แนะนำ 14 วิธีลดเหนียงใต้คาง แบบเร่งด่วนภายใน 1 อาทิตย์ วิธีไหนได้ผลที่สุด

วิธีลดเหนียง

ใครที่มีปัญหากรามใหญ่ หน้ากลม แก้มเยอะ แต่อยากมีใบหน้าที่เรียวเป็นวีเชฟโดยไม่ต้องผ่าตัด หรือมีงบประมาณค่อนข้างจำกัด แต่อยากได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน มีความปลอดภัย วันนี้เรามีวิธีการปรับรูปหน้าลดเหนียงฉบับเห็นผลไวจากผู้เชี่ยวชาญมาแนะนำ ซึ่งจะมีอะไรบ้าง แต่ละวิธีเหมาะกับรูปหน้าแบบไหน ติดตามข้อมูลเชิงลึกได้จากบทความนี้ค่ะ

เหนียงคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร

เหนียงใต้คาง คางสองชั้น

เหนียง หรือ คางสองชั้น (Double Chin) คือเนื้อที่ห้อยอยู่ใต้คาง ซึ่งเกิดจากการสะสมของไขมันที่อยู่ใต้บริเวณคาง การหย่อนคล้อยของผิวหนังจากการมีอายุมากขึ้น ซึ่งจะทำให้คอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิวหนังเสื่อมสภาพ การมีน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น และขาดการดูแลตัวเอง ไม่ออกกำลังกาย ไม่ปรับวิธีการรับประทานอาหาร รวมไปถึงพฤติกรรมในการ การนอนเล่นโทรศัพท์มือถือที่ต้องอาศัยการกดหน้าลงอยู่เป็นประจำ จึงส่งผลให้เกิดเป็นรอยพับใต้เนื้อคาง จนทำให้เกิดเหนียงโดยไม่รู้ตัวนั่นเอง

วิธีลดเหนียงเร่งด่วน แต่ละวิธีเห็นผลต่างกันอย่างไร

วิธีลดเหนียง-แบบเร่งด่วน

ฉีดเมโสแฟตลดเหนียงใต้คาง

ฉีดเมโสแฟตลดเหนียงใต้คาง

(Meso Fat) เป็นตัวยาเพื่อช่วยลดไขมันส่วนเกินช่วยกระชับสัดส่วนได้ดี ที่มีคุณสมบัติช่วยเร่งการเผาผลาญไขมัน ช่วยลดกระบวนการเกิดเซลล์ไขมันใหม่ ช่วยเสริมโครงสร้างผิวให้มีความกระชับขึ้น ทำให้ไขมันใต้ผิวมีขนาดลดลง หลังการฉีดแฟตเหนียงจะทำให้ผิวดูเรียวกระชับ โดยจะเริ่มเห็นประมาณ 7-14 วัน และจะเห็นผลแบบชัดเจนใน 1 เดือน มีราคาในการฉีดอยู่ที่เข็มละ 1,500 บาทเท่านั้น

ฉีดฟิลเลอร์กรอบหน้าเหนียง

เป็นการเติมเต็มสารประเภท ( Hyaluronic Acid (HA) เพื่อเข้าไปแก้ปัญหาส่วนล่างของใบหน้า (Lower Face) ที่มีความหย่อนคล้อย ทำให้ผิวบริเวณกรอบหน้าและคอมากองรวมกันดูเหมือนคนมีเหนียง เพื่อปรับให้กรอบหน้ามีความกระชับ มีความคงตัว ได้รูปขึ้น ทำให้ใบหน้ามีความสมมาตรของแนวกรามสองข้างเท่ากัน เพื่อให้ใบหน้าดูมีมิติ วีเชฟ ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์กรอบหน้านี้แพทย์จะเริ่มฉีดบริเวณ Jaw Line Filler เป็นหลัก ทำให้เห็นผลลัพธ์ทันที่หลังทำ มีราคาเริ่มต้นที่ 10,662 บาท

ฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้าเหนียง

โบท็อกลิฟกรอบหน้า

การฉีดโบท็อกลดเหนียง หรือ Botox Nefertiti lift เป็นการฉีดสาร Botulinum toxin เข้าสู่บริเวณใต้คางเพื่อคลายกล้ามเนื้อส่วนคอไม่ให้ดึงรั้งผิวหนังลงมากองที่ใต้คาง ซึ่งหลังการฉีดจะทำให้เห็นกรอบหน้าที่ชัดเจนขึ้น โครงหน้าดูคมชัดขึ้น ซึ่งมีระยะการเห็นผลอยู่ที่ประมาณ 1-2 สัปดาห์ และเห็นผลที่ชัดเจนประมาณ 1 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพของกล้ามเนื้อและการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคนร่วมด้วย มีราคาเริ่มต้น 5,696 บาท

CoolSculpting สลายไขมันเหนียง

เป็นเทคโนโลยี CoolSculpting คือเทคโนโลยีการสลายไขมันโดยใช้ความเย็น ด้วยกระบวนการไครโอไลโปไลซิส (Cryolipolysis) ที่ใช้ความเย็นเข้าไปดึงอุณหภูมิความร้อนออกจากชั้นผิว ด้วยอุณหภูมิความเย็น -11°C เพื่อช่วยให้อุณหภูมิความเย็นแทรกลงไปแทนที่ เพื่อปรับเปลี่ยนสภาพเซลล์ไขมันให้กลายเป็นผลึกน้ำแข็ง และสลายตัวลงไปตามระบบกลไกของร่างกายตามธรรมชาติ เห็นผลการเปลี่ยนแปลงว่าไขมันลดลงได้ 25% ต่อการทำ 1 ครั้ง และเห็นผลที่ชัดเจนใน 3 -4 สัปดาห์หลังการทำ ราคาเริ่มต้น 8,500 บาท

การดูดไขมันเหนียง

การดูดไขมัน (Liposuction) เป็นการแก้ไขปัญหาไขมันใต้คาง โดยการใช้เครื่องดูดไขมันที่มีลักษณะคล้ายกับตัวท่อยาวๆสอดใส่เข้าไปใต้ผิวหนัง ผ่านแผลเล็กๆ เพื่อช่วยดูดไขมันส่วนเกินออกอย่างถาวร แต่การดูดไขมันที่เหนียงซึ่งเป็บบริเวณเล็กๆอาจเสี่ยงในการเสียเลือดมาก ทำให้ต้องใช้ศัลยแพทย์ที่มีความชำนาญสูงเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ดี โดยหลังการดูดไขมันจะเห็นผลลัพธ์ได้ทันดี และเข้าที่ชัดเจนประมาณ 1 เดือน มีค่าใช้จ่ายประมาณ 35,000 บาท

การผ่าตัดยกกระชับผิวหนังบริเวณใต้คาง

เป็นการทำศัลยกรรมอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยยกกระชับกล้ามเนื้อและลดไขมันใต้ผิวหนัง SMAS โดยศัลยแพทย์จะทำการจะผ่าตัดเลาะเนื้อผิวลงไปยังชั้นเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อส่วนบน แล้วปรับดึงผิวให้ตึง เพื่อให้กลับไปยังตำแหน่งเดิม และตัดผิวหนังส่วนเกินออกเพื่อให้ใบหน้าดูกระชับเรียบเนียนขึ้น ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ ให้ช่วยลดริ้วรอย ลดความหย่อนคล้อยของใบหน้า สามารถเห็นผลได้ทันที แต่หลังการผ่าตัดอาจมีอาการบวมช้ำซึ่งต้องใช้เวลาเข้าที่ประมาณ 1-3 เดือน ซึ่งการผ่าตัดจะมีราคาประมาณ 120,000 บาท

ร้อยไหมหน้าเรียว

การร้อยไหม (Thread lift) เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมเพื่อช่วยยกกระชับไขมัน ลดเหนียง ลดความหย่อนคล้อยให้ผิวดูตึงกระชับขึ้น โดยใช้ไหมละลายร้อยเข้าไปใต้ผิวหนังแทนการผ่าตัด ซึ่งไหมละลายที่ใช้จะเป็นไหมชนิดพิเศษที่มีลักษณะเป็นเงี่ยง ซึ่งมีคุณสมบัติในการเกี่ยวเนื้อเยื่อใต้ผิว เพื่อกระตุ้นเซลล์การสร้างเส้นใยคอลลาเจน และอีลาสตินทำให้ดูเต่งตึงยกกระชับขึ้น ซึ่งจะเห็นผลการยกกระชับได้ทันที และเห็นผลที่ชัดเจนใน 1 เดือน ราคาเริ่มต้น 5,696 บาท

Ulthera ยกกระชับลดเหนียงใต้คาง

การยกกระชับใบหน้าด้วย Ulthera (อัลเทอร่า) เป็นเครื่องที่ปล่อยพลังงานอัลตราวซาวด์คลื่นเสียงความถี่สูง และมีความเฉพาะเจาะจง (Focused Ultrasound) ลงลึกถึงใต้ผิวหนังเพื่อให้เกิดความร้อน 60-70 องศา ด้วคลื่นพลังงานที่มีขนาดเพียง 1 มิลลิเมตร มีลักษณะเป็นจุดไข่ปลาเล็ก ๆ เรียงกันเป็นเส้นตรงใต้ผิว เพื่อช่วยรักษาปัญหาผิวที่มีความหย่อนคล้อย ที่ใต้ชั้นผิว SMAS ซึ่งเป็นชั้นผิวเดียวกันกับที่แพทย์ผ่าตัดศัลยกรรมดึงใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยมีความลึกถึง 3 ระดับ ได้แก่หัว 1.5 mm, หัว 3.0 mm, หัว 4.5 mm ซึ่งต้องใช้เวลา 2-3 เดือน ถึงจะเริ่มเห็นผลลัพท์ที่ชัดเจน มีค่าใช้จ่ายเริ่มต้น 19,999 บาท

Thermage ยกกระชับกรอบหน้า

เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีการยกกระชับ Thermage คือการลดเหนียงด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง (High Radio Frequency) ด้วยเครื่องมือยกกระชับผิวโดยการใช้พลังงานความร้อนแบบ Column จากคลื่นวิทยุชนิดขั้วเดียว (Monopolar) เพื่อทำให้เนื้อเยื่อใต้ผิวเกิดการหดตัว จึงทำให้ไขมันส่วนเกินกลายเป็นของเหลว และทำให้ผิวหย่อนขาดความกระชับดูตึงขึ้น ส่งผลให้เห็นกรอบหน้าชัดเจน เห็นผลลัพธ์หลังการทำตั้งแต่ครั้งแรก และเห็นผลที่ชัดเจนภายในระยะเวลา 3-6 เดือน มีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ 30,000 บาท (ขึ้นอยู่กับจำนวนช๊อตที่ใช้)

Hifu ยกกระชับไขมันใต้คอ

Hifu หรือ High Intensity Focus Ultrasound เป็นเครื่องมือยกกระชับผิว ช่วยคืนความสดใส เพิ่มความกระชับ ลดสัดส่วนไขมันส่วนเกินให้กับผิวด้วยคลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง โดยการส่งผ่านพลังงานเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อในชั้นผิวระดับลึกถึงชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนในทุกชั้นของผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น ริ้วรอยเล็กๆจางหายไป และทำให้ไขมันใต้คอหายไป จนเห็นกรอบหน้าที่ขัดขึ้น ซึ่งจะเริ่มเห็นผลชัดเจนใน 2 เดือน และคงสภาพอยู่ได้ประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี มีค่าหัตถการเริ่มต้นที่ 9,900 บาท (ขึ้นอยู่กับจำนวน Line ที่ใช้)

เคี้ยวหมากฝรั่ง

เพราะการเคี้ยวหมากฝรั่งจะทำให้เกิดการบริหารกล้ามเนื้อบริเวณกรามและใต้คาง โดยควรเคี้ยวติดต่อกัน ประมาณ 30 ครั้ง แล้วหยุดพักบ้าง 10 วินาที ทำอย่างนี้วนๆซ้ำๆเรื่อย ๆ อาจจะทำให้ได้ผลลัพธ์เหนียงที่ลดลง แต่อาจจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่งจึงจะเริ่มเห็นผล

การควบคุมอาหาร

การควบคุมอาหารนับจึงวิธีที่สามารถช่วยลดเหนียงได้เป็นอย่างดี โดยการควบคุมแคลอรี่ และเลือกรับประทานอาหารที่ไม่มีไขมัน น้ำตาลน้อย และหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์จากแป้งขาว ควรรับประทานธัญพืชแทนมากขึ้นที่ไม่ผ่านการขัดสี หลีกเลี่ยงอาหารประเภทของทอด มัน ปิ๊งย่าง ให้น้อยลง เพื่อไม่ทำให้เกิดการสะสมไขมัน

การออกกำลังกายบริหารหน้าลดเหนียง

ท่าบริหารลดเหนียง

การออกกำลังเฉพาะส่วนของใบหน้า ด้วยท่าบริหารใบหน้าที่จะลดเหนียง และทำให้ใบหน้าดูกระชับขึ้น ด้วย 5 ท่าบริหารดังนี้

  • Air Kiss (ท่าจูบอากาศ)
    จูบอากาศ เริ่มจากการเงยหน้าขึ้นฟ้าและทำปากจู๋ค้างไว้ให้นานที่สุดหรือ นับ 1 – 5 และกลับมามองตรง จากนั้นให้ทำท่านี้วนซ้ำ 15 ครั้ง ก็สามารถช่วยลดเหนียงได้
  • ท่าดันกราม
    ดันกราม เริ่มจากการเงยหน้าขึ้นฟ้าและ พยายามดันกรามออกไปข้างหน้าให้ได้มากที่สุด และค้างไว้ 10 วินาที หลังจากนั้นก็กลับมามองตรง ควรทำซ้ำทุกๆ 10 ครั้ง แบบนี้ไปเรื่อยก็ทำให้เหนียงลดลงได้
  • ท่าหมุนคอติดอก
    เริ่มจากการก้มหน้าให้คางชิดกับคอจากนั้นก็ หมุนไปทางซ้าย นับ 1 – 5 และหมุนไปทางขวานับ 1 – 5 ทำแบบนี้ซ้ำสลับกันไปมา ข้าง 30 ครั้ง ก็ช่วยให้เหนียงหายไปได้เอง
  • ท่าตบใต้คาง
    เริ่มจากการมองหน้าตรง และใช้มือข้างใดข้างหนึ่งตบไปตรงบริเวณใต้คาง โดยใช้หลังมือตบ ไม่ต้องออแรงมากเกินไป หรือเบาจนเกินไป ควรทำซ้ำ 30 ครั้ง เหนียงก็จะเริ่มหายไปเอง
  • ท่าแลบลิ้น
    ท่านี้จะช่วยให้เกร็งกล้ามเนื้อบริเวณคอมากที่สุดและช่วยลดไขมันส่วนเกินได้ดี วิธีฝึก คือควรมองตรงไปด้านหน้าแล้วอ้าปากกว้างให้ได้มากสุด จากนั้นก็แลบลิ้นออกมาให้ยาวที่สุด และพยายามยืดลิ้นลงไปแตะคางให้ได้ ท่านี้ควรค้างไว้ประมาณ 5 วินาทีแล้วค่อยเก็บลิ้นกลับมาในที่เดิม ควรทำอยู่เสมอ เพื่อผลลัพธ์ที่ดี

ลดเหนียงภายใน 7 วัน สามารถทำได้จริงไหม

วิธีลดเหนียงภายใน 7 วันสามารถ ทำได้จริง ด้วยการใช้เทคนิคทางการแพทย์ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ซึ่งวิธีการลดเหนียงแบบเร่งด่วนที่แพทย์มักจะแนะนำได้แก่

  • การโบท็อกเหนียง ซึ่งจะเริ่มเห็นผลภายใน 7 วันวัน และเห็นผลที่ชัดเจนใน 2-4 สัปดาห์ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 4-6 เดือน
  • การฉีดเมโสแฟตเหนียง สามารถเห็นผลใน 7-14 วัน โดยไขมันจะลดลง 10-15% และเห็นผลเต็มทีใน 1 เดือน ผลลัพธ์ที่ได้จะอยู่ได้นาน 2-3 เดือน
  • Hifu เหนียง เห็นผลอย่างน้อย 20% หลังทำหัตถการทันทีหลัง และเห็นผลเต็มที่ใน 2-3 เดือน สามารถคงสภาพผลลัพธ์อยู่ได้นาน 5-6 เดือน
    สำหรับคนที่อยากเห็นผลลัพธ์เร่งด่วนสามารถปรึกษาแพทย์เพื่อให้การลดเหนียงที่มากกว่า 1 วิธีได้ เพื่อให้เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วขึ้น โดยแพทย์จะทำการพิจรณาตามความเหมาะสม

ลดเหนียง ไม่ได้ผล เป็นเพราะอะไร ?

สำหรับใครที่ทดลองลดเหนียงมาทุกวิถีทางแล้วแต่ยังไม่เห็นผล นั่นอาจจะเป็นเพราะการลดเหนียงที่ไม่ถูกวิธี เลือกการลดเหนียงที่ไม่เหมาะสมกับปริมาณไขมันที่มี หรือขาดความสม่ำเสมอ ดังนั้นหากอยากได้ผลลัพธ์ที่ดีจึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้รับการรักษาที่ตรงจุด และมีการปฏิบัติจัวตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด รวมถึงมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารและการออกกำลังกายร่วมด้วย

ข้อควรระวังในการลดเหนียงมีอะไรบ้าง

ก่อนตัดสินใจลดเหนียงเพื่อที่จะได้หลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่างๆ ผู้เข้าใช้บริการจึงจำเป็นต้องทราบถึงข้อควรละวังดังต่อไปนี้

  • ใช้ตัวยาที่ไม่มีคุณภาพ (ยาปลอม)
    ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าตัวยาเมโสแฟตนั้นมีขายในราคาถูกตามอินเตอร์ ทำให้มีบางคนหลงเชื่อซื้อมาฉีด ซึ่งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง และส่งผลที่เป็นอันตรายกับผิวได้ เช่นเกิดการอักเสบติดเชื้อหรือเกิดผลข้างเคียง
    เนื่องจากเป็นตัวยาที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งตัวยาเมโสแฟตที่ได้มาตรฐาน ผ่านอย.จะมีเฉพาะแพทย์เท่านั้นที่สามารถสั่งซื้อได้
  • ใช้เครื่องมือที่ไม่ได้มาตรฐาน
    เนื่องจากบริเวณเหนียงใต้คาง เป็นบริเวณที่ผิวมีความบอบบาง ดังนั้นการใช้เครื่องมือที่ส่งพลังงานความร้อนลงชั้นผิวที่ให้พลังงานไม่เสถียร อาจทำให้ผิวไหม้ เกิดรอยแผลได้ ดังนั้นก่อนทำจึงต้องมีการตรวจสอบก่อนว่าเครื่องมือนั้นเป็นเครื่องแท้ที่ได้มาตรฐานหรือไม่
  • เลือกวิธีที่ไม่เหมาะสม
    บางคลินิกมีการใช้วิธีการลดเหนียงที่ไม่เหมาะสม อย่างเช่น ร้อยไหมเพื่อเก็บเหนียง ซึ่งถือเป็นใช่ที่ไม่สามารถแก้ปัญหาที่ตรงจุด เพราะไม่ใช้การกำจัดไขมันจึงทำให้เหนียไม่หายไป นอกจากนี้ยังจะทำให้บริเวณเหนียงมีเนื้อเพิ่มขึ้นจากการที่ผิวเพิ่มคอลลาเจน (Collagen) ขึ้นมาใหม่อีกด้วย

เลือกคลินิกลดเหนียงใต้คางที่ไหนดี

การเลือกคลินิกเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของการลดเหนียงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ดังนั้นก่อนการตัดสินใจจึงควรพิจารณาถึงสิ่งต่างๆดังต่อไปนี้

  • เลือกคลินิกที่ใช้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ ผ่านการนำเข้าอย่างถูกต้องและได้รับรองความปลอดภัยจาก FDA. และ อย. ไทย เพื่อตัวของคนไข้เอง
  • เลือกคลินิกที่เปิดให้บริการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีหลายสาขาให้เลือกใช้บริการได้ตามความสะดวกของลูกค้า
  • เลือกคลินิกที่ให้บริการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ สามารถประเมินและแก้ไขปัญหาให้กับคนไข้ได้อย่างตรงจุด
  • เลือกคลินิกที่มีความใส่ใจในเรื่องของความสะอาดทุกขั้นตอน เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
  • เลือกคลินิกที่มีการดูแลหลังบริการ เพราะหลังการทำหัตถการคนไข้บางรายอาจเกิดความวิตกกังวลมากกว่าปกติ การติดตามอาการจะช่วยทำให้คนไข้คลายความกังวล และสามารถช่วยเหลือได้ทันทีหากมีความผิดปกติจากการรักษา

สรุป

อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเลือกทำหัตถการชนิดไหน การทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เลือกวิธีที่เหมาะสม และใช้เครื่องมือที่ได้มาตรฐานรับรองได้เลยว่าคุณจะได้เห็นผลของการเปลี่ยนแปลงที่ปลอดภัยและชัดเจน แต่อย่างไรก็ตาม การดูแลตัวเองและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ก็จะทำให้ผลลัพธ์ที่ได้อยู่ได้นานยิ่งขึ้น

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง