รักแร้เปียก เกิดจากอะไร? วิธีไหนช่วยแก้รักแร้เปียก และลดเหงื่อได้ผลจริง

รู้จักสาเหตุและวิธีแก้ปัญหารักแร้เปียก

อีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่มักมาคู่กับอากาศร้อนจนทำเอาหมดความมั่นใจนั้นก็คือ “รักแร้เปียก” ที่ทำเอาใครหลายๆ คนที่กำลังประสบกับปัญหาดังกล่าวอยู่เกิดความกังวลใจอย่างมาก ว่าทำไมรักแร้เราถึงเปียกมาก และการที่เป็นรักแร้เปียกนั้นบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพอะไรของเราหรือไม่ในบทความนี้เราจะมาไขข้อสงสัยนั้นกัน

รักแร้เปียก เกิดจากอะไร ?

อาการรักแร้เปียก (Sweaty armpits) ถือเป็นภาวะหนึ่งที่ร่างกายจะทำการผลิตเหงื่อออกมามากกว่าปกติมักเกิดขึ้นมาจากการทำงานของระบบประสาทส่วนที่ควบคุมต่อมเหงื่อทำงานมากผิดปกติ หรืออาจเกิดขึ้นมาจากภาวะแทรกซ้อนของโรคทางสุขภาพอย่าง โรคเบาหวาน โรงมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือเป็นผู้ที่มีภาวะเหงื่อออกมาก (Hyperhidrosis) โดยอาการเหล่านี้จะส่งผลทำให้ผู้เป็นบางรายเกิดความไม่มั่นใจเป็นอย่างมาก

ปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหารักแร้เปียก

  • พันธุกรรม : ถือว่ามีส่วนสำคัญอย่างมาก เพราะคนผิวสีจะมีต่อมเหงื่อที่ใหญ่กว่า ทำให้สามารถผลิตเหงื่อออกมาได้เยอะกว่า
  • ฮอร์โมน : อย่างคนที่มีฮอร์โมนเพศชายสูงมากๆ ก็จะทำให้ร่างกายผลิตเหงื่อออกมาได้เยอะกว่า
  • สภาพอากาศ : ถือเป็นอีกตัวแปรสำคัญ เพราะเมื่อเราอยู่ในที่อากาศร้อน ร่างกายก็จะทำการผลิตเหงื่อออกมามากขึ้นเพื่อช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกายนั่นเอง

รักแร้เปียกร่วมกับมีกลิ่น เพราะอะไร ?

รักแร้เปียกเกิดจากอะไร

อีกหนึ่งปัจจัยที่มักมาคู่กับอาการรักแร้เปียกนั้นก็คือกลิ่นตัว เนื่องจากในร่างกายของเราส่วนบริเวณข้อพับต่างๆ อาทิ ข้อพับรักแร้นั้นถือเป็นบริเวณที่มีต่อมกลิ่นหรือต่อมอะโพไครน์ (Apocrine) อยู่ที่จะคอยทำหน้าที่ในการผลิตน้ำมันออกมา ซึ่งโดยปกติแล้วน้ำมันดังกล่าวนั้นจะไม่มีกลิ่นแต่เมื่อมาถูกแบคทีเรียในการย่อยสลายน้ำมันดังกล่าวจึงทำให้เกิดกลิ่นขึ้นมา

โดยกลิ่นตัวของแต่ละคนนั้นก็จะมีกลิ่นความรุนแรงของกลิ่นที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยในการกระตุ้นกลิ่นของร่าง

ปัจจัยอะไรบ้างที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดกลิ่นกาย

  1. ฮอร์โมน : อย่างฮอร์โมนเพศชาย (Androgrn) ที่มีส่วนสำคัญอย่างมากในการกระตุ้นให้มีต่อมเหงื่อขนาดใหญ่ ทำให้มีเหงื่อออกมากกว่าปกติ
  2. พันธุกรรม : มักพบได้กับคนผิวสี ที่ร่างกายจะมีต่อมกลิ่นขนาดใหญ่และมีการผลิตไขมันออกมาได้มากกว่าคนผิวขาว
  3. อาหาร : แน่นอนว่าคนที่ทานอาหารที่มีกลิ่นแรงอย่าง กระเทียม เครื่องเทศ จะทำให้มีกลิ่นตัวที่แรงและชัดกว่าคนที่ไม่ทาน
  4. โรคอ้วน : คนอ้วนถือว่าโอกาสที่จะเกิดการอับชื้นของอวัยวะจากการมีไขมันที่มาก ซึ่งการอับชื้นดังกล่าวนั้นจะนำไปสู่ปัญหากลิ่นตัวได้
  5. การทานยาบางชนิด : ในตัวยาบางตัวจะมีส่วนในการไปกระตุ้นทำให้ร่างกายเกิดกลิ่นตัวได้ง่าย อย่างเช่น ยาลดไข้ ยามอร์ฟีนเป็นต้น
  6. ความเครียด : เมื่อเรามีความเครียดร่างกายของเราจะผลิตเหงื่อที่ออกน้อยกว่าปกติ แต่สามารถดึงดูดแบคทีเรียเข้ามาทำลายได้มากกว่าปกติทำให้มีโอกาสเกิดกลิ่นตัวขึ้นได้

รักแร้เปียกส่งผลเสียต่อสุขภาพไหม

รักแร้เปียกส่งผลเสียต่อสุขภาพไหม

ในปัจจุบันการวินิจฉัยอาการรักแร้เปียกนั้น ยังถือว่าเป็นอาการที่ยังไม่ได้ส่งผลเสียต่อสุขภาพในระดับที่มีความร้ายแรงแต่อย่างใด เพียงแต่จะส่งผลเสียต่อบุคลิกและความมั่นใจในการใช้ชีวิตของผู้เป็นเท่านั้น ดังนั้นผู้ที่ประสบปัญหานี้อยู่หากมีความกังวลใจก็สามารถเข้าปรึกษากับแพทย์เพื่อหาทางรักษาที่เหมาะสมกับตนเองได้

วิธีแก้รักแร้เปียก รักษายังไงดี

ในส่วนของวิธีการรักษารักแร้เปียกนั้นก็มีอยู่มากมายหลายวิธีด้วยกันทั้งแบบการรักษาด้วยตนเองและการรักษาด้วยการแพทย์

1. การรักษาความสะอาดของรักแร้

รักษาความสะอาดใต้วงแขน

ถือเป็นวิธีเบสิกขั้นพื้นฐานอย่างมาก ซึ่งจริงอยู่ที่ถึงแม้ว่าวิธีนี้จะไม่ใช้วิธีในการช่วยลดเหงื่อที่รักแร้โดยตรง แต่ก็เป็นอีกหนึ่งหนทางในการช่วยป้องกันไม่ให้เกิดกลิ่นตัวขึ้นได้ในขณะที่มีเหงื่อออกที่รักแร้นั่นเอง ดังนั้นจึงควรหมั่นทำความสะอาดร่างกายอยู่เสมออย่างเช่น อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อทันทีหลังจากออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่มีเหงื่อออกเยอะ

2. ใส่เสื้อผ้าที่สบายไม่รัดรูปจนเกินไป

ใส่เสื้อผ้าที่สบายไม่รัดรูป

การใส่เสื้อผ้าที่สบายๆ ทำให้สามารถระบายอากาศได้ดีจึงทำให้เหงื่อที่ออกมาเกิดการระเหยตัวได้ไวมากยิ่งขึ้น จึงเป็นการช่วยลดโอกาสการเกิดเสื้อผ้าเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อได้นั่นเอง

3. หมั่นเปลี่ยนผ้าเช็ดตัว

เนื่องจากในผ้าเช็ดตัวนั้นถือเป็นจุดของแหล่งสะสมของแบคทีเรียและสิ่งสกปรกต่างๆ และแน่นอนว่าเมื่อเราใช้ผ้าเช็ดตัวที่เต็มไปด้วยสิ่งเหล่านั้นมาเช็ดทำความสะอาดตัวก็ย่อมทำให้แบคทีเรียดังกล่าวมาเกาะติดผิวเราจนนำไปสู่ปัญหากลิ่นตัวได้ในที่สุดนั่นเอง

4. ไม่อยู่ในที่อากาศร้อนจัด

เพราะเมื่ออยู่ในที่ที่มีอากาศร้อนจัดร่างกายของเราก็จะทำการผลิตเหงื่อออกมาเพื่อช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกายไม่ให้สูงเกินไป ดังนั้นการเลี่ยงอยู่ในที่ร้อนถือว่าเป็นตัวช่วยอย่างมากในการป้องกันไม่ให้ร่างกายผลิตเหงื่อออกมานั่นเอง

5. เลี่ยงความเครียด

เลี่ยงความเครียด

หลายๆ คนอาจจะไม่รู้ว่าความเครียดหรือความวิตกกังวลเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ร่างกายกระตุ้นการสร้างเหงื่อออกมา โดยเราจะสังเกตได้เลยว่าช่วงที่เรามีความตึงเครียดเหงื่อของเราจะออกมาเยอะมากผิดปกติตามจุดต่างๆ เช่น รักแร้ มือ เท้าหรือที่ศีรษะเป็นต้น

6. ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย

ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย

ในการใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายอย่าง โรลออนหรือครีมทารักแร้ถือเป็นอีกทางเลือกในการช่วย เนื่องจากในปัจจุบันได้มีผลิตภัณฑ์หลายๆ ตัวที่มีสรรพคุณช่วยลดเหงื่อและกลิ่นเหงื่อได้ดีมากๆ อย่างครีมทารักแร้ของกังนัมคลินิกที่เป็นครีมที่มีสารบำรุงต่างๆ มากมายนอกจากจะช่วยระงับกลิ่นเหงื่อแล้ว ยังช่วยบำรุงผิวรักแร้ให้เรียบเนียนกระจ่างใสขึ้นอีกด้วย

7. ฉีดโบท็อกรักแร้

การฉีดโบท็อกหรือสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum toxin type A) เข้าไปใต้ชั้นผิวรักแร้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการแก้ปัญหารักแร้เปียกได้ เนื่องจากตัวสารดังกล่าวจะเข้าไปรบกวนและยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อ ทำให้ต่อมเหงื่อผลิตเหงื่อออกมาได้น้อยลงถึง 80% โดยปริมาณส่วนใหญ่ที่แพทย์จะแนะนำให้ฉีดโบท็อกซ์รักแร้นั้นจะอยู่ที่ข้าง 100 ยูนิต ซึ่งถือเป็นปริมาณที่เหมาะสมและสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ดี

อ่านเพิ่มเติม : ฉีดโบท็อกรักแร้ ลดเหงื่อ ลดกลิ่น เหมาะกับใคร?

8. การผ่าตัดต่อมเหงื่อใต้รักแร้

การผ่าตัดต่อมเหงื่อ

ถือเป็นวิธีการผ่าตัดเอาต่อมเหงื่อและต่อมไขมันที่คอยสร้างเหงื่อและกลิ่นตัวตรงบริเวณใต้รักแร้ออกไป ทำให้ช่วยลดการเกิดรักแร้เปียกได้ดีมากๆ ทั้งในทางการแพทย์ยังถือว่าการผ่าตัดเอาทั้งสองต่อมออกไปนั้นไม่ได้เกิดผลเสียหรือผลข้างเคียงต่อร่างกายแต่อย่างใด อีกทั้งในปัจจุบันยังมีเทคโนโลยีในการใช้กล้องผ่าตัดเข้ามาช่วยทำให้มีขนาดแผลผ่าตัดที่เล็กลงอีกด้วย

9. กำจัดขนรักแร้

การกำจัดขนรักแร้ถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการช่วยลดโอกาสเกิดรักแร้เปียกเนื่องจากเวลาที่เหงื่อนั้นผิวรักแร้ที่ไม่มีเส้นขนจะสามารถแห้งตัวได้ไวกว่ารักแร้ที่มีขนนั่นเอง โดยวิธีกำจัดขนที่แนะนำที่สุดในตอนนี้ก็คือการทำ เลเซอร์ขน ด้วยเลเซอร์ที่มีค่าพลังงานที่สูงและมีความแม่นยำอย่าง Long Pulse ND YAG

ทำเลเซอร์รักแร้ ด้วย Long Pulse ND YAG
เลเซอร์ขนรักแร้

จุดเด่นของการทำเลเซอร์ขนรักแร้ คือ เป็นเลเซอร์ที่มีความแม่นยำในการลงไปกำจัดเส้นขนได้ถึงต้นตอของรากขน ทำให้เส้นขนค่อยๆหลุดร่วงออกไปจนหายไปในที่สุดนอกจากนั้นตัวเลเซอร์ยังมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวทำให้รักแร้มีความเรียบเนียนและกระจ่างใสมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

อ่านเพิ่มเติม : รวมข้อควรรู้ก่อนเลเซอร์ขนรักแร้ครั้งแรก แบบไหนดี ได้ผลถาวรไหม พร้อมรีวิว

10. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

การดื่มน้ำนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเรามากๆ โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาเหงื่อออกเยอะ เพราะการที่ไม่ปล่อยให้ร่างกายของเราขาดน้ำนั้นจะส่งผลทำให้ระบบประสาทของร่างกายลดการตอบสนองต่อปัจจัยต่างๆ ที่มากระตุ้นการเกิดเหงื่อที่รักแร้ได้น้อยลง

11. ใช้เปลือกมะนาว

เปลือกมะนาวลดรักแร้เปียก

หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเปลือกมะนาวนั้นก็สามารถช่วยลดเหงื่อที่รักแร้ของเราได้ ด้วยการนำเปลือกมะนาวมาฝานบางๆ และทำการบีบเอาน้ำมะนาวออกให้หมดและนำเปลือกดังกล่าวมาถูเบาๆ ที่รักแร้และทิ้งไว้ให้แห้ง จากนั้นก็ทาโรลออนทับอีกรอบจะสามารถช่วยลดอาการรักแร้เปียกได้ในระดับหนึ่ง

12. พกกระดาษทิชชู่ติดตัว

วิธีนี้แล้วจริงๆ ไม่ใช่การรักษาแต่เป็นวิธีที่จะช่วยแก้ขัดในเวลาที่เกิดปัญหารักแร้ได้ดี เพราะแน่นอนว่าเมื่อมีเหงื่อออกที่รักแร้เยอะๆ นั้นสิ่งที่เรากังวลกับแนนสุดก็คือจะทำให้เสื้อเปียกไปด้วย ดังนั้นหากรู้สึกว่ามีเหงื่อออกที่รักแร้แล้วใช้กระดาาทิชชู่ช่วยซับออกก็จะสามารถช่วยแก้ขัดได้

13. ใช้คลื่นวิทยุเข้าช่วย

การใช้คลื่นวิทยุ (RF หรือ Radio Frequency) คือการใช้คลื่นวิทยุยิงลงไปยังชั้นผิวเพื่อให้พลังงานความร้อนจากตัวเครื่องเข้าไปรบกวนการทำงานของต่อมเหงื่อใต้ผิวด้วยการไปจับโมเลกุลน้ำในต่อมเหงื่อให้หายไปส่งผลทำให้ต่อมเหงื่อไม่สามารถสร้างเหงื่อออกมาได้อีก

14. miraDry

เครื่อง miraDry ถือเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมเครื่องที่ออกแบบมาช่วยแก้ปัญหารักแร้เปียกโดยเฉพาะ ด้วยการใช้ปืนไมโครเวฟในการยิงเข้าไปทำลายต่อมเหงื่อใต้ผิวทำให้ไม่สามารถสร้างเหงื่อออกมาได้ และยังช่วยแก้ปัญหากลิ่นตัวได้ดีอีกด้วย

รักแร้เปียกรักษาหายขาดได้ไหม

อาการรักแร้เปียกนั้นสามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยวิธีการผ่าตัดเอาต่อมเหงื่อและต่อมไขมันออกไป แต่ก็แน่นอนว่าวิธีดังกล่าวนั้นเป็นวิธีที่ มีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก และจะต้องมีการดูแลตัวเองหลังทำที่ค่อนข้างจะยุ่งยากอีกด้วย หรือจะเลือกใช้วิธี ทางการแพทย์อื่นๆเช่น การกำจัดขนหรือการฉีดโบท็อกที่ก็เป็นอีกหนึ่ง ทางเลือกในกาลช่วยลดโอกาสการเกิดรักแร้เปียกได้ในระยะหนึ่ง

มีอาการรักแร้เปียกต้องดูแลตัวเองยังไงบ้าง

อาการรักแร้เปียกนั้นเมื่อเป็นแล้ว สิ่งที่ใครหลายๆคนต่างมองข้ามมันก็คือการดูแลตัวเอง เนื่องจากเป็นภาวะ ที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดกลิ่นเต่ากลิ่นตัวได้สูงมากๆดังนั้นจึงควรดูแลตัวเองดังนี้

  • รักษาความสะอาดของร่างกายเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการอาบน้ำทุกเช้า-เย็น เพื่อขจัดสิ่งสกปรกต่างๆออกไป
  • ควรทำการสครับหรือขัดผิวในบริเวณรักแร้บ้างเพื่อช่วยในการผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออกไปรวมไปถึงสิ่งสกปรกและแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดกลิ่นตัว
  • หมั่นทำความสะอาดเสื้อผ้าที่ใส่อยู่เสมอไม่ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดรูป หรือเสื้อผ้าที่มีความหนาจนทำให้ระบายอากาศได้ไม่ดีนอกจากนั้น ไม่ควรใส่เสื้อผ้าซ้ำกับชุดที่ยังไม่ได้ซักเด็ดขาด
  • ควรทาผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายอย่างเป็นประจำไม่ว่าจะเป็น โรลออน ครีมทารักแร้หรือแม้แต่ สารส้ม

วิธีป้องกันรักแร้เปียก

ต่อไปเรามาดูถึงวิธีดูแลและป้องกันไม่ให้เกิดอาการรักและเปียกกันบ้าง ซึ่งถือเป็นวิธีที่ทำตามได้ง่ายมากๆ โดยจะมีวิธีการดูแลตัวเองดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่อากาศร้อน เนื่องจากสภาพอากาศร้อนจะทำให้ร่างกายผลิตเหงื่อออกมามาก
  • เลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออก เช่น กิจกรรมกลางแจ้ง การออกกำลังกายเป็นต้น ซึ่งหากเลี่ยงไม่ได้แนะนำให้ทำกิจกรรมในห้องแอร์ที่มีอากาศเย็นสบาย
  • สวมใส่เสื้อผ้าที่สบาย ระบายอากาศได้ดี ไม่รัดแน่น เพื่อให้เสื้อผ้าแห้งไวขึ้นเวลาเหงื่อออก
  • เตรียมผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าขุดหนูพกติดตัวเอาไว้สำหรับเช็ดเวลาเหงื่อออก
  • พกพัดหรือพัดลมขนาดพกพา เอาไว้ใช้ในเวลาเจออากาศร้อน
  • ติดแผ่นดูดซับเหงื่อเอาไว้ โดยแผนดังกล่าวจะมีลักษณะคล้ายแผ่นอนามัยที่มีส่วนช่วยในการดูดซึมเหงื่อไม่ให้เหงื่อเลอะเสื้อผ้านั่นเอง
  • ทาแป้งฝุ่นหรือแป้งเด็กที่บริเวณรักแร้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีเบื้องต้นที่สามารถช่วยทำให้รักแร้แห้ง และลดโอกาสการเกิดเหงื่อออกมาเยอะจนเปียกชุ่มได้เช่นกัน

กินอะไรถึงช่วยลดเหงื่อได้บ้าง

กินอะไรถึงช่วยลดเหงื่อได้บ้าง

อีกหนึ่งสิ่งที่หลายคนมองข้ามไปนั่นก็คือเรื่องของอาหาร เนื่องจากการทานอาหารที่มีฤทธิ์เย็นนั้น จะช่วย ดับร้อนให้กับร่างกายรวมถึงช่วยลดโอกาสการเกิดเหงื่อได้อีกด้วย อาทิเช่น มะเขือเทศ, แตงกวา, เก๊กฮวย ,แตงโม, แคนตาลูป, ฟักเขียว, ใบเตย, มะรุม, ชมพู่, แก้วมังกร, น้ำใบบัวบก, น้ำรากบัว และน้ำว่านหางจระเข้เป็นต้น โดยกลุ่มอาหารเหล่านี้ นอกจากจะมีประโยชน์ต่อการช่วยลดเหลือแล้ว ยังช่วยปรับสมดุล ดับพิษร้อนให้แก่ร่างกายได้ดีอีกด้วย

รักแร้เปียกขนาดไหนถึงควรไปหาหมอ

จริงๆ แล้วหากมีอาการแค่รักแร้เปียกเท่านั้นก็ไม่จำเป็นต้องเข้าพบแพทย์ก็ได้ นอกจากว่าจะมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยเช่น มีกลิ่นตัวที่รุนแรงมาก มีปัญหารูขุมขนอักเสบ เป็นตุ่มเป็นหนองร่วมด้วย หรือมีอาการไข้สั่น หนาว รวมไปถึงกลุ่มคนที่คิดว่าการรักแร้เปียกส่งผลต่อการดำเนินชีวิตและสภาพจิตใจ ซึ่งหากมีอาการดังกล่าวแนะนำให้เข้าปรึกษาแพทย์ เพื่อหาหนทางรักษาต่อไป

สรุป

อาการรักแร้เปียกนั้นเกิดขึ้นมาได้จากหลายปัจจัยสาเหตุที่เป็นตัวกระตุ้นทำให้ต่อมเหงื่อ ผลิตเหงื่อออกมามากกว่าปกติ อาทิเช่น ระดับฮอร์โมนในร่างกายที่มีฮอร์โมนเพศชายสูง พันธุกรรม รวมไปถึงสภาพอากาศ ที่ก็เป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นทำให้ร่างกายผลิตเหงื่อออกมา ซึ่งถือเป็นอาการที่ไม่ได้มีความร้ายแรงหรือส่งผลเสียต่อสุขภาพ เพียงแต่จะส่งผลเสียอาจในเรื่องของบุคลิกและความมั่นใจของผู้เป็นเท่านั้นดังนั้นหากต้องทำการรักษาการรักและเปียกสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการฉีดโบท็อก การผ่าตัดเอาต่อมเหงื่อออก การกำจัดขนด้วยแสงเลเซอร์เป็นต้น

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง