รู้จัก ฟิลเลอร์ Belotero Revive ช่วยแก้ปัญหาเรื่องผิวแบบไหน เหมาะกับใคร?

หากจะให้พูดถึงเทรนด์ผิวสวย ผิวใสหลายๆ คนก็คงจะนึกถึงเหล่าบรรดาหัตถการงานฉีดผิวต่างๆ กันอย่างมากมาย ซึ่งในบทความนี้เราก็เลยจะขอมาแนะนำอีกหนึ่งหัตถการงานฉีดผิวสวยนั้นก็คือ ฟิลเลอร์ Belotero Revive โดยจะช่วยเรื่องอะไรบ้างและต่างกับฟิลเลอร์ตัวอื่นๆ ยังไงในบทความนี้เราได้หาคำตอบมาให้แล้ว

ฟิลเลอร์ Belotero Revive คืออะไร?

ฟิลเลอร์ Belotero Revive เป็นหนึ่งในรุ่นฟิลเลอร์ของยี่ห้อ Belotero ถือเป็นฟิลเลอร์งานผิวตัวแรกของโลกที่ได้ผลิตขึ้นมาเพื่อช่วยฟื้นฟูและปรับสภาพผิวให้มีความชุ่มชื้น ฉ่ำวาว ปรับผิวให้มีความเด้งและเรียบเนียนหรือช่วยสร้าง “ผิวกระจก (Glass Skin)” ได้ดีนั่นเอง

Belotero revive ต่างจากฟิลเลอร์อื่นอย่างไร

ข้อแตกต่างของฟิลเลอร์ Belotero Revive กับฟิลเลอร์ตัวอื่นๆ ก็คือเป็นฟิลเลอร์งานผิวที่มีจุดเด่นในเรื่องของการช่วยฟื้นฟูสภาพผิวจากการเสื่อมโทรมและการถูกทำลาย ซึ่งในขณะที่ฟิลเลอร์ตัวอื่นๆ จะเป็นการตัวช่วยในการปรับและแก้ไขรูปหน้าเช่น เสริมสันจมูก เสริมร่องลึกใต้ตา เสริมคางนั่นเอง

นอกจากนั้น ยังมีความแตกต่างกันในเรื่องของส่วนผสม ในตัวเนื้อฟิลเลอร์ เนื่องจากฟิลเลอร์ตัวอื่นๆ จะประกอบไปด้วยสารไฮยาลูรอนิคแอซิด (Hyaluronic Acid) เป็นหลัก ส่วนตัวฟิลเลอร์ Belotero Revive นั้นจะประกอบไปด้วย 2 สารหลักๆ ก็คือสารไฮยาลูรอนิคแอซิด (Hyaluronic Acid) และกลีเซอรอล (Glycerol)

ไฮยาลูรอนิคแอซิด (Hyaluronic Acid) : มีคุณสมบัติในการช่วยเติมน้ำให้กับผิว ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
กลีเซอรอล (Glycerol) : มีจุดเด่นในเรื่องของการอุ้มน้ำในชั้นผิว ส่งผลให้ผิวมีความฉ่ำวาว ฉ่ำน้ำมากกว่าเดิม

หลักการทำงานของฟิลเลอร์ Belotero Revive

ในส่วนของหลักการทำงานของตัวฟิลเลอร์ Belotero Revive นั้นก็คือการลงไปทำให้ทุกชั้นผิวรวมถึงผิวในชั้นหนังแท้ (Dermis) สามารถกักเก็บน้ำและความชุ่มชื้นไว้ในผิวได้ดีกว่าปกติ จึงทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นฉ่ำวาวจากภายใน นอกจากนั้นยังทำให้ผิวชั้นนอกมีความเรียบเนียนดูโกลว์ฉ่ำเป็นอย่างมาก

Belotero Revive ช่วยเรื่องอะไรบ้าง

ช่วยปรับให้ผิวมีความชุ่มชื้นและสุขภาพดี
ช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิวจากการเสื่อมสภาพและการถูกทำลาย
ช่วยปรับผิวให้มีความใสฉ่ำวาว หรือสร้างผิวกระจก (Glass Skin)
ช่วยปรับผิวให้มีความอิ่มฟู เต่งตึงและมีความเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น
ช่วยแก้ปัญหารูขุมขน ปรับรูขุมขนให้กระชับขึ้น
ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอย ร่องตื้น รวมไปถึงหลุมสิวตามจุดต่างๆบนใบหน้าได้ดี

Belotero Revive เหมาะกับใคร

ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งผิวหยาบกร้าน บำรุงผิวเท่าไหร่ก็ไม่ชุ่มชื้นขึ้นสักที
ผู้ที่มีปัญหาผิวขาดความยืดหยุ่น ผิวไม่กระชับเรียบเนียน
ผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง มีหลุมสิว มีริ้วรอย ร่องตื้น
ผู้ที่ต้องการปรับสภาพผิวให้มีความชุ่มชื้นหรือต้องการสร้างผิวกระจก (Glass Skin)
ผู้ที่ต้องการหาตัวช่วยในการฟื้นฟูผิวแบบเร่งด่วนจากการทำหัตถการเลเซอร์หรือทรีทเม้นท์หน้า

Belotero Revive ฉีดตรงไหนได้บ้าง?

จริงๆ แล้วฟิลเลอร์ Belotero Revive สามารถฉีดได้หลายจุดบนใบหน้า เพื่อช่วยแก้ปัญหาผิวต่างๆ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเหมาะกับการฉีดในผิวชั้นตื้นหรือชั้นหนังแท้ มากกว่าฉีดเข้าไปในผิวชั้นลึก เพื่อปรับรูปหน้า โดยตำแหน่งต่างๆ ที่แพทย์มักนิยมให้ฉีดมีดังนี้ ใบหน้า, ลำคอ, รอบดวงตา, บริเวณหลังมือ เป็นต้น

เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ Belotero Revive

ในส่วนของเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ Belotero Revive นั้น โดยส่วนใหญ่แล้วแพทย์จะใช้วิธีการฉีดให้เกิดตุ่มบนใบหน้าคล้ายกับการฉีด Skin Booster ตัวอื่นๆ อย่าง รีจูรัน, exosome เพื่อให้สารต่างๆ ในตัวฟิลเลอร์สามารถซึมลงสู่ชั้นผิวและทำให้ตัวยาสามารถกระจายตัวได้ดีกว่าการใช้เทคนิคการฉีดแบบอื่นๆ

Belotero Revive เป็นอันตรายต่อร่างกายไหม

ในปัจจุบันการฉีดฟิลเลอร์ Belotero Revive ถือว่าไม่มีความอันตรายใดๆ ต่อร่างกายเลย เนื่องจากตัวยี่ห้อ ฟิลเลอร์ Belotero นั้นถือเป็นยี่ห้อที่ได้รับรองความปลอดภัยจากทั้งยุโรป อเมริกาและประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ทั้งนี้ก่อนฉีดก็ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าตัวยาที่ใช้เป็นของแท้ เนื่องจากในปัจจุบันมีของปลอมออกมาขายเป็นจำนวนมาก

วิธีตรวจสอบฟิลเลอร์ Belotero Revive ของแท้

ในกล่องจะต้องมีเอกสารใบกำกับและเลขทะเบียนอย. เป็นภาษาไทย
มีการระบุเลขล็อตที่ผลิต 3 จุดคือ กล่อง, สติกเกอร์ และที่หลอดยา และจะต้องเป็นเลขเดียวกับที่สามารถตรวจสอบได้กับบริษัทผู้นำเข้าอย่างเป็นทางอย่าง Merz Aesthetics
ตัวฟิลเลอร์ 1 กล่องจะต้องมีจำนวน 2 ซีซี

Belotero Revive ต้องฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล เห็นผลนานไหม

ในการฉีดฟิลเลอร์ Belotero Revive นั้นสามารถเห็นผลได้ตั้งแต่การฉีดในครั้งแรก ซึ่งควรจะเริ่มฉีดอยู่ที่ครั้งละ 2 ซีซีเป็นขั้นต่ำ โดยการฉีด 1 ครั้งจะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้นานประมาณ 9 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลตัวเองหลังฉีด

ซึ่งข้อแนะนำคือควรฉีดเดือนละ 1 ครั้งติดต่อกัน 3 ครั้งจะทำให้สามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้มากยิ่งขึ้นและจากนั้นสามารถเปลี่ยนเป็นการฉีดในทุกๆ 6-9 เดือนได้

Belotero Revive ไม่เหมาะกับใครบ้าง?

ผู้ที่มีประวัติการแพ้สารไฮยาลูรอนิคแอซิด (Hyaluronic Acid)
ผู้ที่มีปัญหาเลือดหยุดไหลยาก
ผู้ที่มีปัญหาผิวหนังอักเสบ มีแผล ผื่นในจุดที่ฉีด
สตรีที่กำลังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์หรือ อยู่ในช่วงให้นมบุตร

การเตรียมตัวก่อนฉีด Belotero Revive

ข้อสำคัญเลยสำหรับการเตรียมตัวก่อนฉีด Belotero Revive นั้นอย่างแรกคือต้องทำการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์รวมถึงปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนทุกครั้งและควรจะมีการเตรียมตัวดังนี้

งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนฉีด 24 ชั่วโมง
งดการขัดหรือสครับผิวที่อาจก่อให้เกิด แผล รอยถลอกบนใบหน้า
งดทานยาที่ส่งผลต่อการหยุดไหลของเลือด อาทิเช่น ยาแอสไพริน, ponstan, ibuprofen และกลุ่มวิตามิน ginkgo biloba, St.John’s Wort และ Vitamin E เป็นต้นอย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนฉีด
งดทำกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด อาทิเช่น การออกกำลังกายอย่างหนัก ซาวน่า เป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนฉีด

ขั้นตอนการฉีด Belotero Revive

หากจะให้พูดถึงขั้นตอนการฉีด Belotero Revive นั้นก็ต้องบอกเลยว่ามีขั้นตอนการฉีดที่คล้ายคลึงกับหัตถการการฉีดผิวแบบอื่นๆ ที่จะต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 45-60 นาที ซึ่งมีขั้นตอนต่างๆ ดังนี้

เช็ดทำความสะอาดผิว เพื่อสิ่งสกปรกและเครื่องสำอางออก
ทำการแปะหรือถ้ายาชาและทิ้งไว้จนยาชาเริ่มออกฤทธิ์ประมาณ 30-45 นาที
เริ่มทำการฉีดฟิลเลอร์ Belotero Revive ทีละจุดจนทั่วทั้งใบหน้า
เช็ดทำความสะอาดผิวและทายาแก้อักเสบเป็นอันเสร็จ

ผลข้างเคียงหลังฉีด Belotero Revive บวมไหม กี่วันยุบ

หากจะให้พูดถึงผลข้างเคียงหลังฉีด Belotero Revive นั้นก็ต้องบอกเลยว่ามีผลข้างเคียงที่น้อยมาก เนื่องจากเป็นการฉีดด้วยเทคนิคทำให้เกิดตุ่มบนใบหน้า จึงทำให้หลังฉีดจะเกิดรอยเข็มและมีอาการบวมเพียงเล็กน้อย โดยตุ่มตัวยาจะหายไปเองภายใน 24 ชั่วโมง ส่วนรอยเข็มและอาการบวมจะหายไปเองภายใน 2-3 วัน

การดูแลตัวเองหลังฉีด Belotero Revive

หลังจากที่ทราบถึงผลข้างเคียงหลังฉีด กันไปแล้ว ต่อไปเรามาดูกันบ้างว่าวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดนั้นมีอะไรบ้าง

งดการ แกะ เกา บีบ หรือนวดผิวในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์อย่างเด็ดขาด เพื่อป้องกันปัญหาฟิลเลอร์เคลื่อนตัว และหากเป็นไปได้ควรงดสัมผัสผิวส่วนนั้นให้ได้มากที่สุดเพื่อป้องกันสิ่งสกปรกในมือ เข้าไปทำให้เกิดการอักเสบได้
หลังฉีดฟิลเลอร์ใน 48 ชั่วโมงแรกควรงดออกกำลังกายอย่างหนัก
หลังฉีดฟิลเลอร์ครบ 24 ชั่วโมงสามารถล้างและแต่งหน้าได้ตามปกติ
ควรบำรุงผิวด้วยการทามอยเจอไรเซอร์เสริมความชุ่มชื้นเป็นประจำทุกเช้า-เย็น เพื่อช่วยให้ผลลัพธ์หลังฉีดมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
หลังฉีดฟิลเลอร์หากมีอาการบวมหรือมีรอยแดงเกิดขึ้น แนะนำให้ใช้การประคบเย็นเข้าช่วย เพื่อบรรเทาอากาศเหล่านั้นให้หายได้ไวยิ่งขึ้น
ควรดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน เพื่อเติมน้ำเข้าไปในร่างกายให้เพียงพอ จนทำให้เนื้อฟิลเลอร์สามารถอุ้มน้ำและกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในผิวได้ดี
ควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รวมถึงอาหารแสลงทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นอาหารทะเล ของหมักดอง เนื่องจากอาหารเหล่านี้จะไปกระตุ้นทำให้เกิดอาการอักเสบของผิวได้ง่ายกว่าปกติ
หลังจากฉีดฟิลเลอร์ หนึ่ง เดือนแรก ควรงดทำหัตถการผิวที่ใช้ความร้อนไม่ว่าจะเป็นเลเซอร์ หรือเครื่องยกกระชับผิว
หากแพทย์มีการจ่ายยาหลังฉีด ควรทานยาให้ครบจนหมดตามที่แพทย์สั่ง

ราคาค่าใช้จ่ายในการฉีด Belotero Revive

ในส่วนของราคาค่าใช้จ่ายในการฉีด Belotero Revive นั้นก็ถือว่าเป็นหัตถการที่มีราคาค่าใช้จ่ายพอๆกับการฉีดฟิลเลอร์ตัวทั่วไป ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วเหล่าบรรดาคลินิกความงามจะมีการขายตัวยาเป็นจำนวนซีซี ซึ่งราคาค่าใช้จ่ายที่กังนัมคลินิกมีดังนี้

1 ซีซี 12,323 บาท
2 ซีซี 22,323 บาท
3 ซีซี 32,323 บาท

เลือกฉีด Belotero Revive ที่กังนัมคลินิกดียังไงบ้าง

อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าการจะเลือกทำหัตถการความงามอย่างการฉีดผิวนั้นจำเป็นจะต้องเลือกคลินิกให้ดี เพื่อความปลอดภัยและให้ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจ ซึ่งที่กังนัมคลินิกนั้นเราเองก็มีการใส่ใจและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมากเช่นกัน ซึ่งข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ Belotero Revive ที่กังนัมคลินิกมีดังนี้

มั่นใจได้ว่าใช้ฟิลเลอร์ของแท้ ที่สั่งผ่านบริษัทผู้นำเข้าอย่างถูกกฎหมายอย่าง บริษัท Merz Aesthetics Thailand
มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และผ่านการอบรมวิธีการฉีดให้เห็นผลมาฉีดให้ทุกเคส
แพทย์ผู้ฉีดล้วนเป็นผู้ที่มีใบประกอบวิชาชีพแพทย์
มีราคาที่สามารถเอื้อมถึงได้
คลินิกมีหลายสาขาให้เลือกรับบริการ และมีช่องทางการติดต่อที่ง่ายและรวดเร็ว

รีวิว Belotero Revive

คำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Belotero Revive

Belotero Revive เป็นของประเทศอะไร

Belotero Revive เป็นฟิลเลอร์ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ถือเป็นฟิลเลอร์ ที่ได้รับการยอมรับจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายล้านคนอันดับต้นๆ ของโลก เนื่องด้วยมี การใช้นวัตกรรมการผลิต ที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของทางแบรนด์อย่าง CPM (Cohesive Polydensified Matrix) ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความเรียบเนียน ยึดเกาะกับผิวได้ดีและมีความปลอดภัยสูง

Rejuran กับ Belotero Revive ต่างกันยังไง

ทั้ง Rejuran และ Belotero Revive นั้นต่างก็มีข้อแตกต่างกันหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นส่วนผสมในตัวยา รวมไปถึงจุดเด่นในการช่วยแก้ปัญหาผิวดังนี้

	Rejuran	Belotero Revive
ส่วนประกอบ	PN (Polynucleotide) สกัดจาก DNA ปลาแซลม่อน	สารไฮยาลูรอนิคแอซิด (Hyaluronic Acid) และกลีเซอรอล (Glycerol)
ช่วยเรื่องอะไร	ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ช่วยปรับผิวให้มีความกระจ่างใส ช่วยปรับรูขุมขนให้กระชับ ช่วยแก้ปัญหาหลุมสิว ผิวไม่เรียบเนียน	ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว แก้ปัญหาผิวหยาบกร้าน ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิว ช่วยปรับผิวให้ฉ่ำโกวล์ สุขภาพดี
การเห็นผลลัพธ์	สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกประมาณ 10-20% เห็นผลได้นานประมาณ 1 เดือน จึงควรมาฉีดอย่างต่อเนื่องเดือนละ 1 ครั้งติดต่อกัน 3 ครั้งจึงจะสามารถช่วยยืดการเห็นผลได้ไป 3-6 เดือน	เห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีดและสามารถเห็นผลได้นานประมาณ 6-9 เดือน
ราคา	2 ซีซี 8,990 บาท	1 ซีซี 12,323 บาท

Belotero Revive สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นๆ ได้ไหม

สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นๆ ได้ โดยเฉพาะการฉีด Belotero Revive หลังเลเซอร์ผิวซึ่งจะทำให้ช่วยฟื้นฟูผิวจากการถูกแสงและความร้อนจากพลังงานเลเซอร์ได้ดี ทำให้ผิวฟื้นตัวไว และทำให้เพิ่มผลลัพธ์หลังทำเลเซอร์ให้ดียิ่งขึ้นได้

สรุป Belotero Revive ดีไหม?

การฉีดฟิลเลอร์ Belotero Revive นั้นถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการฟื้นฟูผิวที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามหลายๆ คนแนะนำ เนื่องจากเป็นฟิลเลอร์ที่มีความปลอดภัยและช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เพิ่มความยืดหยุ่น และลดริ้วรอย ร่องตื้นได้ดีมากๆ นอกจากนั้นยังเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย มีผลข้างเคียงต่ำ จนแทบไม่ต้องมีการดูแลตัวเองหลังทำที่ยุ่งยากมากนัก

สำหรับใครที่สนใจหรือกำลังมองหาคลินิกในการฉีดฟิลเลอร์ Belotero Revive อยู่แนะนำที่กังนัมคลินิกได้เลย สามารถสอบถามรายละเอียดและนัดวันปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดได้ทาง Line : @gangnamclinic

อ้างอิงข้อมูลจาก :