ไฝและขี้แมลงวัน บนใบหน้า เกิดจากอะไร? อันตรายไหม มีวิธีกำจัดและรักษาอย่างไร
ขี้แมลงวัน เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย อาจจะมีมากหรือน้อยแตกต่างกันออกไป ซึ่งในตำราโบราณหรือการบอกโหงวเฮ้ง มักจะมีการระบุตำแหน่งไฝและขี้แมลงวันที่มีข้อดีและไม่ดีเอาไว้ โดยตามความเชื่อการมีขี้แมลงวันในตำแหน่งที่ดีจะนำโชคลาภมาให้ แต่ขี้แมลงวันอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ดีก็อาจทำให้ชีวิตเกิดความวุ่นวาย ไม่มีความสุข และด้วยความเชื่อนี้ เราจึงจะพามาทำความรู้จักว่าแท้จริงแล้วขี้แมลงวันมีสาเหตุเกิดจากอะไร เป็นอันตรายไหม และหากอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ดีตามความเชื่อจะสามารถกำจัดได้อย่างไรให้ไม่ทิ้งรอยแผลเป็น
ขี้แมลงวัน คืออะไร มีลักษณะอย่างไร?
เมื่อขี้แมลงขึ้นใหม่มักจะมีลักษณะ เป็นตุ่มนูนขนาดเล็กๆ ผื่นผิวราบ มีสีดำหรือน้ำตาล รูปทรงกลมหรือทรงรี มีขนาดที่หลากหลาย ไปตั้งแต่ 0.2-2 เซนติเมตร หรือ มีเส้นผ่าศูนย์กลาง น้อยกว่า 0.5 ซม. อาจมีสีที่สม่ำเสมอ หรือไม่สม่ำเสมอในเม็ดเดียวกัน
ขี้แมลงวัน เกิดจากอะไร?
ขี้แมลงวัน เกิดมาจากเซลล์เมลาโนไซต์ (Melanocyte) ที่อยู่บนผิวหนังชั้นกำพร้า รวมตัวกันสร้างเม็ดสีที่มากจนผิดปกติจนกลายเป็นตุ่มนูนเล็ก ๆ ขึ้นตามบนผิวหนัง ซึ่งขี้แมลงวันมักจะมีสีดำหรือน้ำตาล มีลักษณะเป็นวงกลมหรือคล้ายกับวงรี ซึ่งโดยทั่วไปแล้วขี้แมลงวันที่เกิดขึ้นตามจุดต่างๆบนผิวหนัง จะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายหรือผิวหนัง
ปัจจัยกระตุ้นอะไรบ้างที่ทำให้เกิดขี้แมลงวัน?
ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดขี้แมลงวัน นั่งก็คือ การได้รับรังสีอัลตราไวโอเลต (รังสี UV) จากการเผชิญกับแสงแดดโดยขาดการป้องกัน จึงทำให้ร่างกายมีการสร้างเม็ดสีเมลานินขึ้นมามากผิดปกติจนเกิดการรวมตัวกันเป็นจุดนูนสีดำที่ผิว หรือที่เรียกว่าขี้แมลงวัน
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยกระตุ้นมาจากผู้ป่วยที่มีโรคผิวหนังอักเสบ โรคสะเก็ดเงิน ที่ต้องรับการฉายรังสีเพื่อยับยั้งการเติบโตของผิวหนังก็อาจเป็นปัจจัยที่จะกระตุ้นการเกิดขี้แมลงวันได้ และยังมีผู้ที่ป่วยเป็นโรค PJS (Peutz-Jeghers Syndrome) ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมอีกชนิดหนึ่ง ที่อาจเกิดขี้แมลงวันบนใบหน้าได้เช่นกัน
ตำแหน่งของขี้แมลงวันหรือไฝ ตามหลักโหวงเฮ้ง?
ตามความเชื่อตำแหน่งของขี้แมลงวันตามหลักโหวงเฮ้ง จะสามารถบ่งบอกถึงลักษณะนิสัย หรือโชคลาภวาสนาได้ดังนี้
- ขี้แมลงวันหรือไฝที่ขมับ มีไหวพริบดี มีความรู้ อ่อนน้อมถ่อมตน มีคู่ครองดี และได้รับการช่วยเหลืออุปถัมภ์จากผู้ใหญ่
- ขี้แมลงวันหรือไฝที่กลางหน้าผาก วัยเด็กมักจะลำบากเลยต้องใช้ความพยายามมากกว่าผู้อื่น แต่ก็สามารถเอาชนะอุปสรรคได้ทุกครั้งด้วยความเพียร มีผู้คนรักใคร่เอ็นดูอยู่เสมอ
- ขี้แมลงวันหรือไฝที่แก้มขวา เป็นคนขี้เกียจ จึงไม่ค่อยทันคน และยังเชื่อคนง่าย จึงมักโดนเอาเปรียบอยู่เสมอ แต่มักมีผู้ยื่นมือให้ความช่วยเหลือเมื่อลำบากได้ดี
- ขี้แมลงวันหรือไฝที่แก้มซ้าย เป็นคนที่มีเสน่ห์ เจ้าชู้มากเพราะรักความสนุกสนาน
- ขี้แมลงวันหรือไฝที่เปลือกตา เป็นคนมีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม จริงจังกับการใช้ชีวิต สู้งาน ไม่ย่อท้อ แต่เป็นคนโมโหร้าย จึงควบคุมอารมณ์ตนไม่ค่อยอยู่
ขี้แมลงวัน กับ ไฝ ต่างกันอย่างไร?
หลายคนอาจจะมีการสับสนว่าไฝกับขี้แมลงวันนั้นใช่อันเดียวกันไหม จริงต้องบอกว่าจริงๆแล้วทั้ง 2 อย่างนี้ไม่ใช่อันเดียวกัน ซึ่งสามารถแยกจากความแตกต่างกันคือ ไฝมีลักษณะนูนขึ้นจากผิวรอบข้างมากกว่า ส่วนขี้แมลงวันจะมีลักษณะที่ราบเรียบไม่นูน แต่สำหรับทางการแพทย์จะพบได้ว่าทั้งคู่เกิดจากการรวมตัวของเซลล์สร้างสีทำงานผิดปกติ แล้วมีการเกาะกันเป็นกระจุก ส่งผลทำให้เกิดไฝหรือขี้แมลงวันขึ้นได้
ขี้แมลงวันสามารถใหญ่ขึ้นได้ไหม?
ขี้แมลงวันที่มีโอกาสที่จะสามารถเจริญเติบโตอย่างเป็นลักษณะเฉพาะตัว (Pattern) ซึ่งในตอนแรกเราอาจจะพบว่าขี้แมลงวันยังมีขนาดเป็นจุดเล็กๆ สีน้ำตาลหรือดำ แต่เมื่อเวลาผ่านไปอาจมีการยกตัวนูนสูงและขยายขนาดใหญ่ขึ้น หรือมีขนงอกขึ้นร่วมด้วย
ขี้แมลงวัน มีวิธีรักษาหรือไม่?
คนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยทำการรักษาขี้แมลงวัน เนื่องจากไม่ได้มีอันตรายต่อผิวหนังและร่างกาย แต่สำหรับคนที่หาวิธีการรักษามักมาจาก การเกิดขี้แมลงวันนั้นอยู่ใน ตำแหน่งที่ทำให้สูญเสียความมั่นใจได้ หรืออยู่ในจุดตามความเชื่อที่ไม่ดี ซึ่งสามารถรักษาได้ทั้งทางการแพทย์และรักษาได้ด้วยตัวเอง
1. กำจัดขี้แมลงวันด้วยเลเซอร์ CO2 Laser
Co2 Laser เป็นเครื่องเลเซอร์ที่เป็นการนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มาเป็นตัวกลางในการทำให้เกิดแสงเลเซอร์ โดยลำแสงจากเลเซอร์จะมีขนาดจิ๋วที่มีระบบ Scanner จึงสามารถทำให้มีความแม่นยำสูงด้วยความยาวคลื่น 10,600 nm ทำให้การปล่อยพลังงานลงไปได้ในจุดที่ลึกถึงระดับที่ต้องการ มี คุณสมบัติพิเศษด้วยดูดซับโมเลกุล ของน้ำที่อยู่ในเซลล์ และเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน ที่สามารถทำลายเนื้อเยื่อที่ผิดปกติโดยไม่ทำให้เลือดออก
2. ลบขี้แมลงวันด้วยไฟฟ้า (Electrosurgery)
เป็นการปล่อยกระแสไฟฟ้าไปกระตุ้นบริเวณขี้แมลงวัน โดยความร้อนที่ใช้จะสามารถทำลายเนื้อเยื่อในส่วนต่างๆได้ เพื่อให้ผิวบริเวณที่เป็นขี้แมลงวัน กลับไปมีสภาพที่คล้ายกับผิวเดิมได้มากที่สุด แต่วิธีนี้หากเกิดสะเก็ดหลังทำ ต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้น และงดสัมผัสแสงแดดโดยตรง
3. ลบขี้แมลงวันด้วยความเย็น (Liquid Nitrogen)
การใช้ Cryotherapy หรือ การจี้ด้วยความเย็นที่เป็นของเหลวเย็นจัด อุณหภูมิ -196 องศา ซึ่งเป็นการรักษาโดยใช้ความเย็นจากสาร cryogen ที่มักนิยมใช้ คือ ไนโตรเจนเหลว(Liquid nitrogen) จี้ตรงบริเวณที่เนื้อเยื่อที่ผิดปกติ เช่นการรักษา หูด ไฝ ขี้แมลงวัน เพื่อช่วยทำลายเนื้อเยื่อส่วนนั้นให้หลุดออกไปจากร่างกาย
4. ลบขี้แมลงวันด้วย Pico Laser
Pico Laser คือ เครื่องเลเซอร์ที่เป็นนวัตกรรมตัวใหม่ล่าสุดที่ได้รับการพัฒนานำเทคโนโลยีด้านการรักษาในเรื่องของผิวโดยเฉพาะ ซึ่งตัวเทคโนโลยีตัวใหม่นี้มีชื่อเรียกว่า Picosecond ซึ่งโดยการทำงานเป็นการเน้นรักษาเม็ดสีใต้ชั้นผิวหนัง (Hyperpigmentation) ให้ได้มากที่สุด ที่สามารถช่วยรักษาได้ทั้ง ฝ้า กระ จุดด่างดำ หลุมสิว แม้กระทั่งลบรอยสัก หรือขี้แมลงวันได้ ตัวเครื่องจะปล่อยพลังงานในระดับความถี่ Picosecond ที่มีความเร็วกว่า 1 ต่อล้านล้านวินาที จึงยิงได้อย่างแม่นยำจึงสามารถรักษาได้อย่างชัดเจน
ซึ่ง PicoWay Laser เป็นอีกหนึ่งความสามารถของเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นแสงของเลเซอร์ที่สั้นที่สุด และมีในหน่วย Picosecond (หนึ่งในล้านล้านส่วนของหนึ่งวินาที) ด้วยใช้คลื่นความถี่สูงในช่วงระยะเวลาที่สั้นมากๆ แถมยังมีความยาวคลื่นถึง 1,064 nm. ที่สามารถลงลึกถึงผิวชั้นในสุด จึงทำให้เกิดการแตกตัวของเม็ดสีจนเป็นอนุภาคที่มีขนาดเล็กมากกว่าเครื่องเลเซอร์รุ่นเดิม อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ไม่มีการสะสมพลังงานความร้อน จึงไม่รู้สึกเจ็บหรือกระทบผิวรอยข้างเคียงได้ให้ความปลอดภัยสูง ได้มาตรฐาน ให้ผลลัพธ์ที่ดีมากที่สุด
5. ใช้เรตินอยด์ (Retinoid)
การใช้เรตินอยด์ (Retinoid) เป็นสารประกอบอนุพันธ์ของวิตามินเอ ที่สามารถพบได้ตามธรรมชาติ เพื่อนำไปใช้ในการรักษาได้ในโรคหลากหลายชนิด โดยส่วนใหญ่ เรตินอยด์จะออกฤทธิ์ทางชีวภาพโดยการดูดซึมผ่านเยื่อหุ้มเซลล์แล้วไปจับกับตัวรับ RAR และ RXR ซึ่งอาจทำให้ผิวหนังตรงบริเวณนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงของเม็ดสีได้ แต่บางรายอาจเกิดการระคายเคืองส่งผลให้เกิดการติดเชื้อตามมาได้ จึงควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์จะดีที่สุด
6. ใช้น้ำมะนาว
การแต้มด้วยใช้น้ำมะนาว ที่มีกรดเป็นวิตามินซีเข้มข้น เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้ได้เร็วที่สุดเพื่อช่วยให้ได้ผิวหนังใหม่ที่กระจ่างใสขึ้นกว่าเดิมแต่วิธีนี้จึงไม่เหมาะกับการใช้บนใบหน้า หากใช้แต้มขี้แมลงวัน ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เกิน 20 นาที ควรทำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง เพื่อช่วยให้ขี้แมลงวันดูจางลง แต่เป็นวิธีที่ต้องทำอยู่สม่ำเสมอจึงจะเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน แต่ยังไม่มีผลการวิจัยที่แน่ชัดออกมารองรับว่าจะเห็นผลจริง
7. ใช้ปูนแดง
การใช้ปูนแดงเพื่อพอกทิ้งไว้ตรงขี้แมลงวันเป็นวิธีที่อาจจะทำให้แสบร้อนผิวตรงบริเวณนั้นได้เล็กน้อย สำหรับใครหลายๆคนที่ใช้ปูนแดงแล้วได้ผลก็สามารถทำต่อได้ แต่สำหรับบางคนอาจเกิดผื่นแดง ตุ่มน้ำใส ระคายเคือง หรือเกิดแผลขึ้นที่ผิวหนัง ให้หยุดการรักษาขี้แมลงวันด้วยวิธีนี้ เนื่องจากอาจส่งผลให้เกิดแผลเป็นได้ในอนาคต
8. ใช้สารไฮโดรควิโนน (Hydroquinone)
การใช้ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone)เป็นตัวยาชนิดแบบทาผิวหนังที่สามารถช่วยยับยั้งกระบวนการเปลี่ยนแปลงของสีผิวได้ โดยการนำมาใช้เพื่อรักษาภาวะผิวหนังที่มีการสร้างเม็ดสีที่ผิดปกติมากจนเกินไปจึงทำให้เกิดรอยดำ ฝ้า หรือกระ รวมถึงขี้แมลงวันได้ แต่ตัวยาชนิดนี้อาจทำให้บาดเจ็บที่ผิวหนัง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อใช้การรักษาโรคตามดุลยพินิจของแพทย์
9. ใช้แอปเปิลไซเดอร์
การดื่มน้ำส้มสายชูแบบแอปเปิ้ลไซเดอร์ ซึ่งเป็นน้ำส้มสายชูที่มีสารต้านอนุมูลอิสระและยังช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว รวมถึงการช่วยรักษาแผลเป็นให้ดูจางได้อย่างรวดเร็ว จึงมีประโยชน์ต่อการกำจัดขี้แมลงวันได้ (เป็นความเชื่อส่วนบุคคลเท่านั้น) และที่สำคัญยังไม่มีผู้เชี่ยวชาญใดออกมายืนยันว่า วิธีนี้จะสามารถเห็นผลได้จริง
การดูแลตัวเองระหว่างรักษาขี้แมลงวัน?
- หลังการรักษาขี้แมลงวันด้วยการทำเลเซอร์ ห้ามผิวโดนน้ำในช่วง 24 ชม. แรก
- หลัง 24 ชม.แรก ให้แกะลาสเตอร์ออก (สามารถโดนน้ำได้ปกติ)
- ควรล้างทำความสะอาดผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนสูง หรือน้ำเปล่า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระคายเคือง
- หลังจากที่ผิวโดนน้ำควรซับให้แห้งไม่ปล่อยให้แผลเกิดการอับชื้น
- หากเริ่มมีสะเก็ด ห้ามแกะ เกา กด จับใดๆตรงบริเวณแผลเด็ดขาด
- แนะนำให้ทายาหรือใช้น้ำมัน (Oil) ตามที่แพทย์สั่ง
- หลีกเลี่ยงไม่ให้ผิวในบริเวณที่ทำเลเซอร์สำผัสกับแสงแดดโดยตรง หรือหามีความจำเป็นต้อง เผชิญกับแสงแดดควรหาวิธีป้องกันให้ได้มากที่สุด เช่นการทาครีมกันแดดที่มี SPF 30 PA+++ ขึ้นไป
- หากมีความผิดปกติเช่น มีรอยแดงช้ำมาก ผิวมีการยุบตัว สีผิวคล้ำลง หรือมีอาการปวดบวมไม่หาย ควรรีบไปปรึกษาแพทย์โดยด่วน
ขี้แมลงวัน อันตรายต่อสุขภาพผิวหนังหรือไม่?
โดยตามปกติทั่วไป ขี้แมลงวันจะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพผิวหนังโดยตรง แต่อาจทำให้รู้สึกไม่สะอาดหรือไม่สบายใจ แต่หากปล่อยทิ้งไว้ก็มีโอกาสที่ขี้แมลงวันจะพัฒนาไปเป็นมะเร็งผิวหนังที่เรียกว่า เมลาโนมา (Melanoma) ได้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโรคมะเร็งชนิดที่รุนแรง และสามารถแพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ บนร่างกายได้ เช่น จมูก ลำคอ ต่อมน้ำเหลือง
ขี้แมลงวันแบบไหน ที่ควรพบแพทย์?
ขี้แมลงวันที่มีรูปร่างคล้ายกับอาการของโรคมะเร็งผิวหนังเมลาโนมา (Melanoma) ซึ่งหากสังเกตเห็นว่ามีขี้แมลงวันขึ้นใหม่ หรือมีปริมาณมากขึ้นกว่าเดิมรวมถึงมีลักษณะผิดปกติออกไป ควรรีบไปพบคุณหมอเพื่อเข้ารับการตรวจและวินิจฉัย เพราะอาจสงสัยว่าเป็นอาการของโรคมะเร็งผิวหนังได้ ซึ่งแพทย์จะทำการใช้รังสีอัลตราไวโอเล็ตเพื่อช่วยยับยั้งให้รอยโรคอ่อนลงได้
สรุป
ขี้แมลงวันที่เกิดจากเซลล์เม็ดสีทำงานผิดปกติจึงกลายเป็นตุ่มนูนเล็ก ๆ ได้บนผิวหนัง มักมีสีดำหรือน้ำตาล เป็นวงกลมหรือเป็นวงรี โดยขี้แมลงวันส่วนใหญ่แล้วจะไม่มีเป็นอันตราย แต่อย่างไรก็ตามในบางกรณีที่เกิดขี้แมลงวันตามจุดที่ไม่เหมาะสมก็สามารถเข้ารับการรักษาโดยการใช้การยิงลำแสงจาก Picoway เลเซอร์ เพื่อช่วยกำจัดขี้แมลงวันให้ออกไปได้แบบถาวรค่ะ
ข้อมูลอ้างอิง
- ไฝ..แบบไหนถึงน่ากลัวจะเป็นมะเร็ง (8 ตุลาคม 2553) https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=217
- ขี้แมลงวันเกิดจากอะไร เป็นอันตรายต่อสุขภาพผิวหนังหรือไม่ (18 กรกฎาคม 2022) https://hellokhunmor.com/สุขภาพผิว/ขี้แมลงวันเกิดจากอะไร/
- Skin melanocytes: biology and development (20 Feb 2013) https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3834696/