สิวฮอร์โมน เกิดจาก + วิธีรักษาสิวฮอร์โมนให้ได้ผล
![สิวฮอร์โมน เกิดจาก + วิธีรักษาสิวฮอร์โมนให้ได้ผล](https://www.gangnamconsult.com/wp-content/uploads/2022/11/สิวฮอร์โมน-เกิดจาก-วิธีรักษาสิวฮอร์โมนให้ได้ผล-scaled.jpg)
เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ไม่ว่าจะเพศหญิงหรือ เพศชาย จะต้องเจอกับปัญหา สิว ที่เรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่า “สิวฮอร์โมน” ซึ่งมักสร้างความรำคาญใจเป็นอย่างมาก ในบทความนี้จะพามาทำความรู้จักกับประเภทนี้กันว่าเกิดขึ้นจากอะไร และมีวิธีรักษาสิวฮอร์โมนอย่างไรให้ได้ผล หากอยากรู้แล้วสามารถอ่านต่อได้ในหัวข้อด้านล่าง
สาเหตุของ สิวฮอร์โมน เกิดจากอะไร?
![สิวฮอร์โมน เกิดจากอะไร](https://www.gangnamconsult.com/wp-content/uploads/2023/04/สิวฮอร์โมน-เกิดจากอะไร.jpg)
สิวฮอร์โมนเป็นสิวที่มักเกิดขึ้นในระของการก้าวเข้าสู่ช่วงของวัยรุ่น ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน หรือ ฮอร์โมนภายในร่างกายมีความไม่สมดุลกัน และมีอีกหลายสาเหตุดังนี้ ที่มักทำให้เกิดเป็นสิวฮอร์โมนขึ้นมาได้เช่น
การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนอย่างราวเร็วเช่นอยู่ในช่วงของการตั้งครรภ์ หรือการเป็นประจำเดือน ทำให้เกิดความไม่สมดุลของฮอร์โมนภายในร่างกาย ซึ่งจะส่งผลทำให้เกิดสิวฮอร์โมนนั่นเอง
ปริมาณฮอร์โมนแอนโดรเจน
การที่ร่างการมี Androgen เพิ่มสูงขึ้น จะส่งผลทำให้ต่อมไขมันมีการทำงานผิดปกติ และผลิตซีรัม(Sebum) ออกมาเป็นจำนวนมาก จนทำให้มีการสะสมของเชื้อแบคทีเรียจนกลายเป็นสิวในที่สุด
ภาวะความเครียด
ความเครียดและการพักผ่อนที่ไม่เพียงพออาจจะส่งผลต่อระดับฮอร์โมนในร่างกายให้มีการเปลี่ยนแปลง จนทำให้เกิดเป็นสิวขึ้นในที่สุด
พันธุกรรม
สิวก็เป็นสิ่งที่ส่งต่อทางพันธุกรรมได้ หากพบว่าบุคคลในครอบครัวเป็นสิวง่าย หรือเป็นสิวมาก สมาชิกในครอบครัวเสี่ยงที่จะเกิดสิวฮอร์โมนได้ง่าย
สิ่งแวดล้อม
สิ่งแวดล้อมต่างๆและพฤติกรรมการใช้ชีวิต ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เป็นสิวได้ เช่นการทำสะอาผิวไม่ดีพอทำให้มีสิ่งสกปรกตกค้างบนผิว และการรับประทานอาหารพวกแป้ง น้ำตาล และไขมันเป็นประจำ
สิวฮอร์โมน มีลักษณะเป็นอย่างไร ?
สิวอุดตัน
เป็นสิวที่ไม่อักเสบอีกประเภทหนึ่ง มีลักษณะเป็นสิวหัวนูนออกมาจากผิวหนัง จะรู้สึกถึงความไม่เรียบ มีการอุดตันของรูขุมขนบนผิวหนัง บางครั้งสิ่งอุดตันเรียกกันว่าหัวสิว ก็โผล่ออกมาให้เห็นได้จากภายนอกเช่นกัน
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : ทำความรู้จักกับสาเหตุของ สิวอุดตัน เกิดจากอะไร? มีวิธีรักษาและป้องกันได้หรือไม่
สิวอุดตัวหัวเปิด สิวอุดตันหัวปิด
คือการอุดตันสะสมภายในท่อปิดของต่อมไขมันและรูขุมขน จนทำให้รูขุมขนอุดตัน เห็นเป็นตุ่มเล็กๆ สีขาว สิวอุดตันชนิดนี้ หากมีการอักเสบหรือติดเชื้อจะกลายเป็นสิวอักเสบได้ในที่สุด
สิวอักเสบ
คือการอุดตันบริเวณรูขุมขน ที่เกิดจากไขมัน หรือเซลล์ผิวที่ตาย และเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า C. Acnes จะไปกระตุ้นทำให้เกิดสิวอักเสบในที่สุด โดยแบคทีเรียมักพบบริเวณต่อมไขมัน สิวอักเสบไม่สามารถรักษาด้วยวิธีการกดสิว หรือบีบสิวได้ อาจทำให้อาการอักเสบของสิวแย่ลงกว่าเดิม
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : สิวอักเสบ คืออะไร ? พร้อมแนะนำวิธีดูแล และรักษาให้ได้ผลแบบธรรมชาติ
สิวตุ่มแดงใหญ่
คือ (Nodule) หรือที่ภาษาไทยเรียกว่า “สิวหัวช้าง สิวเป็นไต” เป็นอีกสิวอักเสบที่มีความรุนแรง การเกิด สิวหัวช้าง มาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เข้าไปถึงชั้นผิวหนังที่ลึกขึ้น ทำให้กลายเป็นสิวหัวช้างที่มีการอักเสบรุนแรง และสามารถลุกลามให้เกิดการอักเสบได้โดยไม่จำเป็นต้องมีหัวสิว
สิวฮอร์โมน ขึ้นบริเวณไหนได้บ้าง?
- สิวฮอร์โมนที่หลัง ทำให้หลังไม่เรียบเนียน ใส่เสื้อผ้าโชว์หลังไม่ได้
- สิวฮอร์โมนหน้าผาก เกิดจากหน้าผากผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น บวกกับสิ่งสกปรกทีาตกค้างที่ผิว พบมากในคนที่ชอบไว้ผมหน้าม้า
- สิวฮอร์โมนแก้ม ทำให้ใบหน้าดูไม่ชุ่มชื้นและไม่เรียบเนียน ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก แต่งหน้าไม่ได้
- สิวฮอร์โมนที่คาง ปัจจุบันสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการใช้ชีวิตประจำวันคือหน้ากากอนามัยหรือแมสก์ ซึ่งทำให้เกิดอปัญหานี้กวนใจได้ง่าย
- สิวฮอร์โมนที่หน้าอก อีกหนึ่งจุดที่พบได้บ่อย ซึ่งจะทำให้รู้สึกเจ็บหรือคัน และหมดความมั่นใจไม่สามารถใส่เสื้อผ้าโชว์สัดส่วนบริเวณนี้ได้
ซึ่งเมื่อสิวฮอร์โมนหายแล้วก็มีโอกาสที่จะส่งผลทำให้เกิด รอยสิว เช่น มีรอยแดงและรอยดำตามมาได้ แนะนำเลเซอร์ Dual Yellow เลเซอร์อ่อนโยนแสงสีเหลืองและแสงสีเขียว เพื่อช่วยลดรอยดำ รอยแดง รวมถึงลดโอกาสการเกิดใหม่ของสิวได้อีกด้วย
สิวฮอร์โมน ในผู้หญิง และผู้ชาย แตกต่างกันหรือไม่?
![สิวฮอร์โมน ในผู้หญิง และผู้ชาย แตกต่างกันหรือไม่](https://www.gangnamconsult.com/wp-content/uploads/2023/04/สิวฮอร์โมน-ในผู้หญิง-และผู้ชาย-แตกต่างกันหรือไม่.jpg)
ทั้งผู้หญิงและผู้ชายสามารถเกิดสิวฮอร์โมนได้เหมือนกัน แต่การเกิดสิวฮอร์โมนของผู้หญิงและผู้ชายอาจมีความรุนแรงที่ไม่เท่ากัน และมีอาการที่แตกต่างกันออกไป ทำให้ใช้ระยะเวลาในการรักษาไม่เท่ากัน เช่น
สิวฮอร์โมนผู้หญิง
สิวฮอร์โมนผู้หญิง คือการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนภายในร่างกาย สามารถเกิดได้ทั้งสิวอุดตันและสิวอักเสบ ช่วงที่ฮอร์โมนมักมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ช่วงรอบประจำเดือน ความเครียด ภาวะถุงน้ำในรังไข่ ฯลฯ จึงทำให้เกิดสิวฮอร์โมนขึ้นได้
สิวฮอร์โมนผู้ชาย
สิวฮอร์โมนผู้ชาย คือ คล้ายกับสิวปกติทั่วไปแต่ที่แตกต่างจะเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เป็นประจำ เพราะภาวะการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย จึงมักพบมากในวัยรุ่น ร่างกายจะสร้างฮอร์โมนเพศชายที่ชื่อว่า แอนโดรเจน (Androgens) ซึ่งจะไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น จนทำให้เกิดสิวฮอร์โมนขึ้นมาได้
สิวฮอร์โมนประจำเดือน มีลักษณะอย่างไร? กี่วันหาย?
สิวฮอร์โมนประจำเดือน มักมีลักษณะเป็นสิวอุดตันขนาดเล็ก ตรงกลางมีการฝังตัวของเคราติน(Keratin) และลิพิด(Lipid) จะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (Oxidation) กับอากาศ จึงทำให้สีขาวเหลือง กลายเป็นสีเข้มหรือสีดำนั่นเอง สำหรับบางรายอาจจะใช้เวลาเพียง 1 สัปดาห์ สิวฮอร์โมนประเภทนี้ก็สามารถยุบลงได้ แต่บางคนอาจจะต้องใช้เวลาถึง 2-3 สัปดาห์ จึงจะค่อยๆจางหายไปเอง
สิวฮอร์โมน มีแนวทางและวิธีรักษาอย่างไรบ้าง?
การรักษาสิวฮอร์โมนสามารถทำได้หลายวิธีทั้งแบบธรรมชาติ และทางการแพทย์ด้วยวิธีต่างๆดังนี้
รักษาสิวฮอร์โมนแบบธรรมชาติด้วยตัวเอง เป็นสิวฮอร์โมนใช้อะไรดี?
- การรับประทานยา การทานยาเพื่อคุมสิวฮอร์โมนที่ไม่ใช่ยาคุม จะมีประสิทธิภาพที่ดีสามารถช่วยลดสิวได้ 50% – 100% ช่วยลดความมัน ลดโอกาสการปะทุของสิวอักเสบได้เป็นอย่างดี หลังจากการรักษาประมาณ 3 เดือนถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น
- การใช้กรดอัลฟาไฮดรอกซี (Alpha Hydroxy Acids : AHAs) เป็นสารสกัดธรรมชาติที่ได้มาจากผลไม้ต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นส่วนผสมที่อยู่ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง มีฤทธิ์ในการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และช่วยลดรอยแผลเป็นรวมถึงลดตุ่มสิวให้จางลงได้
- ยาทาสิวเฉพาะที่ ตัวยาจะช่วยในเรื่องลดการอักเสบของสิว ควรทำการทดสอบกับผิวหนังก่อนใช้งาน เพื่อป้องกันการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นได้
- ขัดผิวด้วยการสครับอย่างอ่อนโยน เพื่อช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป ไม่ให้เกิดการอุดตันตามรูขุมขน แต่ไม่ควรทำบ่อยกว่า 1 ครั้ง/เดือน
- รับประทานน้ำมันปลา เพราะเนื่องจากกรดไขมันโอเมก้า 3 สามารถช่วยลดการอักเสบ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้อย่างโดยตรง
รักษาสิวฮอร์โมน ด้วยการใช้ยา แบ่งเป็นการกินและการทายา
![รักษาสิวฮอร์โมน ด้วยการใช้ยา แบ่งเป็นการกินและการทายา](https://www.gangnamconsult.com/wp-content/uploads/2023/04/รักษาสิวฮอร์โมน-ด้วยการใช้ยา-แบ่งเป็นการกินและการทายา.jpg)
- ยากินรักษาสิวฮอร์โมน
- ยาปฏิชีวนะ เพื่อลดสิวอักเสบ
- ยาฮอร์โมนกลุ่มยาคุมกำเนิด เช่น Diane ใช้ในกรณีผู้ป่วยหญิงที่มีฮอร์โมนเพศชายเด่น
- ยากรดวิตามินเอ เช่น Roaccutane ยากลุ่มนี้ช่วยลดหน้ามัน ลดสิวอุดตัน และลดสิวอักเสบ
- ยาทารักษาสิวฮอร์โมน
- เบนซอยล์ เพอร์ออกไซด์ (benzoyl peroxide) เป็นตัวยาที่มี การออกฤทธิ์ทำให้หัวสิวหลุดออกได้เร็วขึ้น
- กรดวิตามินเอ (retinoic acid) หรือ Tretinoin กรดวิตามินเอที่อยู่ในรูปแบบของยาทา จะช่วยขจัดปัญหาสิวอุดตันได้ดี
- ยาทาสิว Azelaic ช่วยให้สิวอุดตันหลุดออกได้ง่าย และมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรคที่ผิวหนังได้อีกด้วย
- ยาปฏิชีวนะ ได้แก่อีริโทรไมซิน คลินดาไมซิน จะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียชื่อ P. acnes ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิว
แนวรักษาสิวฮอร์โมน แบบเร่งด่วน ด้วยการเครื่องมือแพทย์
เมโสหน้าใส มาเด้คอลลาเจน
![](https://www.gangnamconsult.com/wp-content/uploads/2023/04/เมโสหน้าใส-มาเด้คอลลาเจน.jpg)
เมโสหน้าใส มาเด้คอลลาเจน คือสารบำรุง สารต้านอนุมูลอิสระ ที่สารสกัดจากวิตามินที่มีประโยชน์กับผิว เช่น วิตามินซี วิตามินบี( Sulphur D12) (Collagen D8) (Hyaluronidase D8) แร่ธาตุเอนไซม์ เซลล์บำบัดซ่อมแซมผิวหรือพลาเซนต้า (Placenta) เพื่อช่วยลดการอับเสบ และทำให้ผิวกระจ่างใสมากขึ้น
การฉายแสงฆ่า
ฉายแสงฆ่าเชื้อสิว คือเป็นการใช้แสงที่มีความยาวคลื่นในช่วงที่บริเวณดวงตาของคนเราสามารถมองเห็นได้ เช่น แสงสีฟ้าและแสงสีแดงมาใช้ในการรักษาสิว เพราะแสงสีฟ้าช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย Cutibacterium Acne (P. Acne) ซึ่งเป็นเชื้อที่ทำให้เกิดสิวหรือสิวอักเสบ และเป็นถุงหนองบริเวณรูขุมขน ถึงต่อมไขมัน ช่วยควบคุมความมันของผิวได้ ส่วนแสงสีแดงช่วยลดการอักเสบ ทำให้ต่อมไขมันเล็กและหดตัวลง ช่วยลดสิวอักเสบรวมถึงลดความมันบนผิวหน้า และช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดได้ดียิ่งขึ้น
เลเซอร์หน้าใส ด้วย Dual Yellow
เลเซอร์ Dual Yellow คือสาร Copper และ Bromide มีหน้าที่นำแสงเลเซอร์ ที่ผลิตออกมาถึง 2 ชนิดด้วยกัน คือ แสงสีเหลือง ความยาวคลื่น 578 นาโนเมตร และแสงสีเขียว ความยาวคลื่น 511 นาโนเมตร จะมีChromophore absorption ที่สามารถถูกดูดซับได้ดีและช่วยลดตุ่มสิวได้ทุกชนิดอีกด้วย
ใช้สารเคมีลอกผิว (Chemical Peel)
![ใช้สารเคมีลอกผิว (Chemical Peel)](https://www.gangnamconsult.com/wp-content/uploads/2023/04/ใช้สารเคมีลอกผิว-Chemical-Peel.jpg)
เป็นวิธีการใช้สารเคมีในในการลอกเซลล์ผิวชั้นนอกสุดเสมือนกับการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกเพื่อเป็นการลดการสะสมของแบคทีเรีย ไขมัน และเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว และนอกจากนั้นก็จะทำให้สิวที่อยู่ในผิวชั้นนอกเกิดการแห้งและยุบตัวลงไปในที่สุด โดยวิธีนี้ถูกนิยมใช้ในสตรีที่กำลังตั้งครรถ์เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ไม่สามารถทำการรักษาสิวด้วยวิธีการอื่นๆ ได้
ฉีดยาสิว (Cortisone Injections)
เป็นการฉีดตัวยาสเตียรอยด์เข้าไปในเม็ดสิว เพื่อให้เม็ดสิวเกิดการแห้งและยุบตัวไวกว่าปกติ โดยวิธีนี้มักนิยมใช้ในผู้ที่ต้องการแก้ปัญสิวแบบเร่งด่วนสำหรับวันสำคัญอย่าง วันรับปริญญา วันแต่งงานเป็นต้น ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่นิยมให้ทำบ่อยๆ เพราะอาจก่อให้เกิดอาการดื้อยาได้ในอนาคต
วิธีป้องกันสิวฮอร์โมน
- ควรหากิจกรรมที่ทำเป็นประจำเพื่อให้ความรู้สึกผ่อนคลาย และลดความตึงเครียดสะสมได้อีกด้วย
- ควรหาเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ
- ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเพื่อให้สุขภาพดูดีอยู่เสมอ
- ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความอ่อนโยน ไม่เกิดการอุดตันตามรูขุมขน
- ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของลาโนลิน (Lanolin) ,ซิลิโคน(Silicone) และน้ำมันแร่(Mineral Oil)เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวอับเสบขึ้นได้
- ควรหาเวลาออกกำลังกายอย่างเป็นประจำ
- ควรทำความสะอาดใบหน้า และส่วนอื่นๆของร่างกาย วันละ 2 ครั้ง เพื่อความสะอาดหมดจด
- ควรงดการบีบ กด จับ แคะ หรือสัมผัสสิวบริเวณนั้นโดยตรง
สิวฮอร์โมน หายเองได้หรือไม่?
![สิวฮอร์โมน หายเองได้หรือไม่](https://www.gangnamconsult.com/wp-content/uploads/2023/04/สิวฮอร์โมน-หายเองได้หรือไม่.jpg)
สามารถหายเองได้ หากเป็นกลุ่มสิวที่ไม่รุนแรงแต่ส่วนใหญ่จะพบเจอกับปัญหาที่กวนใจ ไม่สามารถหายได้เองตามธรรมชาติ แต่สามารถรักษาให้หายได้ ด้วยการดูแลรักษาสิวฮอรโมนอย่างถูกวิธี จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยตรง ด้วยการใช้ยารักษาในการรักษา และการทำเลเซอร์ เพื่อช่วยรักษาตุ่มสิวให้หายไปได้ไวขึ้นโดยไม่มีการทิ้งร่องรอย อีกทั่งยังช่วยให้ผิวหน้ากลับมากระจ่างใสได้ดีกว่าเดิมอีกด้วย
สิวฮอร์โมน อันตรายหรือไม่? เป็นสัญญาณบอกโรคอันตรายรึเปล่า?
สิวฮอร์โมนอาจจะไม่เป็นอันตราย แต่มีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันที่ทำให้กวนใจเป็นอย่างมาก นอกจากนี้สิวฮอร์โมนยังเป็นสัญญาณยอกโรคต่างๆเช่น ภาวะเครียด, การตั้งครรภ์, เป็นประจำเดือน, พักผ่อนไม่เพียงพอ, มีภาวะถุงน้ำในรังไข่ (PCOS) รวมถึงทานอาหารหวานและอาหารมันมากจนเกินไป แต่หากเลือกรักษาอย่างถูกวิธีก็สามารถกำจัดสิวฮอร์โมนหายขาดได้
สรุป
สิวฮอร์โมน (Hormonal Acne) เกิดจากการแปรปวนของระดับฮอร์โมนในร่างกาย มักมีการเปลี่ยนแปลง ในช่วงรอบประจำเดือน ความเครียด ซึ่งอาจมีอาการเป็นๆหายๆ และทิ้งรอยไว้หลังจากที่สิวมีการยุบตัว ดังนั้นหากใครที่ต้องรักษาสิวฉงฮอร์โมนให้หายขาดแนะนให้ เข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านผิวหนังจึงให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าวิธีอื่นๆ นอกจากนี้การดูแลตนเองควบคู่ไปกับการรักษาด้วย ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดสิวใหม่ได้ด้วยเช่นกัน