Ulthera VS Thermage ต่างกันอย่างไร? เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย ตัวไหนเหมาะกับใคร?

Ulthera VS Thermage

Ulthera กับ Thermage เทคโนโลยีช่วยยกกระชับผิวที่ดูเหมือนแต่มีความต่าง คนที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ต้องการฟื้นสภาพผิวให้เต่งตึง เรียบเนียน ควรเลือกวิธีที่เหมาะสม บทความนี้จะมาเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่าง ทั้งหลักการทำงานของเครื่อง Ulthera vs Thermage รวมทั้งข้อดี ผลลัพธ์ และราคาในการทำ เพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจได้อย่างเหมาะสม

ทำไมถึงควรยกกระชับผิวด้วย Ulthera และ Thermage

Ulthera-กับ-Thermage-ช่วยอะไรบ้าง

สภาพผิวของแต่ละคนมีความแตกต่างการและเกิดการเปลี่ยนสภาพและปัญหาผิวต่างๆ ที่ไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะเมื่อผ่านช่วงอายุเลข 2 ปลายๆ หรือเลข 3 ขึ้นไป ผิวหน้าจะเริ่มแสดงอาการผิดปกติ ความหย่อนคล้อย หรือผิวขาดความยืดหยุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ การดูแลตัวเองที่ดีสามารถช่วยชะลอให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้ในระดับหนึ่ง แต่หากต้องการคงสภาพได้แบบมีประสิทธิภาพ หรือลดปัญหาผิวที่เกิดขึ้นแล้ว เลือกรักษาด้วยวิธีการยกกระชับผิวไม่ว่าจะ Ulther หรือ Thermage ก็มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ผิวกระชับ เต่งตึง อ่อนเยาว์ได้

สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาผิว

สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาผิว

อายุที่เพิ่มขึ้นและมลภาวะที่ต้องเจอในแต่ละวันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาผิวต่างๆ เกิดขึ้นและสะสมตามกาลเวลา ปัจจัยหลักๆ ที่ส่งผลกระทบมีดังนี้

1. โครงสร้างผิวเสียความยืดหยุ่น

เป็นสาเหตุที่เกิดจากอายุเพิ่มขึ้น อิลาสตินและคอลลาเจนที่เป็นเส้นใยในชั้นผิวหย่อนตัวลง ผิวจึงดูหย่อนคล้อย ขาดความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอย เมื่อเจอมลภาวะต่างๆ ก็กลายเป็นปัญหาผิวได้ง่าย

2. โดนแสง UV มากเกินไป

UV เป็นปัจจัยอันดับต้นๆ ที่กระทบกับสภาพผิว เพราะมีสารที่ทำลายความแข็งแรงของผิวได้ ทั้งความกระชับเต่งตึง รูขุมขน รวมไปถึงความหมองคล้ำอีกด้วย

3. การพักผ่อน

โดยทั่วไปแล้วร่างกายต้องการการพักผ่อนหรือนอนหลับในแต่ละคืนไม่ต่ำกว่า 6 – 8 ชั่วโมง เพื่อฟื้นฟูเซลล์ผิวเสีย แต่ในบางคนที่มีวิถีชีวิตเร่งรีบ ต้องนอนดึกหรือนอนน้อยเป็นประจำก็มีโอกาสที่ทำให้เกิดปัญหาผิวได้มากขึ้น เพราะไม่มีช่วงเวลาให้ร่างกายได้ซ่อมแซมฟื้นฟู

4. การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์

บุหรี่และแอลกอฮอล์เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ผิวเสียความชุ่มชื้นและหย่อนคล้อยได้ง่าย เพราะมีสารที่ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ ผิวจึงสูญเสียการปกป้อง ปัญหาริ้วรอย ผิวไม่สดใส เกิดขึ้นได้ง่าย

5. ความเครียด

ในตอนที่อยู่ในภาวะเครียดร่างกายจะผลิตฮอร์โมนที่ทำให้เซลล์ผิวทำงานเปลี่ยนไป ผิวจะอ่อนแอลง และเกิดปัญหาความหมองคล้ำ ริ้วรอยตามมาได้

6. การออกกำลังกายที่หักโหมมากเกินไป

การออกกำลังกายที่หนักจนเกินไปจะทำให้ผิวสูญเสียน้ำหล่อเลี้ยงและเนื้อเยื่อไปอย่างรวดเร็ว สร้างไขมันหรือโครงสร้างผิวที่แข็งแรงขึ้นมาใหม่ไม่ทัน ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น ดูโทรม เกิดลักษระของความเหี่ยวย่นได้ง่าย

ลักษณะปัญหาผิวที่สามารรักษาได้ด้วยการยกกระชับ

ลักษณะปัญหาผิวที่สามารรักษาได้ด้วยการยกกระชับ

แม้ว่าปัญหาผิวต่างๆ จะเกิดขึ้นได้ง่าย ยากที่จะป้องกัน แต่ก็มีเทคโนโลยีทันสมัยอย่าง Ulthera และ Thermage ที่ช่วยให้เห็นผลลัพธ์การกระชับ ฟื้นฟูผิวให้อ่อนเยาว์ขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งวิธียกกระชับทั้ง 2 แบบนี้ช่วยแก้ปัญหาผิวได้ดังนี้

  • แก้ปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย
  • ลดริ้วรอย ตีนกา หรือร่องริ้วบนใบหน้า
  • แก้หนังตาตก หน้าผากย่น แก้มห้อย
  • ยกกระชับกรอบหน้าให้เต่งตึงขึ้น
  • เพิ่มความเต่งตึงให้กับผิวดูสดใส อ่อนเยาว์

ใครที่ควรเริ่มรักษาผิวหน้าด้วยวิธีการยกกระชับ

ปัญหาผิวสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนเนื่องจากปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น เมื่อถึงช่วงวัยหนึ่งจึงควรเริ่มมองหาวิธีการยกกระชับที่มีประสิทธิภาพมาช่วยแก้ปัญหาและชะลอการเสื่อมสภาพ คนที่ควรเริ่มเลือกฟื้นฟูด้วยการยกกระชับเป็นคนที่มีลักษณะปัญหาและความต้องการดังนี้

  • คนที่มีผิวหย่อนคล้อยอย่างเห็นได้ชัด ต้องการวิธีรักษาที่เห็นผลชัดเจน รวดเร็ว แต่ดูเป็นธรรมชาติ
  • คนที่อยากให้ผิวดูเต่งตึง อ่อนเยาว์ขึ้น
  • คนที่มีอายุที่เพิ่มขึ้น ต้องการชะลอปัญหาผิวต่างๆ
  • คนที่มีกรอบหน้าไม่ชัด มีเหนียง หรือแก้มห้อย
  • คนที่มีริ้วรอย ตีนกา หรือร่องริ้วที่แสดงถึงความสูงวัย

หลักการทำงาน Ulthera กับ Thermage ?

หลักการทำงาน Ulthera กับ Thermage

สำหรับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ต้องการนวัตกรรมที่จะช่วยยกกระชับผิว มักนึกถึงการยกกระชับด้วย Ulthera และ Thermage มาเป็นอันดับต้นๆ แต่อาจยังไม่เข้าใจความต่างของ 2 เทคโนโลยีนี้ว่าจริงๆ แล้วมีหลักการทำงานที่ต่างกัน

หลักการทำงาน Ulthera

Ulthera เป็นนวัตกรรมยกกระชับผิวด้วยเครื่อง Ulthera ซึ่งใช้พลังงานคลื่นเสียงความถี่สูง (Focused Ultrasound) แบบเฉพาะเจาะจงยิงลงไปที่ชั้นผิว พลังงานที่ปล่อยจากเครื่องจะลงไปได้ลึกถึงผิวชั้น SMAS แล้วกระจายเป็นจุดพลังงานขนาดเท่าจุดไข่ปลา ที่มีความร้อนสูง 60 – 70 องศา เรียงตัวกันในลักษณะเส้นตรงอยู่ทั่วทุกชั้นผิว ทำให้ผิวเกิดการหดตัวแล้วกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ ช่วยฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ ยกกระชับได้ดี

หลักการทำงาน Thermage

Thermage เป็นเทคโนโลยีกระชับผิวที่ใช้หลักการทำงานของคลื่นวิทยุความถี่สูง (Radio Frequency) ซึ่งปล่อยพลังงานออกมาได้ลึกครอบคลุม 3 ชั้นผิว ชั้นหนังกำพร้า ชั้นหนังแท้ และชั้นใต้ผิวหนังที่มีการสะสมไขมัน Thermage จะปล่อยพลังงานความร้อนลงสู่ผิวเพื่อแยกโมเลกุลของน้ำกับเส้นใยคอลลาเจนออกจากกัน คอลลาเจนจึงหดตัวแล้วเกิดความกระชับในทันที และเกิดการย่อยสลายไขมันด้วย หลังทำ Thermage ผิวจะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ ทำให้ผลลัพธ์ความกระชับค่อยๆ ชัดขึ้นหลังทำ 2 – 3 เดือน

Ulthera กับ Thermage ช่วยยกกระชับเรื่องไหน?

Ulthera VS Thermage ต่างกันอย่างไร

ทั้ง Ulthera และ Thermage เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวทั้งคู่ ซึ่งสามารถช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยได้ดี แต่ช่วยให้เกิดผลลัพธ์ที่แตกต่างกันเล็กน้อยดังนี้

ยกกระชับผิวหน้าหย่อนคล้อยด้วย Ulthera

Ulthera เป็นพลังงานที่ลงลึกได้มากกว่า สามารถยกกระชับผิวได้ถึงชั้น SMAS จึงแก้ความหย่อนคล้อยของผิวหน้าได้โดยตรง เพราะเป็นชั้นผิวหนังเดียวกันกับที่ทำการผ่าตัดดึงหน้า เลือกทำ Ulthera จะเห็นผลลัพธ์ของการยกกระชับผิวหย่อนคล้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อ่านเพิ่มเติม : รู้ก่อนทำ Ulthera คืออะไร? ช่วยยกกระชับ แก้ปัญหาผิวแบบไหนได้บ้าง?

ยกกระชับปรับรูปหน้าด้วย Thermage

Thermage สามารถความหย่อนคล้อยของผิวได้เช่นเดียวกันกับ Ulthera แม้พลังงานของ Thermage ไม่ได้ลงลึกเท่า แต่จะเป็นเทคโนโลยีที่เหมาะกับคนที่มีชั้นไขมันสูง เพราะคลื่นวิทยุของ Thermage สามารถสลายไขมันได้ดี ให้ผลลัพธ์ในการช่วยยกกระชับพร้อมปรับรูปหน้าให้ดูเรียวเล็กลงได้

อ่านเพิ่มเติม : รู้ก่อนทำ Thermage คืออะไร? ช่วยกระชับผิวหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัดได้จริงไหม?

Ulthera กับ Thermage ยกกระชับตำแหน่งไหนได้บ้าง?

Ulthera กับ Thermage ยกกระชับตำแหน่งไหนได้บ้าง

นวัตกรรมยกกระชับ Ulthera และ Thermage สามารถทำได้ทั้งบริเวณใบหน้าและลำตัว ซึ่งแต่ละแบบจะช่วยฟื้นฟูปัญหาความหย่อนคล้อยในตำแหน่งต่างๆ ได้ดังต่อไปนี้

ตำแหน่งที่สามารถทำ Ulthera

  • หน้าผาก : แก้ปัญหารอยย่นที่หน้าผากให้ดูกระชับ ลดเลือนริ้วรอยได้ดี
  • แก้ม : ยกกระชับแก้มห้อย ให้ใบหน้าดูเต่งตึง อ่อนเยาว์ลง
  • หางตา: แก้ปัญหาดวงตาดูอ่อนล้า ลดตีนกาและถุงใต้ตาได้ดี
  • คิ้ว : ยกคิ้วและหนังตาขึ้น ลดความหย่อนคล้อยบริเวณท้องคิ้ว ช่วยแก้หนังตาตก
  • ใต้คาง : กระชับผิวใต้คางที่หย่อนคล้อยให้ดูกระชับ กรอบหน้าชัดขึ้น
  • คอ : ฟื้นฟูความเหี่ยวย่นบริเวณลำคอได้ เพิ่มความเรียบเนียน
  • หน้าอก : ยกกระชับผิวบริเวณเนินอกให้เต่งตึงขึ้น
  • หน้าท้อง : ฟื้นฟูผิวหน้าท้องที่เกิดความหย่อนคล้อยหลังคลอดบุตรได้

ตำแหน่งที่สามารถทำ Thermage

  • แก้ม : ลดไขมันส่วนเกินที่แก้มให้กระชับขึ้น ช่วยลดรูขุมขน
  • รอบดวงตา : ช่วยลดริ้วรอยรอบดวงตา แก้ปัญหาตาตกได้
  • คิ้ว : กระชับหนังตาที่หย่อนคล้อย ช่วยยกคิ้วขึ้นได้ แก้ปัญหาคิ้วตก ตาไม่เท่ากัน
  • ใต้คาง : ลดเหนียงใต้คาง ปรับให้ผิวเกิดความกระชับ กรอบหน้าชัดขึ้น
  • ลำคอ : กระชับความหย่อนคล้อยบริเวณคอ ให้ผิวดูเต่งตึงขึ้น
  • ต้นแขน ต้นขา : รักษาเซลลูไลท์บริเวณต้นแขน ต้นขา ช่วยกระชับผิวได้ดี
  • มือ : ลดความเหี่ยวย่นบริเวณหลังมือ ให้กลับมาดูอ่อนเยาว์
  • หน้าท้อง : แก้ท้องลาย เซลลูไลท์ ช่วยกระชับหน้าท้องได้ดี
  • สะโพก : แก้ปัญหาผิวเปลือกส้ม กระชับสัดส่วนให้เป๊ะขึ้น

Ulthera กับ Thermage อันไหนเจ็บกว่ากัน

หากเปรียบเทียบการยกกระชับผิว 2 ชนิดนี้ ต้องบอกว่า Ulthera จะค่อนข้างเจ็บกว่า เนื่องจากเป็นการส่งพลังงานลงไปลึก มีการใช้ความร้อนสูง จึงต้องแปะยาชาก่อนทำ สำหรับบางคนที่ทนไม่ไหว คลินิกสามารถปรับลดพลังงานลงได้ แต่จะกระทบกับผลลัพธ์ทำให้คงสภาพหลังทำได้สั้นลง

ในขณะที่ Thermage เองจะเจ็บในระดับที่ต่างกัน มีปล่อยพลังงานความร้อนที่ต่ำกว่า ประมาณ 45 – 47 องศา ยังถือว่าค่อนข้างเจ็บแต่สามามารถทนได้ หากเป็นคนที่ทนต่อความเจ็บได้มาก จะยิ่งเห็นผลลัพธ์ที่ดี

Ulthera กับ Thermage ระยะเวลาในการเห็นผลต่างกันไหม?

โดยปกติแล้วหลังทำ Ulthera และ Thermage จะเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ทันทีแล้วค่อยๆ เกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้น หลังทำ Ulthera ผิวหนังที่หย่อนคล้อยสามารถลดลงได้ถึง 30% จากนั้นประมาณ 3 เดือน ผลลัพธ์จะยิ่งชัดเจนขึ้น ส่วน Thermage สามารถเห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงหลังทำได้ประมาณ 20% และความกระชับของผิวจะเกิดขึ้นชัดเจนเต็มที่ 2 – 3 เดือนหลังจากที่ทำการรักษา

Ulthera กับ Thermage หลังทำอยู่ได้นานแค่ไหน?

หลังทำ Ulthera จะช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยได้ โดยคงสภาพนานประมาณ 1 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลและสภาพผิวของแต่ละคน ส่วน Thermage จะเห็นผลลัพธ์ความกระชับของผิวได้ประมาณ 1 – 2 ปี

Ulthera กับ Thermage ควรเลือกทำกี่ไลน์กี่ชอตถึงจะเห็นผล

ในการทำ Ulthera นั้นส่วนใหย่แล้วแพทย์จะแนะนำให้เริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 300 ไลน์ ส่วน Thermage อยู่ที่ประมาณ 450 ชอตก็เพียงพอแล้ว แต่หากคนไข้มีปัญหาริ้วรอยหรือไขมันที่เยอะมากๆ แพทย์ก็จะแนะนำให้เพิ่มจำนวนชอตหรือไลน์เข้าไปเพื่อให้เห็นประสิทธิภาพที่มากขึ้น

ข้อดีของการยกกระชับผิวด้วย Ulthera และ Thermage

ข้อดีของการยกกระชับผิวด้วย Ulthera และ Thermage

การยกกระชับผิวเป็นวิธีการชะลอวัยและปรับสภาพผิวที่เห็นผลอย่างมีประสิทธิภาพ ข้อดีที่ทำให้การยกกระชับด้วย Ulthera และ Thermage เป็นที่นิยม มีดังนี้

  • คงผลลัพธ์ได้นาน คุ้มค่าในการทำ
  • มีความปลอดภัยสูง เป็นเทคโนโลยีทันสมัยที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรง
  • เลือกทำได้หลายตำแหน่ง ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างครอบคลุม ให้ภาพรวมของผิวดูอ่อนเยาว์
  • ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ เพราะเป็นการฟื้นฟูผิวในระดับโครงสร้างผิว

ราคาและค่าใช้จ่าย Ulthera กับ Thermage ต่างกันมากไหม

ค่าใช้จ่ายการยกกระชับจะต่างกันตามตำแหน่งที่ทำ หากทำในบริเวณที่มีพื้นที่เยอะจะใช้จำนวน line หรือ shot ที่มากกว่า ราคาจึงสูงตาม โดยราคาการทำ Ulthera เริ่มต้นประมาณ 19,999 บาท สำหรับจุดเล็กๆ ที่ใช้ 200 line ไปจนถึง 99,999 บาท สำหรับยกกระชับผิวที่มีพื้นที่กว้าง ในปริมาณ 1,000 line

ส่วนราคาการทำ Thermage จะเริ่มต้นที่ประมาณ 29,999 บาท สำหรับการยกกระชับผิวรอบดวงตา หรือบริเวณแก้ม และใต้คาง, 60,000 บาท สำหรับการทำทั่วใบหน้า และ 90,000 บาท ในการทำบริเวณลำตัว

สรุปตารางเปรียบเทียบ Ulthera กับ Thermage

UltheraThermage
เทคโนโลยีUltrasoundRF
ความลึก1.5, 3, 4.5mm3mm
ระดับผิวหนังชั้น SMASชั้นหนังแท้และไขมัน
เหมาะกับใครคนที่ผิวหย่อนคล้อยคนที่ผิวไม่กระชับ มีไขมัน
ผลลัพธ์ยกกระชับผิวให้เต่งตึงผิวแน่น กรอบหน้าชัดขึ้น
ระยะเวลาเห็นผล30% หลังทำครั้งแรก20% หลังทำครั้งแรก
จำนวนครั้ง1 – 2 ครั้ง/ปี1 – 2 ครั้ง/ปี
ราคา (เริ่มต้น)19,999.-/200 line29,999.-/450 shot

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง