คางบุ๋มเกิดจากอะไร แก้ไขอย่างไรได้บ้าง?

คางบุ๋ม เป็นปัญหาที่สร้างความไม่เรียบเนียนให้กับใบหน้า ทำให้ ใบหน้าขาดความ Smooth จึงเป็นปัญหาที่ทำให้หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจ เพราะปัญหาคางบุ๋มมักมาพร้อมกับคางสั้น หรือคางตัดร่วมด้วย ในบทความนี้หมอจะมาอธิบายว่าคางบุ๋มคืออะไร? คางบุ๋มมีสาเหตุเกิดจากอะไร? คางบุ๋มมีลักษณะอย่างไร? พร้อมวิธีการแก้คางบุ๋มที่หมอแนะนำเพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวสวย
คางบุ๋มคืออะไร?

คางบุ๋ม หรือ cleft chin, chin dimples คือ คางที่มีลักษณะเป็นร่องตรงกลางคาง (คางตูด) ซึ่งบางคนสามารถมองเห็นได้จากหน้าตรงว่าคางบุ๋มโดยไม่ได้แสดงสีหน้า แต่บางคนอาจสังเกตเห็นได้ชัดเจนว่าคางบุ๋ม เฉพาะเวลาที่แสดงสีหน้าที่ใช้กล้ามเนื้อบริเวณคางร่วมกับริมฝีปากล่าง ส่งผลให้ใบหน้าดูไม่สวยงาม ขาดความวีเชฟ จนทำให้รู้สึกกลายเป็นจุดด้อยบนใบหน้า
คางบุ๋ม มีลักษณะเป็นอย่างไร
โดยปกติแล้วคางของตนเราจะแบ่งออกเป็นหลายลักษณะ โดยคางบุ๋มจะมีลักษณะเป็นร่องตรงกลาง ทำให้คาง 2 ข้างไม่เท่ากัน โดยเฉพาะเวลาที่แสดงสีหน้าที่ใช้กล้ามเนื้อบริเวณคาง สังเกตเห็นรอยบุ๋มคางไม่เรียบ บริเวณคางมีผิวที่ดูเป็นคลื่น มีความขรุขระ เป็นก้อนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ส่งผลให้ใบหน้าไม่ได้สัดส่วนที่สวยงาม โดยส่วนมากจะพบได้บ่อยในประเทศแถบยุโรป
คางบุ๋ม เกิดจากอะไร ?
ปัญหาคางบุ๋มสามารถพบได้กับทุกเพศ ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ และต่อไปนี้คือสาเหตุของการเกิดคางบุ๋ม
1.เกิดจากกรรมพันธุ์
ลักษณะของคางบุ๋ม ที่เกิดจากกรรมพันธุ์ หรือโครงสร้างใบหน้าที่เป็นมาตั้งแต่กำเนิด มักเกิดจากกระดูกขากรรไกรที่เกิดร่องตรงกลาง หรือกล้ามเนื้อ Mentalis ที่บริเวณคางทั้ง 2 ข้าง เชื่อมต่อกันไม่สนิทจึงทำให้เกิดเป็นรอยคางบุ๋ม คางไม่เรียบเนียนได้
2. เกิดจากการแสดงออกทางสีหน้า
เมื่อกล้ามเนื้อ Mentalis มีหดเกร็งมากเกินไป จะทำให้เกิดการแข็งตัวของก้อนเนื้อทั้งสองข้างบริเวณคาง จึงทำให้เกิดเป็นรอบบุ๋มตรงกลาง หรือในบางกรณีอาจทำให้ด้านบนของกล้ามเนื้อเป็นคลื่น ไม่เรียบเนียน โดยเฉพาะเวลาที่ต้องมีการแสดงออกทางสีหน้าเช่น การเม้มริมฝีปาก
3. เกิดจากปัญหาการสบฟันที่ผิดปกติ
คางบุ๋มจาก โครงสร้างส่วนล่างหรือขากรรไกรถอยเข้าไปด้านใน ทำให้เกิดปัญหาการสบฟันที่ผิดปกติ มีปัญหาฟันยื่น ปากอูม ฟันไม่สบกัน จะทำให้เกิดการเกร็งกล้ามเนื้อ Mentalis อาจทำให้เกิดคางบุ๋ม หรือคางเป็นคลื่นได้
4. เกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น
เมื่อมีการเพิ่มอายุ จะมีการฝ่อตัวลงของไขมันบริเวณคาง และมักจะเกิดร่วมกับอาการกล้ามเนื้อบริเวณคางอ่อนแรง ทำให้กล้ามเนื้อหย่อนคล้อยลงมาจนสังเกตได้ชัดว่าคางเป็นก้อน คางเป็นคลื่น และเห็นคางบุ๋มชัดเจน
5. เกิดจากพฤติกรรมการห่อริมฝีปาก
การห่อริมฝีปากเป็นเวลานานหรือทำบ่อย ๆ ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดคางบุ๋มขึ้นได้เนื่องจากว่าพฤติกรรมนี้มักจะส่งผลทำให้ผิวเกิดร่องขึ้นถาวรจนเกิดเป็นคางบุ๋มในที่สุด ซึ่งพฤติกรรมห่อปากที่มักพบได้ในกลุ่มคนที่ชอบเล่นดนตรีชนิดเครื่องเป่านั่นเอง
ความเชื่อเรื่องคางบุ๋ม กับเรื่องโหงวเฮ้ง
ตามตำราโหงวเฮ้งกล่าวไว้ว่า “คางที่มีลักษณะโหงวเฮ้งดีจะช่วยให้มีโชคลาภ วาสนา โอบอ้อมใจดี วาสนามั่งมีทรัพย์ มีเงินทองใช้ไปตลอด มีสติปัญญาสูง มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม มีคนเมตตา และช่วยให้บั้นปลายของชีวิตมีความสุขสบาย”
ดังนั้นเราจึงมาดูกันต่อว่าแล้วลักษณะรูปคางที่ดีตามตำราของโหว้งเฮ้งนั้นจะมีลักษณะรูปคางแบบไหนบ้าง
ลักษณะคางที่ดีมีลักษณะอย่างไร
- จะต้องมีลักษณะกลมมนเข้ากับรูปปาก
- มีความสมดุลไม่สั้นเกินไป ไม่ยาวเกินไป
- มีรูปคางคางนูนสวยและต้องสวยด้วยเนื้อคาง ไม่ใช่นูนด้วยกระดูก
- มีคางเรียวแบบพอดีไม่แหลม และไม่แบนจนเกินไป

ลักษณะคางด้อยมีลักษณะอย่างไร
- เป็นคางสองชั้น
- คางแหลม
- คางสั้น
- คางตัด
- คางถอย
- คางเบี้ยว
- คางบุ๋ม
วิธีการแก้ไขคางบุ๋มมีอะไรบ้าง
โดยส่วนใหญ่การแก้ไขคางบุ๋มที่หมอ พิจารณาว่าเหมาะสม และสามารถแก้ไขได้อย่างตรงจุด เห็นผลลัพธ์ชัดเจนมีดังนี้
1. ฉีดฟิลเลอร์แก้คางบุ๋ม

การฉีดฟิลเลอร์แก้คางบุ๋ม คือ การฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิค แอซิด Hyaluronic acid (HA) ซึ่งเป็นสารที่สังเคราะห์ขึ้นมาเลียนแบบตามธรรมชาติของร่างกาย เข้าไปยังชั้นใต้เยื่อหุ้มกระดูกเพื่อเติมเต็มในส่วนที่กล้ามเนื้อมีการยุบตัว หรือเป็นร่องรอยบุ๋มลงไป ให้มีความเรียบเนียนและปั้นรูปทรงคางให้เข้ากับใบหน้า ทำให้ใบหน้าดูสมส่วนมากยิ่งขึ้น
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์คาง
- แก้ไขคางบุ๋ม พร้อมปรับรูปหน้าให้เรียวสวยขึ้นได้ทันที
- สามารถแต่งหน้าได้เลย ไม่ต้องพักฟื้น มีเพียงรอยเข็มที่บริเวณใต้คาง 3-7 วัน
- สามารถปรับแต่งรูปคางได้อย่างอิสระ หากหลังฉีดคางสั้นเกินไปสามารถเติมเพิ่มได้ หรือหากยาวเกินไป สามารถสลายบางส่วนออกได้ทันที
- คางมีรูปทรงที่สวยดูเป็นธรรมชาติ หากฉีดด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องคางย้อยผิดรูป
ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์คาง
- การฉีดฟิลเลอร์ไม่สามารถทำให้คางยาวขึ้นได้มากเกิน 1 เซนติเมตร จึงไม่สามารถแก้ปัญหา คางตัดหรือคางที่สั้นในบางเคสได้
- หากฉีดฟิลเลอร์คางด้วยเทคนิคที่ไม่ถูกต้อง หรือฉีดในเนื้อคางชั้นตื้น อาจทำให้คางเป็นก้อน คางย้อย หรือผิดรูปดูไม่เป็นธรรมชาติ
- ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์แก้คางบุ๋ม จะอยู่ได้เพียง 6-24 เดือน (ขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เลือกใช้) ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ถาวร
การฉีดฟิลเลอร์คางเหมาะกับใคร
- เหมาะกับคนที่มีปัญหาคางสั้น คางตัด คางบุ๋ม หน้ากลม
- เหมาะกับคนที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ยาวขึ้นแบบเร่งด่วน โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล และไม่ต้องพักฟื้น
- เหมาะกับคนที่กังวลเกี่ยวการดูแลตัวเองที่ซับซ้อน และกังวลในเรื่องของการอักเสบ ติดเชื้อของแผล
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์คาง
การฉีดฟิลเลอร์เพื่อแก้ปัญหาคางบุ๋ม เป็นเพียงการเสริมคางแบบชั่วคราวเท่านั้น ไม่ใช่การเสริมแบบถาวร เนื่องจากฟิลเลอร์จะมีอายุการใช้งานอยู่ได้เพียง 6-24 เดือน และจะสลายได้เองตามธรรมชาติโดยไม่ตกค้าง ดังนั้นหากต้องการคงผลลัพธ์เอาไว้ จึงสามารถเติมใหม่ได้เรื่อยๆ โดยไม่ทำให้เนื้อคางผิดรูป
2. ฉีดโบท็อกแก้คางบุ๋ม

การฉีดโบท็อกแก้คางบุ๋ม คือการใช้โบทูลินั่มท็อกซินที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxin) เข้าไปที่บริเวณกล้ามเนื้อ Mentalis เพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัวลดการหดเกร็งลงชั่วคราว ซึ่งจะส่งผลให้ร่องบริเวณคางที่บุ๋มลดลง ลดอาการคางเป็นคลื่น ช่วยให้รอยพับที่คางจางลง และช่วยให้รอยย่นที่คางเรียบเนียนขึ้น
ข้อดีของการฉีดโบท็อกคาง
- ช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณ ทำให้คางมีความเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น
- ช่วยลดรอยบุ๋มบริเวณคางได้ในระดับปานกลาง
- การฉีดโบท็อกเป็นการทำหัตถการที่มีราคาไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับการฉีดฟิลเลอร์และการผ่าตัดเสริมคาง
- สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ใน 7-14 วัน โดยไม่ต้องพักฟื้น เนื่องจากมีอาการบวมช้ำน้อยมาก
ข้อเสียของการฉีดโบท็อกคาง
- ไม่สามารถแก้ปัญหาคางที่บุ๋มเป็นร่องลึกจากกระดูกได้ เพราะโบท็อกออกฤทธิ์เฉพาะกับกล้ามเนื้อและผิวหนังเท่านั้น
- ผลลัพธ์ที่ได้เป็นผลลัพธ์แบบชั่วคราว อยู่ได้เพียง 4-6 เดือน ต้องคอยฉีดซ้ำบ่อยๆ
การฉีดโบท็อกคางเหมาะกับใคร
- เหมาะกับคนที่มีงบประมาณค่อนข้างจำกัด
- เหมาะกับคนที่มีรอยย่น รอยพับ ที่บริเวณคาง ซึ่งเกิดจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ
- เหมาะสำหรับคนที่มีรูปคางเรียวยาวอยู่แล้ว ไม่ต้องการเพิ่มขนาดความยาวของคาง
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการฉีดโบท็อกคาง
การฉีดโบท็อกเป็นการแก้คางบุ๋ม โดยการช่วยทำให้กล้ามเนื้อ Mentalis เกิดการคลายตัวและลดการหดเกร็ง ทำให้รอยพับที่คางดูตื้นขึ้นในระดับหนึ่งเท่านั้น แต่จะไม่สามารถแก้ปัญหารอยบุ๋มจากกระดูก หรือรอยบุ๋มที่เป็นร่องลึกให้หายไปได้ สำหรับผู้ที่มีคางบุ๋มมากๆอย่างเห็นได้ชัด หมอจะแนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์คางหรือเสริมคางด้วยซิลิโคน เพื่อการเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากกว่า
3. ผ่าตัดเสริมคางแก้คางบุ๋ม
การผ่าตัดเสริมคาง คือ การปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนมากขึ้น โดยการเสริมซิลิโคนเข้าไปยังชั้นใต้เยื่อหุ้มกระดูก เพื่อให้ซิลิโคนแน่นป้องกันการขยับ เป็นการผ่าตัดแก้ไขใบหน้าที่ไม่มีมิติ ที่เกิดจากคางสั้น คางตัด คางบุ๋ม ทำให้ใบหน้าดูสั้นขาดความเรียวสวย ให้ได้ สัดส่วนที่สมมาตรอีกครั้ง
ข้อดีของการผ่าตัดเสริมคาง
- การผ่าตัดเสริมคางด้วยซิลิโคน เป็นการแก้ปัญหาคางบุ๋มที่ให้ผลลัพธ์ถาวร
- ให้ผลลัพธ์ที่มีความเป็นธรรมชาติ เลือกขนาดได้ตามความเหมาะสมของรูปหน้า
- สามารถเลือกเทคนิคการเสริมคางได้ทั้งแบบแผลใน และแผลนอกตามความต้องการของคนไข้
ข้อเสียของการผ่าตัดเสริมคาง
- หลังการเสริมคางด้วยซิลิโคนแก้ไขได้ยาก หากต้องการเปลี่ยนรูปทรงจะต้องผ่าตัดเท่านั้น
- หลังการผ่าตัดต้องพักฟื้นอย่างน้อย 7-14 วัน เนื่องจากมีอาการบวมช้ำที่มากกว่าการฉีดฟิลเลอร์
- เสี่ยงต่อการอักเสบติดเชื้อ ดูแลเรื่องความสะอาดภายในช่องปากหลังผ่าตัดไม่ดีพอ
- หลังผ่าตัดอาจส่งผลทำให้เคี้ยวอาหารได้ไม่สะดวก
- หากผ่าตัดด้วยเทคนิคแผลภายนอกอาจต้องเสี่ยงกับรอยแผลเป็น
- เมื่อเทียบกับการฉีดฟิลเลอร์ ถือว่ามีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
การผ่าตัดเสริมคางเหมาะกับใคร
- เหมาะกับคนที่มีปัญหาคางถอย คางตัด คางบุ๋ม คางสั้นมาก ๆ
- เหมาะกับคนที่ต้องผลลัพธ์การเสริมคางแบบถาวร
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการผ่าตัดเสริมคาง
การผ่าตัดเสริมคางด้วยซิลิโคน ซึ่งในปัจจุบันซิลิโคนที่ใช้ในการเสริมคางจะมีให้เลือกหลายขนาด ทั้ง Silicone ขายาว และ ขาสั้น ผ่าตัดด้วยเทคนิคผ่าตัดแบบแผลนอก และการผ่าตัดแบบแผลในช่องปาก รายละเอียดของการผ่าตัดคุณหมอจะเป็นผู้ประเมินและแนะนำให้ตามความเหมาะสม
โดยหลังการผ่าตัดคนไข้จะต้อง มีการพักฟื้นอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ หลังการผ่าตัดควรมีการทำความสะอาดแผลให้ดีเพื่อป้องกันการอักเสบ และติดเชื้อจากการผ่าตัด
4. ฉีดไขมันเติมคางบุ๋ม
คือวิธีการฉีดเอาไขมันของคนไข้เข้าไปเติมในผิวส่วนคางที่เกิดการยุบตัวเป็นรอยบุ๋มลงไป ทำให้ผิวส่วนนั้นเกิดความเติมเต็มและเรียบเนียนสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น ซึ่งวิธีนี้คนไข้จะต้องผ่านการดูดเอาไขมันออกจากส่วนอื่น ๆ ของร่างกายเสียก่อนแล้วนำไขมันไปสู่กระบวนการคัดแยกไขมันดีแล้วจำจะสามารถนำมาฉีดเติมที่คางบุ๋มได้
ข้อดีของการฉีดไขมันเติมคางบุ๋ม
- ใช้ไขมันของคนไข้เองจึงทำให้ลดโอกาสแพ้ระคายเคือง
- ตัวไขมันจะไม่มีอายุการเห็นผลเหมือนฟิลเลอร์จึงทำให้อยู่ได้นานเว้นแต่ว่าตัวไขมันจะสลายไปจากวิธีอื่น ๆ เช่น การลดน้ำหนัก การฉีดสลายไขมัน เป็นต้น
- เป็นวิธีที่นอกจากจะช่วยปรับรูปคางให้สวยเรียบเนียนได้แล้วยังช่วยลดไขมันส่วนเกินจากตำแหน่งที่ทำการดูดไขมันออกมาอีกด้วย
ข้อเสียของการฉีดไขมันเติมคางบุ๋ม
- มีการเจ็บตัวแบบซ้ำซ้อน เพราะจะต้องเจ็บทั้งในตำแหน่งที่ฉีดเติมไขมันและตำแหน่งที่ดูดเอาไขมันออก
- ตัวเซลล์ไขมันไม่ได้มีขนาดโมเลกุลที่สม่ำเสมอเท่ากันเหมือนเนื้อฟิลเลอร์จึงทำให้ฉีดแล้วอาจเป็นคลื่นหรือเป็นก้อนได้
- ไม่สามารถคำนวณปริมาณไขมันดีที่จะใช้งานได้ว่า หลังจากผ่านกระบวนการปั่นคัดแยกไขมันแล้วจะเหลือส่วนไขมันดีจำนวนเท่าไหร่
- มีค่าใช้จ่ายที่สูงเพราะจะต้องมีราคาส่วนของค่าดูดไขมันเพิ่มมาด้วย
การฉีดไขมันเติมคางเหมาะกับใคร
- เหมาะกับคนที่มีปัญหาคางบุ๋ม คางถอย คางตัด หรือคางสั้นและอยากเสริมความยาวของคางเล็กน้อย
- เหมาะกับคนที่ต้องการจะลดไขมันส่วนเกินในตำแหน่งอื่น ๆ ร่วมด้วย
- เหมาะกับคนที่แพ้สารต่าง ๆ ได้ง่ายซึ่งการฉีดไขมันคนไข้จะไม่มีอาการแพ้เนื่องจากเป็นไขมันของคนไข้เองฉีดแล้วร่างกายจะไม่ปฏิเสธและมองว่าเป็นสารแปลกปลอม
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการฉีดไขมันเติมคางบุ๋ม
การฉีดไขมันเติมคางบุ๋มนั้นยังถือว่ามีความเสี่ยงที่อาจเกิดผิวเป็นคลื่นได้ หากฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญหรือมีการดูแลตัวเองหลังทำที่ไม่ดีได้ และส่วนของตำแหน่งที่แพทย์มักจะนิยมดูดไขมันมาใช้ก็คือส่วนของหน้าท้องและต้นขา และเมื่อดูดเอาไขมันออกมาแล้วคนไข้จะรู้สึกเจ็บปวดในตำแหน่งที่มีการดูดไขมันจึงทำให้ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นประมาณ 1-2 วัน
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาคางบุ๋ม
- เลี่ยงการแสดงหน้าสีหน้าแบบบ่อย ๆ เช่นการเม้มปาก หรือการห่อริมฝีปาก
- สังเกตุตัวเองหากมีปัญหาการสบฟันที่ผิดปกติให้รีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างทันที
แก้ปัญหาคางบุ๋มที่ไหนดี
การแก้คางบุ๋มควรได้รับการประเมินจากคุณหมออย่างละเอียด เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่ต้นตอของสาเหตุ ดังนั้นการแก้คางบุ๋มที่ไหนดีจึงควรพิจารณาถึงหลักการดังนี้
- เลือกคลินิกหรือสถานเสริมความงามที่ได้มาตรฐาน มีใบอนุญาตประกอบการจากกระทรวงสาธารณสุข
- คลินิกต้องมีเครื่องมือพื้นฐานทางการแพทย์และอุปกรณ์พร้อมสำหรับกรณีฉุกเฉิน เช่น เครื่องวัดความดันโลหิต เครื่องตรวจสอบคลื่นหัวใจหรืออุปกรณ์กู้ชีพ
- แพทย์ผู้ให้การรักษาต้องผ่านการรับรองจากแพทยสภา และสามารถตรวจสอบได้
- มีราคาการรักษาที่สมเหตุสมผล เหมาะสมกับคุณภาพที่จะได้รับ เพราะการแก้คางบุ๋มที่มีราคาถูกเกินไป อาจทำให้เสี่ยงต่อการได้รับบริการที่ไม่ได้มาตรฐาน
- มีบริการปรึกษาแพทย์ฟรีก่อนทำหัตถการ หรือก่อนทำศัลยกรรมแก้คางบุ๋ม
- คลินิกมีการใช้ยา และอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ของแท้ที่สามารถตรวจสอบได้
- มีรีวิวจากคนไข้ที่เข้าใช้บริการจริง แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
สรุป
สำหรับใครที่ต้องการแก้คางบุ๋มด้วยการฉีดสารเติมเต็ม ประเภทไฮยาลูรอนิค แอซิด Hyaluronic acid (HA) เพื่อการเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว และมีความเป็นธรรมชาติ หมอแนะนำให้ศึกษาข้อมูลให้ละเอียดและหากเป็นไปได้ควรเข้าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะดีที่สุด เนื่องจากฟิลเลอร์มีหลากหลายยี่ห้อ ซึ่งหากใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสมก็อาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาคางเป็นก้อน คางห้อยย้อยในระยะยาวได้