รวมวิธีลดริ้วรอย ที่เห็นผลปลอดภัยแบบธรรมชาติ แต่ละวิธีเหมาะกับใครบ้าง

ลดริ้วรอยใบหน้า ด้วยวิธีไหนดี

ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า เป็นปัญหาที่กวนใจมากๆ โดยเฉพาะผู้ที่มาอายุ 25 ปีขึ้นไป ผิวค่อยๆ สูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน เป็นผลให้ผิวขาดความชุ่มชื้น ผิวเริ่มแห้งได้ง่าย ริ้วรอยจากการที่ผิวขาดความยืดหยุ่นก็ค่อยๆ ตามมา ดังนั้นแล้วหากสำรวจใบหน้าตัวเองแล้วพบว่า บริเวณหางตา ขมับ เวลายิ้มเกิดริ้วรอย และมุมปากเห็นร่องน้ำหมากชัดขึ้น จะดีกว่าไหม ถ้าบทความนี้จะช่วยหาวิธีลดริ้วรอย ว่ามีกี่วิธี และแบบไหนเห็นผลไว เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของการแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดมากที่สุด

สารบัญลดริ้วรอย

ริ้วรอย คืออะไร?

ริ้วรอย เป็นผลลัพธ์ของผิวหนังที่ขาดความชุ่มชื้น ผิวค่อยๆ เริ่มแห้งกร้าน โดยผลลัพธ์จะเกิดเป็นรอยขีดตื้นๆ ไปจนถึงริ้วรอยลึก เห็นได้ชัดเจน และจะค่อยๆ เกิดเป็นรอยย่น ผิวหย่อนคล้อยในที่สุด

ริ้วรอยบนใบหน้า เกิดจากสาเหตุใด?

ริ้วรอยเกิดจากการทำงานของชั้นผิวหนังเสื่อมโทรม การทำงานเซลล์ผิวทำงานช้าลง เซลล์ผิวอ่อนแอลงจากการสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน โดยมีปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดริ้วรอยดังนี้

ปัจจัยที่ทำให้เกิดริ้วรอย
  • อายุที่มากขึ้น
    เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจน อีลาสติน และกรดไฮยาลูรอน ที่เป็นสารสำคัญต่อการปรับสมดุลโครงสร้างผิว และช่วยให้ผิวชุ่มชื้น เต่งตึง ได้น้อยลง เป็นผลให้เซลล์ผิวหนังอุ้มน้ำได้น้อยลง ผิวเริ่มค่อยๆ แห้งกร้าน เกิดริ้วรอย และหย่อนคล้อย อันเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้อายุ 25 ปีขึ้นไป
  • ผิวหนังบริเวณนั้นๆ เกิดการขยับบ่อย เป็นระยะเวลานาน
    ผิวหนังที่เกิดริ้วรอยได้ง่าย ก็คือผิวหนังบนใบหน้า ซึ่งริ้วรอยจึงเกิดได้ง่าย และค่อนข้างกระจายตัวได้ทั่วทุกบริเวณผิวหน้า เพราะเกิดจากการแสดงอารมณ์บนใบหน้า การขมวดคิ้ว การยิ้ม การกะพริบตา การขยับปากพูด ล้วนแล้วก่อให้เกิดริ้วรอยตามมาได้
  • แสงแดด
    แสงแดด แสงยูวี (UV) หรือแสงไฟต่างๆ ก็ถือว่าเป็นอีกปัจจัยที่จะผ่านทะลุเข้าไปยังชั้นผิวเพื่อไปทำลายความยืดหยุ่นของเซลล์ผิวทำให้เซลล์ผิวเกิดการเสื่อมโทรมจนนำไปสู่การเกิดริ้วรอยได้ นอกจากนั้นตัวแสงยังสามารถทำให้ผิวเกิดความแห้งกร้านได้อีกด้วย
  • พันธุกรรม
    แน่นอนว่าลักษณะโครงสร้างของผิวเราได้มีการส่งต่อกันผ่านทางพันธุกรรม จึงทำให้เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้หลายๆ คนเกิดปัญหาริ้วรอยได้ไวกว่าคนทั่วไป
  • ความเครียด
    เมื่อเรามีสภาพจิตใจที่เครียด ร่างกายของเราจะทำการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ออกมาซึ่งตัวฮอร์โมนดังกล่าวจะไปยับยั้งการสร้างโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ในร่างกายจนทำให้เกิดสภาพผิวแห้งกร้าน เกิดปัญหาริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย และนอกจากนั้นยังไปกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานินส่งผลทำให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำและผิวหมองโทรมได้อีกด้วย
  • สภาพผิวที่แห้ง
    คนที่มีสภาพผิวที่แห้งนั้นจะมีโอกาสเกิดริ้วรอยได้ไวกว่าคนผิวมัน ดังนั้นจึงควรมีการดูแลและบำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว เพื่อให้โครงสร้างผิวมีความยืดหยุ่นและช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยได้
  • การพักผ่อนไม่เพียงพอ
    การนอนน้อยเองก็เป็นปัจจัยสำคัญอย่างมาก ที่นอกจากจะทำให้ร่างกายเสื่อมโทรมแล้วยังส่งผลทำให้ผิวเกิดการเสื่อมโทรมได้ง่ายมากๆ เนื่องจากช่วงเวลานอนหลับเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายเราจะทำการซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ต่างๆ รวมไปถึงเซลล์ผิวจึงทำให้คนที่พักผ่อนไม่เพียงพอมักเจอปัญหาผิวมีริ้วรอย ผิวแก่กว่าวัย ผิวหย่อนคล้อยและผิวโทรมได้
  • การสูบบุหรี่และการดื่มเหล้า
    ในตัวบุหรี่จะมีสารนิโคตินที่จะเข้าไปทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวให้เกิดการเสื่อมตัวลง ส่งผลทำให้เกิดปัญหาผิวริ้วรอย ร่องลึกขึ้นได้
    นอกจากนั้นทุกครั้งที่มีการดื่มแอลกอฮอล์ร่างกายจะต้องทำการเผาผลาญแอลกอฮอล์ออกจากตับซึ่งในกระบวนการเผาผลาญนั้นจะมีการสารแอสซิเทลดิไฮด์ (Acetaldehyde) ที่จะเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย และยังทำให้ร่างกายเกิดการสูญเสียน้ำส่งผลทำให้เกิดผิวแห้งจนนำไปสู่การเกิดริ้วรอยในที่สุด

ริ้วรอยมีทั้งหมดกี่ประเภท

  1. ริ้วรอยแบบตื้น
    มีสาเหตุการเกิดมาจากการที่ผิวชั้นนอกขาดความชุ่มชื้น จากสภาพผิวแห้ง หรือการอยู่ในที่อากาศเย็นจนทำให้ผิวแห้ง จึงส่งผลทำให้ผิวหนังเกิดเป็นรอยย่นเล็กๆ ขึ้น
  2. ริ้วรอยแบบลึก
    มีสาเหตุมาจากการหดตัวของกล้ามเนื้อ ส่งผลทำให้ผิวหนังชั้นหนังแท้และชั้นหนังกำพร้าถูกดึงเข้าหากันจนเกิดเป็นรอยย่นเกิดขึ้น

ตำแหน่งริ้วรอยบนใบหน้า

ตำแหน่งที่มักเกิดริ้วรอยบนใบหน้า

สำหรับริ้วรอยบนใบหน้า สามารถขึ้นกระจายได้ทั่วทั้งใบหน้า แต่จะเห็นชัดมากน้อยแค่ไหน ในแต่ละบริเวณขึ้นอยู่กับปัจจัยดังต่อไปนี้

  • ริ้วรอยใต้ตา
    การเกิดริ้วรอยใต้ตา หรือบริเวณถุงใต้ตามีรอยเหี่ยวย่น เพราะบริเวณนี้เป็นผิวหนังบอบบาง และง่ายต่อการถูกมลภาวะรุมเร้าได้ง่าย เช่น ฝุ่น แสงแดด อากาศเย็น อีกทั้งยังเป็นบริเวณที่ขยับบ่อย จึงง่ายต่อการเกิดริ้วรอย
  • ริ้วรอยรอบดวงตา หรือรอยตีนกา
    ริ้วรอยเกิดขึ้นได้ง่าย เช่นเดียวกับบริเวณใต้ตา โดยเฉพาะบริเวณหางตา ที่เกิดเป็นริ้วรอย หรือที่เรียกว่าตีนกา จะค่อยๆ ชัดขึ้นโดยมีปัจจัยเป็น อายุ และการขยับของบริเวณหางตาบ่อยๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้ เช่น การยิ้ม การกะพริบตา การอ้าปาก ขยับปาก ก็ส่งไปถึงบริเวณหางตาให้เกิดริ้วรอยตื้นๆ และค่อยๆ ลึก ได้ในเวลาต่อมา
  • ริ้วรอย รอยย่นหน้าผาก
    บริเวณหน้าผาก มีสาเหตุที่เกิดริ้วรอยมาจากการแสดงสีหน้าอารมณ์จากการขมวดคิ้ว เบิกตากว้างก็ทำให้ผิวหนังบริเวณหน้าผากเกิดการขยับและเคลื่อนตัว อีกทั้งบริเวณหน้าผากจะเป็นจุดที่อยู่สูงสุดและเจอกับแสง UV ได้บ่อยมากที่สุดอีกด้วย ทั้งนี้ แม้ว่าอายุยังไม่เยอะ ก็อาจเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ โดยเฉพาะในคนที่ไม่ทาครีมกันแดด
  • ริ้วรอยร่องแก้ม
    บริเวณร่องแก้ม เป็นอีกหนึ่งบริเวณใบหน้าที่เกิดริ้วรอยได้มากที่สุด ด้วยปัจจัยของการขยับบ่อย ไปจนถึงอายุที่มากขึ้น ก็ทำให้เกิดริ้วรอยได้ ไม่เพียงเท่านั้น น้ำหนักตัวที่ลดลงอย่างรวดเร็วในบางคนก็ทำให้เกิดริ้วรอยร่องแก้ม จากการที่แก้มหดตัวกะทันหัน แก้มตอบลง ซึ่งริ้วรอยร่องแก้ม ส่วนใหญ่จะเกิดเป็นร่องลึก รอยขีดยาวและเห็นได้ชัดเจน
  • ริ้วรอย รอยย่นระหว่างคิ้ว
    ริ้วรอย และรอยย่นที่เกิดบริเวณระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง เกิดจากการแสดงสีหน้าในชีวิตประจำวัน และในคนที่ชอบขมวดคิ้ว ก็จะทำให้เกิดริ้วรอยไวขึ้น แม้อายุยังน้อย
  • ริ้วรอยบริเวณคอ
    ริ้วรอยที่เกิดขึ้นบริเวณคอ เกิดจากการที่ผิวยืดและขยับบ่อยๆ และเมื่ออายุมากขึ้นผิวบริเวณนี้ก็จะค่อยๆ สูญเสียความยืดหยุ่นและความหนาแน่นของผิว

วิธีลดริ้วรอย บนใบหน้าด้วยตนเอง ง่ายๆ แบบธรรมชาติ

วิธีลดริ้วรอยด้วยตนเอง

นอกจากการเข้ารับหัตถการด้วยเทคนิคแพทย์ เพื่อลดริ้วรอยบนใบหน้าแล้ว ยังมีวิธีลดริ้วรอยได้ด้วยตัวเอง แบบธรรมชาติ ที่ทุกคนสามารถทำได้เองง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน แถมมีค่าใช้จ่ายไม่สูง ประหยัดเงินในกระเป๋าได้สบายๆ ดังนี้

1. ทาครีมหรือเซรั่มลดริ้วรอย

ทาครีมหรือเซรั่มลดริ้วรอย

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลและฟื้นฟูผิวหน้า ไม่ว่าจะเป็นครีม หรือเซรั่ม ที่มีสารสกัดช่วยเรื่องเพิ่มความชุ่มชื้น มี เรตินอล (Retinol),วิตามินซี,เปปไทด์ (Peptide), เอเอชเอ (AHA) และบีเอชเอ (BHA) ก็จะทำให้ผิวหน้าที่มีริ้วรอยดูจางลงได้

การทาครีม หรือเซรั่มลดริ้วรอย เหมาะกับใคร?

  • เหมาะกับผู้ที่มีอายุยังไม่เยอะ หรือประมาณ 20 ปี ก็สามารถใช้ครีม / เซรั่มบำรุงในการลดริ้วรอยได้ เพื่อช่วยให้ผิวทำงานดีขึ้น ชะลอการเกิดริ้วรอยได้ในอนาคต
  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าไม่เยอะ เป็นริ้วรอยเล็กๆ ตื้นๆ
  • เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยบนใบหน้าไม่เยอะ และไม่ต้องรีบหรือเร่งรัดเอาผลลัพธ์ในระยะเวลาอันรวดเร็ว เพราะการใช้ครีมหรือเซรั่ม จะต้องใช้ระยะเวลาในการให้ตัวครีมเข้าไปค่อยๆ ฟื้นฟูชั้นใต้ผิวหนัง ซึ่งอาจใช้ระยะเวลานานเป็นเดือน ถึงจะเห็นผล

ราคาและค่าใช้จ่าย :

  • สำหรับครีม หรือเซรั่มลดริ้วรอยสำหรับผิวหน้า มีตั้งแต่ราคา 500 บาท ไปจนถึงราคา 10,000 บาทเป็นต้นไป ขึ้นอยู่กับแบรนด์ และส่วนผสม

2. นวดหน้ากัวซา

นวดหน้ากัวซา

เป็นเทคนิคการลดริ้วรอยผิวหน้า โดยการใช้ศาสตร์การรักษาโรคของแพทย์แผนจีนเข้ามาช่วย เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ไปพร้อมๆ กับขจัดสารพิษใต้ผิวหนังอีกด้วย

สำหรับหินกัวซาที่ใช้นำมานวดบริเวณผิวหน้า มีด้วยกันหลายแบบ ซึ่งต้องเลือกใช้ให้เหมาะกับโครงผิวของหน้าแต่ละคน ส่วนผลลัพธ์ที่ได้คือ จะช่วยให้หน้าที่หย่อนคล้อยกระชับตึงขึ้น หน้าใสขึ้น และหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นนั่นเอง

การนวดหน้ากัวซาเหมาะกับใคร?

  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการพักผ่อนผิวหน้า หรือรีบูทการทำงานของเซลล์ผิวหน้าให้ฟื้นตัวดีขึ้น
  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้ามีริ้วรอยเล็ก ๆ จากมลภาวะ หรือแสงแดด
  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย
  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ จากการพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าอ่อนแอ จากการโดนมลพิษในชีวิตประจำวัน
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการคืนความสดใสให้กับผิวหน้า
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการมีใบหน้าเลือดฝาดอย่างเป็นธรรมชาติ

3. การใช้แผ่นมาส์กหน้า

แผ่นมาส์กหน้า

ตัวช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้าได้มีประสิทธิภาพมากกว่าครีมบำรุง ก็คือการใช้แผ่นมาส์กหน้า ที่ใส่สารสกัดอันมีประโยชน์ต่อผิวหน้าลงไปที่แผ่นมาร์กในปริมาณที่เยอะจนชุ่มเต็มแผ่น โดยแปะแผ่นมาส์กไปที่ผิวหน้า และทิ้งระยะเวลาให้สารสกัดซึมสู่ผิวประมาณ 10 – 20 นาที แล้วจึงค่อยๆ เอาแผ่นมาส์กออกจากหน้า ซึ่งเวลาที่เหมาะสมกับการมารส์กหน้าหน้าคือ ก่อนนอน

การใช้แผ่นมาส์กหน้าเหมาะกับใคร?

  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยบนใบหน้า ไปพร้อมๆ กับความชุ่มชื้นให้กับผิว
  • เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาบำรุงผิว หรือฟื้นฟูผิวด้วยการทาครีมเป็นประจำ
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการป้องกันการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวที่ขาดความชุ่มชื้นแบบประหยัดกว่าการเข้ารับหัตถการ

ราคาและค่าใช้จ่าย :

  • ราคาแผ่นมาส์กหน้าเพื่อลดริ้วรอย อยู่ที่ราคา 300 บาท ไปจนถึงราคา 1,000 บาทเป็นต้นไป ขึ้นอยู่กับแบรนด์ และสารสกัดที่ใช้

4. การเปลี่ยนท่านอน

การเปลี่ยนท่านอน

รู้หรือไม่ การเปลี่ยนท่านอนก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ชะลอการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า อีกทั้งยังช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้าไม่ให้มีเพิ่มขึ้นอีกด้วย ซึ่งท่านอนที่จะไม่ไปรบกวนการพับของผิว หรือไปดึงหรือยืดผิวหน้า ได้แก่ ท่านอนหงาย และหลีกเลี่ยงการนอนตะแคงและเอาฝ่ามือแนบแก้ม เพราะจะยิ่งทำให้ผิวหน้าเกิดริ้วรอยได้ง่าย และเร็วยิ่งขึ้น

การเปลี่ยนท่านอนเหมาะกับใคร?

  • เหมาะกับทุกคน เพราะสามารถทำได้เองง่ายๆ โดยเริ่มฝึกการนอนในท่าที่ไม่ให้ผิวหน้าเสี่ยงเสียดสีแนบกับหมอนเป็นเวลานานจนเกินไป ก็จะทำให้ชะลอการเกิดริ้วรอย และไม่เพิ่มริ้วรอยที่มีอยู่แล้วให้มากยิ่งขึ้น

5. รับประทานเนื้อปลา

รับประทานปลา

ปลาทูน่าและปลาแซลมอน จัดเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ที่จะช่วยให้ผิวกลับมามีความยืดหยุ่น ชุ่มชื้น และคืนความเรียบเนียนให้ผิว ช่วยลดริ้วรอยและความหย่อนคล้อยของผิว

วิธีการรับประทานปลา เหมาะกับใคร : เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ยกเว้นผู้ที่แพ้อาหารทะเล

6. งดสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์

งดสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์

ในบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีผลทำลายชั้นผิว บุหรี่ทำให้ผิวขาดออกซิเจนเข้าไปหล่อเลี้ยงเซลล์ผิว อีกทั้งแอลกอฮอล์ทำให้ผิวขาดน้ำแบบฉับพลัน ทำให้ผิวแห้งกร้าน และเกิดริ้วรอยตามมากได้อย่างง่ายดาย ฉะนั้นแล้วหากผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า ก็ควรงดทั้ง 2 อย่างนี้อย่างเด็ดขาด จะส่งผลดีต่อผิวมากที่สุด

7. ทาครีมกันแดดเป็นประจำ

ทาครีมกันแดดเป็นประจำ

เพราะในแสงแดด มีรังสี UV ที่แรงกว่าจะให้ประโยชน์ต่อผิว โดยเฉพาะแสงตอนกลางวัน ซึ่งเป็นเวลาที่คนเราออกไปใช้ชีวิตประจำวัน หรือทำกิจวัตรประจำวัน และในรังสี UV ในแสงแดดจัด จะทำลายเส้นใยในผิวหนังหรืออีลาสติน (Elastin) ทำให้ผิวเริ่มแห้งกร้าน เกิดริ้วรอย หย่อนยาน เหี่ยวย่น และหมองคล้ำไปในที่สุด
ดังนั้น ก่อนออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือก่อนออกจากบ้านควรทาครีมกันแดด SPF 50 เป็นอย่างต่ำ

การทาครีมกันแดด เหมาะกับใคร

  • เหมาะกับผู้ที่ต้องทำงานกลางแดดแรงเป็นประจำ
  • เหมาะกับผู้ที่กำลังรักษาผิวหนังไม่ให้เกิดริ้วรอยเพิ่มเติม
  • เหมาะกับผู้ที่เพิ่งเข้ารับการหัตถการมา เช่น การเลเซอร์ผิวหน้า ซึ่งจะเป็นการรบกวนความสมดุลของผิว อีกทั้งยังเป็นช่วงที่ผิวบอบบางเสี่ยงต่อการเกิดริ้วรอยได้มากที่สุด

ราคาและค่าใช้จ่าย : สำหรับราคาครีมกันแดด หรือผลิตภัณฑ์กันแดดสำหรับผิวหน้า จะเริ่มต้นอยู่ที่ 600 บาท ไปจนถึงราคาหลักพัน ซึ่งอาจแพงมากกว่านั้น หากเป็นตัวครีมที่ผลิตมาเพื่อผิวที่มีปัญหา เช่น ผิวแพ้ง่าย เป็นต้น

8. รับประทานอาหารเสริม

รับประทานอาหารเสริม

การรับประทานอาหารเสริม ที่มีสารสกัดที่ช่วยลดริ้วรอยของผิวหนัง เป็นการเลือกรับเอาสารสกัดที่ช่วยฟื้นฟูผิวอย่างเฉพาะเจาะจงเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ที่ไวกว่าการรับประทานอาหาร เช่น ปลา หรืออาจไวกว่าการใช้ครีมบำรุง ซึ่งสารสกัดในอาหารเสริมที่ส่งผลช่วยลดริ้วรอยให้กับผิวก็ได้แก่ Coenzyme Q10, วิตามินซี อี, ซีลีเนียม, นมผึ้ง, คอลลาเจน, Antioxidant เป็นต้น

การรับประทานอาหารเสริม เหมาะกับใคร

  • เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอย และต้องการให้วิตามินบางอย่าง หรือสารสกัดบางตัวที่ไม่สามารถรับประทานจากอาหารได้ ช่วยเข้าไปดูแล ฟื้นฟูผิว
  • เหมาะกับผู้ต้องการลดริ้วรอย แต่ไม่มีเวลารับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หรือสรรหาอาหารที่ช่วยลดริ้วรอยได้ในแต่ละวัน
  • เหมาะกับผู้ที่ใช้วิธีรับประทาน หรือใช้ครีมบำรุงแล้วยังไม่เห็นผล หรือเห็นผลช้า

ราคาและค่าใช้จ่าย :

  • อาหารเสริมเพื่อดูแลผิวเรื่องริ้วรอย ความหย่อนคล้อยของผิวโดยเฉพาะ มีตั้งแต่ราคา 400 บาทไปจนถึงราคาหลักพัน ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยา หรือห้างสรรพสินค้า โดยราคาแตกต่างกันตามแบรนด์ และส่วนผสมหลักที่เลือกใช้

วิธีลดริ้วรอยบนใบหน้า ด้วยวิธีทางการแพทย์ที่ปลอดภัย

การรักษาและลดริ้วรอยแบบใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์เข้าช่วย เป็นวิธีลดริ้วรอยยอดฮิต ที่ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน รวดเร็ว และปลอดภัย เนื่องจากกรรมวิธีล้วนแล้วต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งวิธีลดริ้วรอยที่ได้รับความนิยมมากมีดังนี้

หัตถการช่วยลดริ้วรอย

1. โบท็อกลดริ้วรอย

การฉีดโบท็อกเพื่อลดริ้วรอยบนใบหน้า เป็นการนำสารสกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม หรือที่เรียกว่า Botulinum toxin A ฉีดด้วยเข็มพิเศษเข้าสู่ผิวหนังบริเวณที่ต้องการลดริ้วรอย เพื่อคลายกล้ามเนื้อบริเวณนั้นๆ ให้เกิดการกระชับขึ้น เรียบเนียนไร้ริ้วรอยในที่สุด

การฉีดโบท็อกเหมาะกับใคร?

  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยก่อนวัยบนใบหน้า อันได้แก่ ริ้วรอยตีนกา ริ้วรอยหน้าผาก ริ้วรอยหางตา เป็นต้น
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการกระชับผิวใบหน้าให้เรียบตึง
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการจัดกรอบหน้าให้ดูชัดขึ้น และสวยเป็นธรรมชาติ
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดกล้ามเนื้อ อันเป็นส่วนเกินของรูปหน้า เช่น กราม เหนียง

ราคาและค่าใช้จ่าย : สำหรับราคาโบท็อก เพื่อลดริ้วรอยบนใบหน้า จะต้องใช้ปริมาณ 16 UNIT ขึ้นไป เพื่อลดริ้วรอยระดับตื้นได้ ดังนั้นหากริ้วรอยเยอะและเป็นริ้วรอยระดับลึก จะต้องใช้มากกว่านั้น ซึ่งค่าบริการเฉลี่ยอยู่ที่ 8,000 – 20,000 บาท เป็นต้นไป

ฉีดโบท็อก ริ้วรอย
ฉีดโบท็อกลดริ้วรอยหางตา

2. การฉีดฟิลเลอร์

การใช้วิธีลดริ้วรอยบนใบหน้าด้วยการฉีดฟิลเลอร์ คือการฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก ลงไปที่บริเวณผิวหนังส่วนที่มีริ้วรอย อันเกิดขึ้นบนใบหน้า โดยฟิลเลอร์จะอยู่ได้นานเกือบ 2 ปี ขึ้นอยู่กับรุ่นที่ใช้และหลังจากนั้นจะสลายไปเองได้หมด 100% โดยไม่ทิ้งการตกค้างไว้ในร่างกาย

การฉีดฟิลเลอร์เหมาะกับใคร?

  • เหมาะกับผู้ที่ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าแบบร่องลึก ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการโบท็อก หรือ Hifu เช่น ริ้วรอยร่องแก้ม ริ้วรอยมุมปาก ริ้วรอยใต้ตา เป็นต้น
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ไข ปรับรูปหน้า
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้ผิวพรรณใบหน้ากลับมาผ่องใส เปล่งปลั่ง

ราคาและค่าใช้จ่าย : ราคาค่าบริการฉีดฟิลเลอร์ลดริ้วรอยบนใบหน้า เฉลี่ยอยู่ที่ 9,000-18,000 บาท เป็นต้นไป

3. การใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์

ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีในการช่วยยกกระชับผิวด้วยคลื่นอัลตร้าซาว ที่ถูกพัฒนามาจากอัลตร้าซาวด์สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ที่ตัวเครื่องจะมาพร้อมกับหัวยิงส่งพลังงานคลื่นที่สามารถช่วยส่งพลังงานลงลึกได้ถึงชั้นผิว SMAS (ชั้นผิวที่ใช้สำหรับการผ่าตัดยกกระชับใบหน้า) ได้อย่างแม่นยำตรงจุด

ทำให้ชั้นผิวเกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินเพิ่มขึ้น ทำให้คอลลาเจนเพิ่มขึ้นและเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบมากขึ้น ช่วยให้ริ้วรอยจางลง ผิวค่อยมีความกระชับเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำและเห็นผลทันที 10-20%

ซึ่งในปัจจุบันมียี่ห้อเครื่องยกกระชับผิวที่ใช้พลังงานคลื่นอัลตร้าซาวด์ดังนี้ Hifu, Ulthera, Ultraformer III เป็นต้น

การใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์ เหมาะกับใคร?

  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์แบบทันที และไม่มีเวลาพักฟื้นหลังทำ
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยใต้ตา
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิว ปรับกรอบหน้าให้เรียวชัดขึ้น
  • เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยบนใบหน้าก่อนวัย
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการทำหัตถการ 1 ครั้งและอยากได้ผลลัพธ์ที่ยาวนานหลายเดือน

ราคาและค่าใช้จ่าย : ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3,000-25,000 บาทต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับยี่ห้อเครื่องและจำนวน Line ในการยิงส่งพลังงาน

4. ทำทรีตเมนต์ผิว

การทำทรีตเมนต์ลดริ้วรอยบนใบหน้า เป็นการยกกระชับผิวหน้า ที่ส่งผลไปถึงกล้ามเนื้อให้กระชับและทำงานได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งวิธีการทรีตเมนต์ผิวหน้าเพื่อลดริ้วรอย ได้แก่ การทำทรีตเมนต์ Radiofrequency therapy ด้วยการปล่อยคลื่นวิทยุเข้าไปกระตุ้นคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนัง ทำให้หน้าดูกระชับเต่งตึง และริ้วรอยบริเวณที่ทำทรีตเมนต์ก็ดูจางลง

การทำทรีตเมนต์เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยให้ดูจางลง ในเวลาเร่งด่วน หรือต้องการออกงาน
  • ผู้ที่ทาครีมบำรุงผิวแล้วยังไม่เห็นผล ให้ผลลัพธ์ที่ช้าไม่ทันใจ
  • ผู้ที่ต้องการพักผ่อนผิวหน้า
  • ผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ ผิวหน้าหมองคล้ำ

ราคาและค่าใช้จ่าย : สำหรับราคาทรีตเมนต์เพื่อยกกระชับผิว และลดริ้วรอย จะต้องทำหลายครั้งเป็นคอรส์ ราคาจะเฉลี่ยอยู่ที่ 4,000 ต่อ 1 คอร์ส ไปจนถึง 9,000 บาท ต่อ 1 คอร์ส

5. ฉีดเมโสลดริ้วรอย

เมโส หรือ Mesotheraphy เป็นวิธีการฉีดนำเอาวิตามิน และสารสกัดที่มีประโยชน์สำหรับผิว ฉีดเข้าสู่ผิว หรือการให้อาหารผิวอย่างรวดเร็วนั่นเอง ซึ่งวิตามินและสารสกัดดังกล่าวจะเข้าไปช่วยฟื้นฟูผิว รวมถึงขับสารพิษของเซลล์ผิวได้อีกด้วย แน่นอนว่าผลลัพธ์ที่ได้คือ ช่วยลบเลือนริ้วรอย และชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคตได้ดี

นอกจากนั้นในปัจจุบันก็ได้มียี่ห้อเมโสให้เลือกหลายยี่ห้อซึ่งแต่ละยี่ห้อต่างก็มีจุดเด่นในการฟื้นฟูและซ่อมแซมผิวที่แตกต่างกันออกไป เช่น Crystal DNA, Chanel Injection, Rejuran, Exosome, RADIESSE ®, Cytocare เป็นต้น

การทำเมโสเหมาะกับใคร?

  • เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยบนใบหน้าไม่เยอะ หรือเป็นริ้วรอยในลักษณะตื้น
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการคืนสุขภาพผิวหน้าให้กลับมาผ่องใส เปล่งปลั่ง
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการชะลอการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูเซลล์ผิวหน้าแบบเร่งด่วน ให้ผิวมีสุขภาพดีจากภายใน

ราคาและค่าใช้จ่าย : ราคาเริ่มต้น อยู่ที่ประมาณ 5,000-10,000 บาทต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับตัวยาและยี่ห้อที่ใช้ฉีด

6. ร้อยไหม ยกกระชับ

ร้อยไหม ยกกระชับ

การร้อยไหม คือเทคนิคการทำหัตถการเพื่อช่วยยกกระชับผิวหน้าที่มีริ้วรอย เกิดความหย่อนคล้อย ให้กลับมาเต่งตึง เรียบเนียน และคืนรูปทรงใบหน้าให้มีกรอบที่ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยใช้การใช้เข็มนำเส้นไหมละลาย สอดเข้าไปใต้ผิวหนัง เพื่อไปยกชั้นผิวที่มีริ้วรอยหย่อนคล้อย ให้ตึงขึ้นมาระนาบเรียบตามผิวหน้าแต่ละส่วนในแบบที่เป็นธรรมชาติ ทำให้ใบหน้าเกิดความยกกระชับขึ้นทันทีหลังทำ

การร้อยไหมเหมาะกับใคร?

  • เหมาะกับผู้ที่มีอายุยังไม่เยอะ (Younger Skin) แต่ผิวหน้าเกิดการหย่อนคล้อย ก่อนวัยอันควร
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น
  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาร่องแก้มหย่อนคล้อยอย่างชัดเจน
  • เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยบริเวณขมับ
  • เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยเล็กๆ บริเวณมุมปาก

ราคาและค่าใช้จ่าย : การร้อยไหม ราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 8,000 – 25,000 บาท ขึ้นอยู่กับชนิดของไหม และจำนวนเส้นที่ต้องใช้ร้อยเพื่อแก้ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าของแต่ละคน

อ่านบทความเพิ่มเติม : การร้อยไหม คืออะไร? มีข้อดี-ข้อเสีย ต่างจากการยกกระชับรูปแบบอื่นอย่างไร

7. ลดริ้วรอยด้วยเลเซอร์

คือการใช้การยิงคลื่นพลังงานลงไปยังชั้นผิว เพื่อให้ตัวค่าพลังงานไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวให้เพิ่มขึ้น นอกจากนั้นยังทำให้คอลลาเจนและเส้นใยอีลาสตินในผิวจัดเรียงตัวกันเป็นระเบียบ ส่งผลให้ผิวมีความกระชับเต่งตึงขึ้น ซึ่งเลเซอร์ที่เหมาะกับการช่วยลดริ้วรอยคือ Nd:YAG, IPL และ Fractional laser เป็นต้น

การทำเลเซอร์เหมาะกับใคร?

  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มคอลลาเจนให้แก่ชั้นผิว
  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยเล็กน้อย
  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหารอยสิว รอยแผลเป็น

ราคาและค่าใช้จ่าย : การทำเลเซอร์ ราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 700 – 3,000 บาท ขึ้นอยู่กับของเครื่องเลเซอร์และจำนวนชอตในการยิง

8. การใช้คลื่นวิทยุ RF

ตัวคลื่นวิทยุ RF เป็นอีกหนึ่งคลื่นพลังงานที่ถูกใช้ในวงการความงามอย่างแพร่หลาย เนื่องจากตัวเครื่องมีจุดเด่นในการยิงส่งพลังงานลงไปยังชั้นผิวเพื่อแปรเปลี่ยนไปเป็นพลังงานความร้อน ทำให้ผิวมีความกระชับเต่งตึงขึ้น ผิวเรียบเนียนขึ้น ริ้วรอยต่างๆ มีความจางลงและยังช่วยสลายไขมันส่วนเกินที่ผิวได้อีกด้วย ซึ่งตัวยี่ห้อเครื่องคลื่นวิทยุที่โด่งดังมากๆ ก็คือ Thermage นั่นเอง

การใช้คลื่นวิทยุ RF เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาริ้วรอย ร่องลึก
  • ผู้ที่ต้องการปรับยกกระชับผิว ปรับผิวให้เรียบเนียน
  • ผู้ที่ต้องการสลายไขมันส่วนเกิน ปรับรูปหน้าวีเชฟ

ราคาและค่าใช้จ่าย : ราคาค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งจะอยู่ที่ประมาณ 15,000-25,000 บาท ขึ้นอยู่กับราคาโปรโมชั่นของแต่ละคลินิก

วิธีการดูแลป้องกันการเกิดริ้วรอย

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าปัญหาริ้วรอยถือเป็นปัญหาที่เราต้องเจออยู่แล้วเมื่อมีอายุที่มากขึ้น ถือเป็นปัญหาที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้แต่เราสามารถดูแลตัวเองเพื่อชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคตได้ ดังนี้

  • ทาครีมบำรุงผิวเพื่อทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ
  • ทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด แสงไฟเป็นประจำทุกวัน
  • การนอนหลักพักผ่อนให้เพียงพอ
  • การดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน
  • การทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
  • การลดความเครียด
  • การงดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่

สรุป

ปัญหาริ้วรอยนั้นถือว่าเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุปัจจัยไม่ว่าจะเป็นสภาพผิว กรรมพันธุ์ การอดนอน การดื่มแอลกอฮอล์หรือการมีอายุที่มากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันก็ได้มีวิธีการรักษาริ้วรอยหลายรูปแบบด้วยกันไม่ว่าจะเป็นการฉีดฟิลเลอร์ ฉีดโบท็อกซ์ การทำเมโส หรือการใช้เครื่องยกกระชับผิวนั่นเอง

หากทราบวิธีลดริ้วรอยไปทั้งหมดแล้ว คราวนี้ลองมาสำรวจตัวเองว่าเหมาะกับแบบไหนซึ่งถ้ากำลังมองหาเทคนิคการลดริ้วรอยด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ปลอดภัย เห็นผลไว สามารถเข้ารับการปรึกษาการลดริ้วรอยผิวหน้า ที่พร้อมไปด้วยเครื่องมือและแพทย์ที่เชี่ยวชาญ ได้ที่ Gangnam clinic ทุกสาขา หรือสามารถแอดไลน์ Line: @gangnamclinic เพื่อนัดหมาย/ ปรึกษา และขอรับบริการ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง