉีดก็ควรเลือกฉีดด้วยฟิลเลอร์ของแท้ที่ผ่านมาตรฐานอย. และฉีดโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ มีความรู้เรื่องสรีระร่างกายมนุษย์เป็นอย่างดี
แนะนำทรงสะโพกที่หลายคนนิยม

ในปัจจุบันส่วนสะโพกถือเป็นอีกส่วนที่สามารถแยกออกได้เป็นหลายทรง ขึ้นอยู่ลักษณะความชอบของคนไข้แต่ละคน โดยหลัก ๆ จะมีทั้งหมด 3 ทรงยอดฮิต ดังนี้
- สะโพกแบบทรงกลม : ทรงนี้จะเป็นการปั้นส่วนสะโพกให้กลมมน ให้สะโพกมีความเต็ม ให้ลุคที่ดูเซ็กซี่ และยังช่วยแก้ปัญหาก้นหย่อนคล้อยได้ดีอีกด้วย ทรงเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับสาว ๆ สายฝอหรือสาว ๆ ฝั่งตะวันตก
- สะโพกแบบทรงหัวใจ : ทรงนี้จะเป็นการปั้นทรงสะโพกให้เป็นรูปหัวใจแบบกลับหัว ทำให้ส่วนสะโพกดูเข้ารูปได้สัดส่วนแต่ก็ยังมีความเซ็กซี่เล็กน้อย ซึ่งเป็นทรงที่สาว ๆ ฝั่งเอเชียค่อนข้างนิยมเพราะจะทำให้สัดส่วนดูได้รูปที่หวานและไม่เซ็กซี่มากจนเกินไป
- สะโพกแบบทรงวี : หรือที่บางคนเรียกว่าทรงสามเหลี่ยม ก็คือจะทำให้สัดส่วนของช่วงเอวถึงสะโพกเป็นทรงสามเหลี่ยม ซึ่งจุดเด่นของทรงนี้คือจะช่วยทำให้สัดส่วนของช่วงขามีความเรียวยาวมากยิ่งขึ้น เป็นอีกทรงยอดนิยมของสาว ๆ ฝั่งเอเชีย
แนะนำยี่ห้อฟิลเลอร์สำหรับฉีดสะโพก
ต่อมาเรามาดูกันบ้างว่าการฉีดฟิลเลอร์สะโพกนั้นจะใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหน ซึ่งในปัจจุบันตอนนี้ในไทยเราจะมียี่ห้อยอดนิยมเพียงแค่ 1 ยี่ห้อเท่านั้นก็คือ “Variofill”

ฟิลเลอร์ Variofill เป็นฟิลเลอร์จากประเทศเยอรมนี ที่ผลิตขึ้นโดยบริษัท ADODERM Gmbh มีจุดเด่นคือมีค่าความบริสุทธิ์สูงถึง 100% และมีการใช้เทคโนโลยีในการผลิตเนื้อฟิลเลอร์อย่าง Monophasic Particle Technology (MPT) ส่งผลทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่น คงทน ปั้นทรงได้ง่ายและสามารถคงรูปได้ดี ด้วยเนื้อที่จะมีลักษณะที่แข็งเหมาะกับการใช้ฉีดส่วนสะโพกเท่านั้น (ไม่เหมาะกับการฉีดหน้า) และผลิตภัณฑ์จะมาในรูปแบบ 1 ไซริงค์มีฟิลเลอร์ 10 ซีซี
ข้อดี – ข้อเสีย ฉีดฟิลเลอร์สะโพก
ข้อดี :
- สามารถเห็นผลได้ทันที
- หลังทำไม่ต้องพักฟื้น
- เห็นผลได้ยาวนานหลายเดือน
- ได้ผลลัพธ์หลังทำที่ดูเป็นธรรมชาติ
- สามารถฉีดเพื่อปั้นทรงได้ตามความต้องการและสามารถแก้ไขทรงได้ง่าย
- ไม่ค่อยมีผลข้างเคียงที่อันตราย (หากใช้ฟิลเลอร์ของแท้)
ข้อเสีย :
- ไม่สามารถเห็นผลได้อย่างถาวร
- มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง และต้องฉีดเติมบ่อย ๆ
- หลังทำอาจมีอาการบวม รอยช้ำเกิดขึ้นได้
- ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการเสริมส่วนสะโพกหรือมีผิวหย่อนคล้อยมาก ๆ เนื่องจากจะเหมาะกับการผ่าตัดเสริมซิลิโคนมากกว่า
ต้องใช้ฟิลเลอร์ทั้งหมดกี่ซีซี
ในส่วนของจำนวนปริมาณฟิลเลอร์ที่ต้องใช้ในการฉีดสะโพกแต่ละครั้งนั้นจะขึ้นอยู่กับปัญหาเดิมของคนไข้รวมไปถึงผลลัพธ์ความต้องการของคนไข้หลังทำ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะใช้ปริมาณฟิลเลอร์อยู่ที่ประมาณ 10-30 ซีซีต่อสะโพก 1 ข้าง หรือในบางรายอาจมากหรือน้อยมากกว่านั้น
ดังนั้นก่อนตัดสินใจจึงควรเข้าปรึกษาแพทย์เพื่อทำการประเมินปัญหารวมไปถึงให้แพทย์ช่วยคำนวณปริมาณฟิลเลอร์และค่าใช้จ่ายทั้งที่ต้องใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนทำ
การเห็นผลหลังฉีดฟิลเลอร์สะโพก
อย่างที่หลาย ๆ คนต่างทราบกันดีอยู่แล้วว่าการฉีดฟิลเลอร์ถือเป็นหัตถการที่สามารถเห็นผลลัพธ์หลังทำได้อย่างทันที แต่หลังทำในบางรายอาจมีอาการบวมเกิดขึ้นทำให้จะเห็นผลลัพธ์แบบเต็มรูปแบบเมื่ออาการบวมยุบตัวลงและเนื้อฟิลเลอร์เข้าที่แบบ 100% โดยจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์หลังฉีดนั่นเอง
และหากฉีดโดยฟิลเลอร์ Variofill จะทำให้สามารถเห็นผลลัพธ์หลังทำได้อย่างยาวนานถึง 24 เดือน ซึ่งทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองและพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนไข้หลังทำร่วมด้วย
ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์สะโพก
อ่านมาถึงตรงนี้เชื่อว่าสาว ๆ หลายคนก็คงอยากที่จะฉีดฟิลเลอร์สะโพกกันอย่างแน่นอน แต่ทั้งนี้ก่อนตัดสินใจทำก็ควรจะทราบถึงข้อควรรู้เกี่ยวกับหัตถการฉีดฟิลเลอร์สะโพกกันก่อน ดังนี้
เทคนิคในการฉีด

สำหรับการฉีดฟิลเลอร์สะโพกนั้นจะเป็นการใช้เข็มฉีดแบบปลายทู่ที่จะช่วยลดโอกาสที่จะทำให้ฟิลเลอร์เป็นก้อนและยังช่วยทำให้ผลลัพธ์หลังฉีดผิวสะโพกมีความเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนั้นจะมีการใช้วิธีการฉีดแบบ Vector Lifting เข้ามาผสมผสานทำให้ช่วยปรับสะโพกให้มีความกระชับ แก้ปัญหาก้นหย่อนคล้อยได้ดีอีกด้วย
ตำแหน่งในการฉีด

ในการฉีดฟิลเลอร์สะโพกนั้นจะเป็นการฉีดเติมสารฟิลเลอร์เข้าไปในผิวชั้นไขมัน ซึ่งจะเป็นชั้นที่ไม่ได้มีเส้นเลือดและเส้นประสาทที่จะทำให้เกิดความอันตรายเกิดขึ้น จึงทำให้มีความปลอดภัยอย่างมากนั่นเอง
ผลข้างเคียงหลังทำมีอะไรบ้าง

ในส่วนของผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นนั้นจะสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบหลัก ๆ นั้นก็คือ
- ผลข้างเคียงแบบปกติทั่วไป โดยมักจะมีในรูปแบบของอาการบวม อาการช้ำ มีรอยเข็ม หรือในบางรายอาจมีอาการปวดตึงผิวเกิดขึ้นหลังทำ ซึ่งถือว่าเป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นแบบปกติทั่ว ๆ ไปและอาการดังกล่าวจะค่อย ๆ หายไปเองภายใน 5-7 วัน
- ผลข้างเคียงแบบไม่ปกติ หรือผลข้างเคียงที่อาจก่อให้เกิดความอันตรายได้ เช่น อาการฟิลเลอร์ไหลเป็นก้อนทำให้สะโพกเกิดการผิดรูป เกิดการอักเสบติดเชื้อ มีอาการบวมที่มากกว่าปกติ หรืออาจเกิดน้ำหนองขึ้นได้ ซึ่งอาการในลักษณะนี้มักจะเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ใช่ฟิลเลอร์ของแท้ที่ผ่านการตรวจสอบจากอย. หรือฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์, หมอกระเป๋า, หมอเถื่อนเป็นต้น
ตอนทำเจ็บไหม
โดยก่อนการฉีดฟิลเลอร์สะโพกแพทย์จะมีการฉีดยาชาก่อนทำทุกครั้ง เพื่อช่วยลดความรู้สึกเจ็บปวดในระหว่างทำ แต่ทั้งนี้ในระหว่างทำการฉีดฟิลเลอร์สะโพกนั้นคนไข้อาจจะรู้สึกถึงความไม่ตัวได้ถือเป็นเรื่องปกติ
ก้นหย่อนคล้อยสามารถแก้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์สะโพกได้ไหม
ในกรณีที่คนไข้มีปัญหาก้นหย่อนคล้อยนั้นสามารถฉีดฟิลเลอร์สะโพกได้ในกรณีที่สาเหตุของการหย่อนคล้อยมาจากผิวที่ขาดความกระชับ หรือการลดน้ำหนัก แต่หากเป็นการหย่อนคล้อยที่เกิดขึ้นจากการเสียความยืดหยุ่นของผิวในลักษณะนี้การฉีดฟิลเลอร์สะโพกอาจไม่ตอบโจทย์มากนัก ดังนั้นหากต้องการฉีดฟิลเลอร์สะโพกเพื่อแก้ปัญหาก้นหย่อนคล้อยแนะนำให้เข้าปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินปัญหาก่อนว่าสามารถทำได้หรือไม่
ฉีดฟิลเลอร์สะโพก VS ผ่าตัดเสริมสะโพก VS ฉีดไขมันสะโพก
ฉีดฟิลเลอร์สะโพก
- การฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิค เอซิด เพื่อเข้าไปช่วยเติมส่วนสะโพกที่มีการรอยบุ๋มให้เต็มขึ้น โดยจะใช้เทคนิคการฉีดเพื่อปั้นรูปทรงตามที่คนไข้ต้องการ
- สามารถเห็นผลได้ทันที หลังทำไม่ต้องพักฟื้น
- อยู่ได้นานประมาณ 12-24 เดือน
- หากทำแล้วไม่พึงพอใจสามารถฉีดเพิ่มหรือฉีดสลายได้
ผ่าตัดเสริมสะโพก
- การผ่าตัดเสริมซิลิโคนเกรดทางการแพทย์เข้าไปทำให้ส่วนสะโพกได้รูปทรงมากยิ่งขึ้นโดยจะต้องผ่าตัดด้วยวิธีการวางยาสลบและต้องทำโดยศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ
- สามารถเห็นผลได้แต่ต้องมีการพักฟื้นหลังทำอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์
- เห็นผลได้แบบถาวร
- หากไม่พึงพอใจจะต้องผ่าตัดใหม่อีกครั้งเพื่อเอาซิลิโคนออกหรือเปลี่ยนซิลิโคนใหม่
ฉีดไขมันสะโพก
- การฉีดไขมันของคนไข้ที่ผ่านกระบวนการดูดเอาเซลล์ไขมันออกมาและไปปั่นเพื่อคัดแยกไขมันดี แล้วนำมาฉีดเติมส่วนสะโพกให้มีความเต็มและได้รูปทรงมากยิ่งขึ้น
- สามารถเห็นผลได้อย่างทันทีและไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ แต่อาจต้องมีการระมัดระวังตัวเองในช่วงแรกหลังทำ
- เห็นผลได้เกือบถาวร นอกจากจะมีการลดน้ำหนักแล้วทำให้เซลล์ไขมันที่ฉีดเติมไปหาย
- หากทำแล้วไม่พึงพอใจจะต้องแก้ไขด้วยการดูดเอาไขมันออก
ราคาค่าฉีดฟิลเลอร์สะโพก
เรื่องราคาค่าใช้จ่ายในการฉีดฟิลเลอร์สะโพกในแต่ละครั้งนั้นหากมีการใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Variofill จะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 30,000-40,000 บาทต่อ 10 ซีซี ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับราคาโปรโมชั่นการตลาดของแต่ละคลินิกร่วมด้วย เนื่องจากแต่ละคลินิกจะมีต้นทุนที่ไม่เท่ากันจึงทำให้มีราคาที่แตกต่างกันออกไปนั่นเอง แต่ก็ไม่ควรเลือกฉีดกับคลินิกที่มีราคาที่ถูกมากจนผิดปกติ เพราะอาจทำให้เจอฟิลเลอร์ปลอมหรือหมอเถื่อนจนอาจนำไปสู่อันตรายได้
สรุป
การฉีดฟิลเลอร์สะโพกจัดเป็นหัตถการตัวช่วยในการปรับสัดส่วนของสะโพกให้เข้ารูปและมีความเติมเต็มมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปยังตำแหน่ง Hip-dip หรือส่วนข้างของสะโพกที่มักจะเป็นรอยบุ๋มเข้าไปทำให้สะโพกเต็ม ได้สัดส่วนและช่วยแก้ปัญหาก้นแฟบ ก้นหย่อนคล้อยได้ในระดับหนึ่ง ทำให้ปัจจุบันเทรนด์การฉีดฟิลเลอร์กลายเป็นอีกหนึ่งกระแสที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะจะช่วยปรับรูปทรงสะโพกได้ตามความต้องการของคนไข้ สามารถเห็นผลได้ทันทีหลังทำและเห็นผลได้ยาวนานถึง 24 เดือน โดยยี่ห้อฟิลเลอร์ที่กำลังเป็นที่นิยมสำหรับการฉีดสะโพกในตอนนี้ก็คือฟิลเลอร์ Variofill นั่นเอง
สำหรับลูกค้าท่านใดที่สนใจอยากรับบริการฉีดฟิลเลอร์สะโพกหรือต้องการปรึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการทำหัตถการด้านอื่น ๆ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่กังนัมคลินิกทุกสาขาหรือทาง Line : @gangnamclinic