Do & Don’t หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ห้ามทำอะไรบ้าง ควรดูแลตัวเองอย่างไร?

ฉีดฟิลเลอร์ปาก ห้ามทำอะไรบ้าง

ในบทความจะเป็นเรื่องของ Do & Don’t เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์พร้อมข้อปฏิบัติที่ควรรู้หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ที่สาวๆ หลายคนอาจยังไม่เคยรู้มาก่อน ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ปากโดยปกติจะใช้เวลาไม่นาน เพียงแค่ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมงเท่านั้น ทำให้สามารถที่จะเห็นผลลัพธ์ และความแตกต่างก่อนและหลังฉีดได้อย่างทันตา เราจึงได้รวบรวมรวมข้อมูลและข้อปฎิบัติต่างๆ หลังการฉีดฟิลเลอร์ปาก มาให้สาวๆ ได้ทราบกัน ดังนี้

หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ห้ามกินอะไรบ้าง?

1. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ควรงดเครื่องดื่มแอลกกอฮอล์ทุกชนิด เช่น เหล้า เบียร์ ไวน์ และน้ำหมักดอง วอสก้า วิสกี้ เป็นต้น เพราะการดื่มแอลกฮอล์มีผลทำให้เกิดอาการอักเสบบวมได้โตยตรง แต่หากใครที่ไม่สามารถเลี่ยงไม่ได้ก็ควรเว้นระยะ 2-3 วัน เพื่อไม่ทำทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น อาการบวมแดง อักเสบ เพราะเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ มีผลทำให้หลอดเลือดเกิดการขยายตัว ทำให้เลือดสูบฉีดมากขึ้น จึงเป็นสาเหตุทำให้อาการบวมมากขึ้น และหายช้าลง ที่สำคัญยังจะทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวได้ไวกว่าเดิมอีกด้วย

2. อาหารทะเล และ ของสุกๆดิบๆ

ควรงดอาหารทะเลและของสุขๆดิบ ซึ่งอาหารเหล่านี้ถือว่าเป็นอาหารแสลง ที่อาจก่อให้เกิดอาการบวมได้ เช่น อาหารจำพวกหอยลวก ซาซิมิ อาหารญี่ปุ่น ยำกุ้งสด เนื้อที่ปรุงไม่สุก หรือกึ่งสุกกึ่งดิบทั้งหลาย เพราะในอาหารเหล่านี้มักมีสิ่งปนเปื้อนอย่างพยาธิ ปรสิต หรือ เชื้อโรค ปะปนอยู่ที่จะส่งผลให้แผลที่เกิดจากรอยเข็มนั้นหายช้า หรือทำให้แผลอักเสบเกิดการติดเชื้อได้

3. อาหารรสเค็ม รสจัด

เลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีรสจัด เช่น รสหวานจัด เค็มจัด หรือเผ็ดจัด หรืออาหารที่มีโซเดียมสูง ในช่วง 2 อาทิตย์แรกหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จ เนื้อสัตว์แปลรูป และน้ำผลไม้ เนื่องจากอาหารเหล่านี้จะดูดน้ำในร่างกาย ส่งผลให้ตัวบวมหรือที่เรียกว่าภาวะบวมน้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุที่จะไปกระตุ้นการอักเสบในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ปาก ทำให้แผลบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์มีอาการบวม และ หายได้ช้ากว่าปกติ ทั้งนี้ยังรวมถึงอาหารหมักดองชนิดต่าง ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นผักดอง ผลไม้ดอง ปลาร้า เนื่องจากมีกรรมวิธีในการดองมักจะมีสิ่งปนเปื้อนที่อาจจะไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบได้

4. ห้ามรับประทานของร้อน

หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรงดอาหารจำพวกของร้อน อย่างปิ้งย่าง ชาบู หมูกระทะ ที่ต้องนั่งอยู่หน้าเตาเป็นเวลานาน ๆ เนื่องจากความร้อนอาจทำให้ฟิลเลอร์ละลาย หรือ เกิดการหดตัวได้ ยิ่งถ้าหากคนไข้ที่ฉีดฟิลเลอร์ปากมาก็ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะเวลาทานอาหารบริเวณปากจะสัมผัสกับความร้อนมากกว่าจุดอื่นๆ และอุณหภูมิความร้อนที่สูงจะทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วกว่าอายุจริง หรือ ฟิลเลอร์ละลายจนปากผิดรูปได้

หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ออกกำลังกายได้ไหม?

หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรงดกิจกรรมหนักๆ อาจทำให้เกิดการกระทบกระเทือนบริเวณใบหน้า และริมฝีปากอย่างไม่ตั้งใจ และกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดสูง มีเหงื่อออกมาก รวมกิจกรรมกลางแจ้งที่ทำให้ใบหน้าโดนความร้อนโดยตรง เพราะอาจทำให้เกิดรอยแดง หรือรอยช้ำ ในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ได้

หลังฉีดฟิลเลอร์ปากกี่วันถึงทาลิปได้?

หลังฉีดฟิลเลอร์ปากใน 12-24 ชั่วโมงแรก ควรงดทาลิปสติก เพราะเนื้อเยื่อปากที่เข็มเปิดอยู่ ควรรอให้รูเข็มปิดให้สนิดก่อน ประมาณ 2-3 วัน ถึงจะทาลิปติกได้ตามปกติ แต่หากมีอาการปากแห้งแตก แนะนำให้ทาพวกลิปบาล์มบำรุงริมฝีปาก หรือlip mask เพื่อบำรุงปากให้อวบอิ่ม ไม่แห้งตึง

วิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก

ปากเป็นอวัยวะส่วนที่มีการขยับบ่อย และเป็นจุดที่อาจเผลอโดนความร้อนจากการทานอาหารได้ง่าย จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ฟิลเลอร์ปากสลายเร็วกว่าบริเวณอื่น การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปากถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก หากต้องการให้การฟิลเลอร์ปากได้ประสิทธิภาพ และ รักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานขึ้น วันนี้เรามีข้อควรปฏิบัติและดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปากมาแนะนำ ดังต่อไปนี้

  1. ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ เพราะฟิลเลอร์คือสารไฮยาลูลอนิคซึ่งมีฤทธิ์ในการอุ้มน้ำได้ดี หลังจากฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับไปแล้วแพทย์จะแนะนำให้ดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว หรือประมาณ 2 ลิตรต่อวัน ในช่วง 4-5 วันแรก เพราะฟิลเลอร์ที่เป็นสารอุ้มน้ำ ดังนั้นจึงทำให้ปากกระจับของเราดูอิ่มและสวยฉ่ำวาวอย่างเป็นธรรมชาติขึ้น
  2. ไม่นวดหรือจับบริเวณริมฝีปาก หลังการฉีดฟิลเลอร์อาจทำให้เกิดมีรอยช้ำบริเวณรอยเข็ม และมีอาการบวมเล็กน้อยบริเวณปาก สิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งคือห้ามนวด กด จับ ปั้นเนื้อฟิลเลอร์ หรือการสัมผัสแรง ๆ ในบริเวณปาก เพราะอาจทำให้บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ปากเสียรูปทรงได้
  3. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ หลังฉีดฟิลเลอร์ควรงดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอร์ทุกชนิดอย่างน้อย 2-3 วันเพราะการดื่มแอลกอฮอล์ทำให้เลือดสูบฉีด อาจจะทำให้ริมฝีปากเกิดการบวมช้ำได้ และ การสูบบุหรี่นั้นอาจทำให้ริมฝีปากสัมผัสกับความร้อนโดยตรง จนทำให้เกิดผลข้างเคียงและอาจจะทำให้ปากผิดรูปได้
  4. งดใช้หลอดในการดูดน้ำและการจูบ หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก 1 สัปดาห์ เพราะการดูดน้ำและการจูบอาจทำให้เกิดแรงกดทับบนริมฝีปากเพราะอาจทำให้รูปปากที่ฉีดมาเสียทรงได้
  5. งดการโดนแสงแดด และความร้อน เพราะความร้อนจะทำให้ผิวยืดและหดมากกว่าปกติ ซึ่งจะส่งผลต่อการเซทตัวของฟิลเลอร์ และ อาจทำให้ฟิลเลอร์เกิดการสลายตัวไม่ได้รรูปทรงตามที่ต้องการ
  6. งดการรับประทานอาหารเสริมบางชนิด เช่น วิตามินกิงโกะ น้ำมันพริมโรส กระเทียม โสม และวิตามินอี เพราะวิตามินเหล่านั้นจะทำให้คุณเสี่ยงกับภาวะช้ำได้ง่ายกว่าปกติ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนประกอบของ AHA BHA หรือ Retinoids ก็ควรงด เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองกับผิว และบริเวณที่ฉีดสารฟิลเลอร์ปากกระจับได้ เพื่อความปลอดภัยและความสวยของริมฝีปากดังนั้นจึงควรงดใช้ก่อนชั่วคราว
  7. งดใช้ยาที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาแอสไพริน ไอบูโพรเฟน และยาแก้อักเสบบางชนิดตามคำแนะนำของแพทย์ เป็นเพราะอาจทำให้เลือดหยุดไหลช้า และทำให้เกิดการช้ำมากกว่าปกติ
  8. งดขัดหรือสรับริมผีปาก ให้งดการขัดครับริมฝีปาก ประมาณ 7-14 วัน เพราะอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง เสี่ยงต่อการอักเสบและติดเชื้อได้
  9. ควรหลีกเลี่ยงความร้อนที่อาจเกิดขึ้นกับใบหน้า หลังการฉีดฟิลเลอร์ควรงดเข้าอบไอน้ำ อบซาวน่า การอาบน้ำอุ่น ทำเลเซอร์ ทำ Ionto หรือ RF ใน 2 สัปดาห์แรก เพราะการใช้ความร้อนแบบเฉพาะจุดเป็นเวลานานอาจส่งผลต่อฟิลเลอร์ได้

สรุป

ข้อควรปฎิบัติหลังการฉีดฟิลเลอร์ที่เรานำมาแนะนำสาวๆกันในวันนี้ ล้วนแต่เป็นเรื่องง่ายๆที่สาวๆทุกคนสามารถทำได้อย่างแน่นอน ถ้าอยากได้ผลลัพธ์ที่ดี รูปปากสวย ดูเป็นธรรมชาติ และคงอยู่ยาวนาน ก็ควรปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อความสวยปังของริมฝีปาก และหลังจากฉีดฟิลเลอร์ปากไปแล้ว 1-2 สัปดาห์ สาวๆก็สามารถกลับมารับประทานอาหาร และทำกิจกรรมต่างๆได้ตามปกติ เพียงเท่านี้ก็ไม่มีปัญหาตามมาภายหลังจากการเติมฟิลเลอร์แล้ว ที่สำคัญอย่าลืมเลือกคุณหมอและคลินิกที่มีเชี่ยวชาญโดยตรง เพื่อความสวยและปลอดภัยของสาวๆด้วยนะคะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง