รู้จักIV Drip คืออะไร ดีจริงไหม มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง รวมข้อควรรู้ก่อนทำ
หากจะให้พูดถึงอีกหนึ่งวิธีในการดูแลฟื้นฟูร่างกายอีกหนึ่งวิธียอดนิยมก็คือ การทำ IV Drip นั้นเอง เพราะด้วยความที่ยุคนี้สมัยนี้เต็มไปด้วยปัญหาฝุ่น มลภาวะ เชื้อโรคและแบคทีเรียต่าง ๆ ที่จะเข้ามาทำร้ายผิวและร่างกายของเราอยู่เสมอ จึงทำให้หลายคนหันมาสนใจการดูแลตัวเองด้วยวิธี IV Drip กันมากขึ้น ดังนั้นเราจึงขอมาแนะนำข้อมูลเกี่ยวกับการทำ IV Drip เพิ่มเติมว่าคืออะไร ช่วยเรื่องอะไร เหมาะกับใครบ้างและควรเลือกทำที่ไหนดีมาฝากทุกคนกัน
ทำความรู้จัก IV Drip คืออะไร
IV Drip ย่อมาจากคำว่า “Intravenous Drip” ซึ่งมีอีกหลาย ๆ ชื่อเรียกว่า IV Therapy, Vitamin Drip หรือการดริปวิตามิน เป็นวิธีทางแพทย์วิธีหนึ่งที่จะใช้ส่งวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ เข้าร่างกายผ่านฉีดเข้าสู่เส้นเลือดดำโดยตรงในบริเวณส่วนข้อพับแขน
ซึ่งถือเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายเนื่องจากว่าวิธีนี้จะทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมเอาสารวิตามินไปใช้ได้ถึง 90-100% จึงทำให้ช่วยฟื้นฟูบำรุงร่างกายได้ดีและไวกว่าการทานที่สามารถดูดซึมได้เพียงแค่ครั้งละ 20-50% เท่านั้น จึงทำให้ในปัจจุบันได้มีการนำวิธี IV Drip มาใช้ทั้งในเรื่องของการช่วยฟื้นฟูร่างกายรวมไปถึงการช่วยบำรุงผิวพรรณนั่นเอง
“เกร็ดความรู้เพิ่มเติม”
ประวัติของหัตถการ IV Drip
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าการทำ IV Drip นั้นถือกำเนิดขึ้นมาครั้งแรกในปี ค.ศ. 1600 แต่ก็ถูกยกเลิกไปเนื่องด้วยปัญหาทางสุขอนามัย แต่แล้วในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็ได้มีการใช้ IV Drip เข้ามาช่วยรักษาผู้บาดเจ็บอีกครั้ง จนในปี ค.ศ. 1960 ได้มีคุณหมอที่ชื่อว่า Dr John Myers ที่ได้เข้ามาพัฒนาการทำ IV Drip ให้มีส่วนประกอบของวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ในตัวยาจนถูกใช้มาถึงในปัจจุบัน
IV Drip มีทั้งหมดกี่แบบ
จริง ๆ แล้วการทำ IV Drip นั้นหากอ้างอิงตามคำศัพท์ทางการแพทย์จะมีวิธีเดียวคือการนำตัวยาผสมกับสารน้ำแล้วค่อย ๆ ปล่อยตัวยาเข้าสู่ร่างกายทีละนิด แต่ในไทยเรานั้นโดยเฉพาะวงการความงามจะแบ่งออกเป็น 2 แบบหลัก ๆ ดังนี้
- แบบฉีดเข้าเส้นเลือดโดยตรง : วิธีนี้หมอจะใช้ตัวไซริงค์ดึงเอาตัวยาวิตามินมาแล้วค่อย ๆ ฉีดส่งตัวยาเข้าสู่เส้นเลือดดำโดยตรง หรือที่ทางการแพทย์เรียกว่า “IV Bolus หรือ IV Push”
- แบบผสมสารน้ำ : วิธีนี้จะใช้ตัววิตามินไปผสมกับสารน้ำก่อนแล้วก็ค่อย ๆ ปล่อยตัวยาเข้าสู่เส้นเลือดคล้ายกับวิธีการใช้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลนั่นเอง ซึ่งทางการแพทย์จะเรียกวิธีนี้ว่า “IV Infusion หรือ IV Drip”
IV Drip ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
ปัจจุบันการทำ IV Drip นั้นได้ถูกนำมาช่วยแก้ปัญหาสุขภาพร่างกายและสุขภาพผิวหลาย ๆ อย่างด้วยกัน เช่น
- การเพิ่มความชุ่มชื้นและเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิว
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในร่างกายให้เพิ่มขึ้น (อ่านข้อมูล คอลลาเจน ที่ละเอียดมากขึ้น: คอลลาเจน (Collagen) คืออะไร? มีประโยชน์และโทษอย่างไรบ้าง?)
- ช่วยปรับผิวให้มีความกระจ่างใสขึ้น
- ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย
- ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว แก้ปัญหาผิวบอบบาง ผิวแพ้ง่าย (อ่านข้อมูล ผิวบอบบาง ผิวแพ้ง่าย ที่ละเอียดมากขึ้น: ผิวแพ้ง่าย ผิวบอบบาง เป็นอย่างไร? พร้อมแนะนำวิธีป้องกันและฟื้นฟูผิวให้แข็งแร็ง)
- ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย ฟื้นฟูร่างกายจากความอ่อนเพลียหรืออาการเมาค้าง
- ช่วยเพิ่มสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ฟื้นฟูร่างกายจากอาการเจ็บป่วย
IV Drip มีส่วนผสมของวิตามินอะไรบ้าง
ในปัจจุบันได้มีสูตรตัวยา IV Drip ออกมาอย่างมากมาย ซึ่งแต่ละสูตรก็จะประกอบไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่ต่างกันออกไป แต่โดยหลัก ๆ แล้วมักจะมีส่วนประกอบของวิตามินสำคัญ ดังนี้
- Vitamin C: จะเด่นในเรื่องของการช่วยปรับผิวให้มีความกระจ่างใสขึ้น เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการเกิดเม็ดสีเมลานินในผิว และยังช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
- Collagen: ช่วยเสริมให้โครงสร้างผิวมีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น
- Vitamin B Complex: จะเด่นในเรื่องของการช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง ช่วยลดอาการอ่อนเพลียจากการพักผ่อนน้อย ช่วยลดความเครียดได้อีกด้วย
- N-Acetyl Cysteine: เป็นกลุ่มสารอนุมูลอิสระ และช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย ออกจากตับได้ดี
- Glutathione: ช่วยในการบำรุงผิวพรรณให้มีความกระจ่างใส ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยล้างสารพิษในร่างกาย ช่วยในเรื่องของการชะลอวัยทำให้ผิวพรรณอ่อนเยาว์สุขภาพดียิ่งขึ้น
IV Drip ที่กังนัมมีกี่สูตร
ที่กังนัมคลินิกนั้นเรามีบริการดริปวิตามินหรือ IV Drip อยู่หลายสูตรด้วยกัน แต่เราจะเรียกรวม ๆ หัตถการนี้ว่าการฉีดผิว ซึ่งจะมีสูตรทั้งหมดดังนี้
- สูตร Vital Glow: เป็นสูตรที่อุดมไปด้วยวิตามินซีแบบเข้มข้น จึงเด่นในเรื่องของการช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ช่วยปรับผิวให้มีความกระจ่างใสสุขภาพดียิ่งขึ้น และยังมีส่วนช่วยในเรื่องการผลัดเซลล์ผิวเพื่อเผยเซลล์ผิวใหม่ที่สวยสุขภาพดี
- สูตร Aura White Skin: เป็นสูตรที่อัดแน่นไปด้วย Glutathione ที่มีความเข้มข้นจึงเด่นอย่างมากในเรื่องการปรับผิวให้ขาวกระจ่างใสได้อย่างรวดเร็วกว่าสูตรอื่น ๆ
- สูตร Fairy Cocktail: สูตรนี้อุดมไปด้วยวิตามินรวมสูตรเข้มข้น จึงเด่นในเรื่องของการฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาแข็งแรงกระปรี้กระเปร่า และยังช่วยบำรุงผิวใหม่ความกระจ่างใส ผิวอมชมพูอย่างเป็นธรรมชาติ
- สูตร Vitamin White Plus: สูตรนี้จะเน้นในเรื่องของการช่วยบำรุงผิว บำรุงเล็บให้แข็งแรงและยังมีส่วนช่วยในการสร้างเคราตินในผม และยังมีส่วนผสมของวิตามินที่ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายได้ดีอีกด้วย
- สูตร Extra White Plus: เป็นสูตรที่เน้นในเรื่องของการปรับผิวให้กระจ่างใส เพิ่มความเด้งและอิ่มฟูให้เซลล์ผิว นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดีเหมาะกับคนที่อยากมีผิวอิ่มน้ำ ผิวใสฉ่ำโกลวอย่างมาก
- สูตร Perfect White Radiance: เป็นสูตรที่ช่วยเรื่องของการช่วยชะลอริ้วรอย ปรับผิวให้เต่งตึง กระจ่างใส และยังช่วยลดรอยดำต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งยังมีคอลลาเจนที่ช่วยทำให้ผิวยืดหยุ่นได้ดี
- สูตร Meso Blink: สูตรนี้จะเน้นเรื่องการปรับผิวให้กระจ่างใส ผิวออร่า และยังมีตัวยาที่เข้มข้นกว่าสูตรอื่น ๆ จึงทำให้สูตรจะเป็การฉีดตัวยาเข้าทางกล้ามเนื้อแทนเส้นเลือดดำนั่นเอง
- โปรแกรม NAD+ IV Therapy: ตัวนี้เป็นโปรแกรมตัวช่วยในการซ่อมแซม DNA ช่วยชะลอวัย ช่วยขับของเสียออกจากร่างกายรวมไปถึงยังช่วยบำรุงร่างกายให้กลับมาสดชื่น แข็งแรงอีกด้วย
IV Drip เหมาะใครบ้าง
- ผู้ที่ต้องการเสริมวิตามินเพื่อบำรุงร่างกายอย่างเร่งด่วน
- ผู้ที่ต้องการบำรุงผิวให้กระจ่างใส (อ่านบทความ วิธีทําให้ผิวขาวใส เพิ่มเติม: 8 วิธีทำให้ผิวขาว ภายใน 1 อาทิตย์ วิธีไหนเห็นผลเร็ว แบบธรรมชาติและปลอดภัยที่สุด)
- ผู้ที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ให้ผิวอิ่มฟูเด้ง ผิวอิ่มน้ำ
- ผู้ที่ต้องการชะลอริ้วรอยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
- ผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเองด้วยการทานวิตามิน อาหารเสริม
- ผู้ที่มีร่างกายอ่อนเพลีย ต้องการลดความเหนื่อยล้าของร่างกาย
IV Drip อันตรายไหม
การทำ IV Drip หรือการฉีดผิวนั้นไม่มีความอันตรายใด ๆ เลยหากคนไข้เข้ารับบริการกับคลินิกหรือสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน มีการเปิดให้บริการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากคลินิกเหล่านี้จะมีการใช้ตัวยาและวิตามินต่าง ๆ ที่ได้มาตรฐาน และมักจะมีหมอที่มีประสบการณ์คอยให้คำแนะนำในการเลือกสูตรวิตามินให้เหมาะกับปัญหาของแต่ละคนอีกด้วย
มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง
ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า การทำ IV Drip นั้นถึงแม้ว่าจะทำกับหมอที่มีประสบการณ์ก็อาจเกิดผลข้างเคียงขึ้นได้ แต่เป็นผลข้างเคียงที่ไม่ได้ร้ายแรงอะไร ดังนี้
- มีอาการหน้ามืด เวียนศีรษะ ใจสั่น: ซึ่งเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นได้เพราะว่าการทำ IV Drip นั้นจะเป็นส่งวิตามินเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็วจึงทำให้ในคนไข้บางคนอาจประสบกับอาการนี้ได้ แนะนำให้คนไข้นั่งพัก ดื่มน้ำ และอยู่ในที่อากาศเย็นสบายสักพักอาการเหล่านี้ก็จะหายไปเอง
- มีรอยแดง รอยช้ำ: ซึ่งเป็นจากรอยเข็ม เนื่องจากว่าจุดที่ฉีดจะเป็นบริเวณส่วนข้อพับแขนซึ่งเป็นจุดที่ผิวบอบบางง่ายต่อการเกิดรอยแดง รอยช้ำ
ข้อควรระวังหลังทำ IV Drip
ในการทำ IV Drip หรือการดริปวิตามินนั้นจะไม่เหมาะกับกลุ่มคนต่าง ๆ เหล่านี้
- สตรีที่กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
- ผู้ป่วยโรคตับ โรคไต โรคหัวใจ
- ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ต้องฉีดสารอินซูลิน
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือด
- ผู้ที่อยู่ในภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- ผู้ที่อยู่ในภาวะวิตามินแร่ธาตุเกิน และอยู่ในภาวะพร่องเอนไซม์
ตอนทำ IV Drip เจ็บไหม
ในระหว่างทำนั้นคนไข้อาจจะรู้สึกเจ็บตอนลงเข็มเพียงเล็กน้อยและอาจรู้สึกแสบในจังหวะที่มีการดันตัวยาเข้าสู่เส้นเลือดได้ แต่เป็นความเจ็บในระดับเดียวกับการฉีดยาทั่วไปเท่านั้น
IV Drip ควรทำกี่ครั้ง แต่ละครั้งเห็นผลนานแค่ไหน
ในการทำ IV Drip ของคนไข้แต่ละคนนั้นจะเห็นผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่แต่ละคน รวมไปถึงสูตรตัวยา แต่หากเป็นกรณีสูตรที่ช่วยลดความอ่อนล้านั้นคนไข้อาจเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ แต่หากเป็นเรื่องของการช่วยผิวให้กระจ่างใสแล้วโดยส่วนใหญ่แล้วหมอจะแนะนำให้ทำ 3-5 ครั้งขึ้น และแต่ละครั้งจะเห็นผลได้ประมาณ 4 สัปดาห์
การเตรียมตัวก่อนทำ
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ทานอาหารก่อนทำ ไม่ควรอดอาหารเพราะอาจจะทำให้เกิดอาการหน้ามืดได้
- กรณีมีโรคประจำและมีการทานยารักษาโรคควรแจ้งให้แพทย์ทราบทุกครั้ง
- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับหัตถการให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจทำ
ขั้นตอนการทำ
ปรึกษาหมอเพื่อเลือกสูตรวิตามินให้เหมาะสมกับคนไข้
- ใช้สายยางรัดเหนือข้อพับ
- ใช้แอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาดผิวบริเวณข้อพับ
- เริ่มลงเข็มและฉีดวิตามินเข้าสู่เส้นเลือดจนครบโดส
- เช็ดผิวและแปะปลาสเตอร์ที่รอยเข็ม
- หมอจะให้เรานั่งพักเพื่อดูอาการก่อนกลับบ้าน ประมาณ 15 นาที
การดูแลตัวเองหลังทำ
- ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
- ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- สังเกตอาการหากมีอาการใจสั่น ผื่นขึ้น หรือร้อนวูบวาบให้รีบพบแพทย์
ราคาโปรโมชั่นที่กังนัมคลินิก
- สูตร Vital Glow
1 ครั้ง 500 บาท, 5 ครั้ง 2,000 บาท, 10 ครั้ง 3,500 บาท
- สูตร Aura White Skin
1 ครั้ง 2,500 บาท, 5 ครั้ง 11,000 บาท, 10 ครั้ง 20,000 บาท
- สูตร Fairy Cocktail
1 ครั้ง 2,000 บาท, 5 ครั้ง 9,000 บาท, 10 ครั้ง 16,000 บาท
- สูตร Vitamin White Plus
1 ครั้ง 1,000 บาท, 5 ครั้ง 4,000 บาท, 10 ครั้ง 7,000 บาท
- สูตร Extra White Plus
1 ครั้ง 1,500 บาท, 5 ครั้ง 6,500 บาท, 10 ครั้ง 10,000 บาท
- สูตร Perfect White Radiance
1 ครั้ง 5,500 บาท, 5 ครั้ง 25,000 บาท, 10 ครั้ง 48,000 บาท
- สูตร Meso Blink
1 ครั้ง 2,000 บาท, 5 ครั้ง 6,500 บาท, 10 ครั้ง 10,000 บาท
- โปรแกรม NAD+ IV Therapy
1 เข็ม 6,966 บาท, 5 เข็ม 33,000 บาท, 10 เข็ม 60,000 บาท
เลือกทำ IV Drip ที่ไหนดี
อีกหนึ่งประเด็นสำคัญในการทำ IV Drip นั้นก็คือการเลือกสถานที่ทำที่ได้มาตรฐาน ซึ่งมีข้อควรพิจารณาดังนี้
- คลินิกมีการเปิดให้บริการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
- มีการใช้ตัวยาวิตามินที่ผ่านการรับรองจากอย.
- มีหมอหรือแพทย์ประจำคลินิก
- มีที่ตั้งคลินิกที่ชัดเจน และมีช่องทางการติดต่อที่สะดวก
สรุป
การทำ IV Drip ก็คือการให้ตัวยาหรือวิตามินผ่านทางเส้นเลือดดำ ทำให้ร่างกายสามารถนำวิตามิน แร่ธาตุ ๆ ไปใช้ได้อย่างรวดเร็วกว่าการทานวิตามิน ทำให้เห็นผลได้ไวกว่า และในปัจจุบันได้มีสูตรวิตามินอยู่ด้วยกันมากมายหลายสูตร ซึ่งแต่ละสูตรก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป สำหรับใครที่สนใจอยากรับบริการ IV Drip เราขอแนะนำที่กังนัมคลินิก เราเลือกใช้ตัววิตามินที่ผ่านการรับรองจากอย. ทำโดยผู้เชี่ยวชาญ และมีราคาโปรโมชั่นให้เลือกหลากหลาย โดยสามารถติดต่อทางคลินิกได้ทาง Line : @gangnamclinic
แหล่งอ้างอิงข้อมูล
Nonthavej hospital. iv drip ทางลัดผิวสวย.
https://www.nonthavej.co.th/iv-drip.php
ivboost.What Is IV Therapy? Definition, Benefits, Types.
https://ivboost.uk/about/what-is-iv-therapy-definition-benefits-types/
Sarah Charmley — Updated on March 27, 2023.What to know about IV therapy.
https://www.medicalnewstoday.com/articles/iv-therapy#overview