รอยตีนกา คือ? รู้สาเหตุและวิธีรักษาเร็ว ช่วยป้องกันปัญหาหน้าแก่ก่อนวัย

วิธีลดริ้วรอยตีนกา

รอยตีนกา หรือริ้วรอยบริเวณหางตาทั้งสองข้าง เป็นปัญหาที่ส่วนใหญ่พบได้เมื่ออายุมากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจน ในขณะที่ยิ้ม หรือหัวเราะ ทำให้ใบหน้าดูแก่ขึ้นกว่าเดิม เกิดเป็นความกังวลใจ อยากหาวิธีแก้ ซึ่งบทความวันนี้รวบรวมวิธีลดรอยตีนกา เลือกแบบไหน ที่เหมาะกับเรา

สารบัญเนื้อหา

รอยตีนกา คืออะไร

ตีนกา คือ เส้นขีด เส้นพับ ที่ผิวหนังบริเวณหางตาทั้งสองข้าง มีสาเหตุมาจากการสูญเสียคอลลาเจนในชั้นผิวทำให้ผิวเกิดการยุบตัวลงเป็นร่องลึก โดยมักพบได้ในกลุ่มคนวัยผู้ใหญ่ที่เริ่มมีอายุที่มากขึ้น หรือกลุ่มคนที่มีการเสื่อมโทรมของคอลลาเจนในชั้นผิวที่ไวกว่าปกติ

รอยตีนกามีกี่ประเภท?

ในปัจจุบันเราสามารถแบ่งประเภทของรอยตีนกาออกได้เป็น แบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ

รอยตีนกามีกี่ประเภท

1. รอยตีนกาตื้น

เกิดจากการที่ผิวหนังโดนมลภาวะต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่นแสงแดดแรงๆ อากาศเย็นจนผิวแห้ง จะทำให้ผิวบริเวณหางตาเกิดริ้วรอยขึ้นมาเป็นรอยขีดเล็กๆ

2. รอยตีนกาลึก

เป็นปัญหารอยตีนกาที่เกิดจากผิวหนังเสื่อมสภาพด้วยอายุที่มากขึ้น การทำงานของชั้นใต้ผิวเริ่มเสื่อมโทรม หากไม่รีบแก้ไข ริ้วรอยตีนกาเหล่านี้จะค่อยๆ ลึกขึ้น และสร้างความหย่อนคล้อยให้ผิวหนัง

สาเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดตีนกา

สำหรับผู้ที่กำลังมีปัญหารอยตีนกา มาเช็กกันก่อนดีไหมว่า สาเหตุและปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้เกิดรอยตีนกา เพื่อที่จะได้ทราบและได้หาแนวทางการแก้ไขได้อย่างเหมาะสม

สาเหตุที่ทำให้เกิดตีนกา
  • อายุมากขึ้น

เมื่ออายุมากขึ้น ผิวจะค่อยๆ เสื่อมสภาพ และสูญเสียคอลลาเจน และอีลาสติน จึงทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น และขาดความชุ่มชื้น ซึ่งแน่นอนว่าผลลัพธ์ที่ตามมาคือผิวบริเวณหางตา จะค่อยๆ เกิดริ้วรอยตื้นๆ และค่อยๆ ลึกขึ้น จนเกิดเป็นริ้วรอยที่มาพร้อมความหย่อนคล้อย ทำให้ผิวหนังย้วยและยาน

  • การขยี้ตา

การใช้มือไปสัมผัสบริเวณผิวรอบดวงตาบ่อยๆ ก็มีผลทำให้ผิวหนังเกิดรอยพับ จนเป็นขีดริ้วรอยเริ่มตามมา ซึ่งการพฤติกรรมการสัมผัสถี่ๆ บริเวณรอบดวงตาก็คือ การขยี้ตา นั่นเอง

  • การแสดงอารมณ์ทางสีหน้า

เมื่อผิวหนังบนใบหน้าขยับมากๆ จากการแสดงอารมณ์ เช่น การยิ้ม การหัวเราะ หรือแม้แต่การขมวดคิ้ว ร้องไห้จนตาบวม ก็ส่งผลต่อผิวหนังบริเวณรอบดวงตาด้วยกันทั้งสิ้น จึงเป็นสาเหตุเล็กๆ ที่ค่อยๆ สร้างรอยตีนกาขึ้นมาได้เช่นกัน

  • ช่วงอายุที่มักจะมีรอยตีนกา

สำหรับรอยตีนกา จะเห็นได้ชัดเจน ในผู้ที่มีอายุ 35 -40 ขึ้นไป และอาจน้อยกว่านั้นหากมีปัจจัยของพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่ดีต่อผิว เช่น การตากแดดแรงๆ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ นอนดึกเป็นประจำ เป็นต้น

  • แสงแดดและมลภาวะต่างๆ

ในแสงแดด ทั้งแสง UVA, UVB และฝุ่น มลภาวะต่างๆ ล้วนเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะไปทำลายคอลลาเจนในชั้นผิว จนทำให้เกิดการเสื่อมโทรมจนชั้นผิวยุบตัวกลายเป็นรอยตีนกาหรือริ้วรอยนั่นเอง

รอยตีนกาสามารถขึ้นบริเวณไหนได้บ้าง?

ตำแหน่งริ้วรอยตีนกา

ริ้วรอยตีนกา หรือริ้วรอยขีดเกิดขึ้นได้หลายตำแหน่งบนใบหน้า ไม่ใช่เกิดแค่บริเวณหางตาเท่านั้น ซึ่งบริเวณที่เกิดขึ้นได้ง่าย และเห็นได้ชัดเจนมีดังนี้

  • ริ้วรอยบนหน้าผาก
  • ริ้วรอยระหว่างคิ้ว หางคิ้ว 
  • ริ้วรอยรอบดวงตา
  • ริ้วรอยร่องแก้ม
  • ริ้วรอยสันจมูก
  • ริ้วรอยร่องมุมปาก หรือที่เรียกกันว่า ร่องน้ำหมาก

รอยตีนกากับความหมายตามหลักโหวงเฮ้ง

การมีรอยตีนกาบนใบหน้านั้นก็จะว่าส่งผลต่อความหมายตามหลังของโหวงเฮ้งได้อีกด้วย ซึ่งตามตำราได้กล่าวไว้ว่าผู้ที่มีรอยตีนกามากกว่า 2 เส้นขึ้นไปจะหมายถึง “คนที่ชีวิตมีแต่ความยุ่งเหยิง มีความเจ้าชู้ อัธยาศัยดี เป็นมิตรต่อผู้คนรอบข้าง”

13 วิธีลดรอยตีนกา

การรักษารอยตีนกา มีหลายวิธีมาก ตั้งแต่สามารถทำเองได้ง่ายๆ สำหรับผู้ที่มีรอยตีนกาไม่มาก ไปจนถึงผู้ที่มีรอยตีนกาเยอะ ต้องใช้วิธีรักษาโดยนวัตกรรม-เทคนิคการแพทย์เข้ามาช่วย เพื่อได้ผลลัพธ์ที่ดี ชัดเจน ในระยะเวลาอันรวดเร็ว  หมอจึงรวบรวมวิธีรักษารอยตีนกามาให้ผู้ที่กำลังมีปัญหาทั้งสิ้น 12 วิธีดังนี้

1. ครีมลดริ้วรอยหางตา

ทาครีมลดริ้วรอย

วิธีนี้จะเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวในการช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น สร้างความยืดหยุ่นและทำให้ผิวกลับมาเต่งตึงขึ้น ซึ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองและมีงานวิจัยบ่งชรี้อย่างมากมายว่าช่วยกู้ปัญหาริ้วรอยได้ดีก็คือ กลุ่มของวิตามินเอ (Vitanim A) หรือเรตินอล (Retinol) เป็นการกลุ่มสารที่สามารถพบได้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์กลุ่ม Anti-Aging

เรตินอลมีจุดเด่นในเรื่องการช่วยผลัดเซลล์ผิว เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการสร้างตัวของเม็ดสี ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน แต่แน่นอนว่าการใช้เรตินอลนั้นจะต้องใช้ระยะเวลานานกว่าจะเห็นผล และจะต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนังหรือเภสัชกรเนื่องจากตัวเรตินอลมีฤทธิ์ที่ค่อยข้างแรง เสี่ยงต่อการเกิดอาการระคายเคืองผิวได้ง่ายมากๆ

การทาครีมลดรอยตีนกา เหมาะกับใคร

  • คนที่ไม่มีเวลาไปเข้าคลินิกความงาม และต้องการเลือกวิธีในการลดรอยตีนกาด้วยตัวเองแบบง่ายๆ
  • คนที่มีงบประมาณจำกัด เนื่องจากในปัจจุบันตัวเรตินอลสามารถพบได้เยอะในตลาดกลุ่มสกินแคร์ จึงทำให้มีราคาที่ถูกและเข้าได้ง่าย

2. สครับผิว / พอกหน้าลดริ้วรอย

สครับผิวลดริ้วรอย

เป็นอีกวิธีแก้ปัญหารอยตีนกา ที่ทำเองได้ที่บ้าน ด้วยสมุนไพร หรือผลไม้ที่หาซื้อได้ง่าย โดยใช้ผัก ผลไม้ และสมุนไพรที่มีคุณสมบัติฟื้นฟู ลดเลือนรอยตีนกา

วิธีการคือนำมาปั่นให้มีเนื้อหยาบๆ นำมาสครับผิว ด้วยกันค่อยๆ ใช้นิ้วนวดวนบริเวณหางตา หรือจะนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ก็ได้เช่นกัน แต่ให้ปั่นเป็นน้ำละเอียด หรือผสมอย่างอื่น เช่น น้ำผึ้ง โยเกิร์ต ไข่ขาว ให้มีความเป็นน้ำชุ่มชื้น จะเหมาะกับการพอกหน้ามากกว่า 

โดยผลไม้ ผัก และสมุนไพร ที่เหมาะกับการนำมาสครับผิว – พอกหน้าเพื่อลดรอยตีนกามีดังนี้

  • ว่านนางคำ 
  • ใบตำลึง
  • ใบบัวบก
  • แครอท

สครับผิว / พอกหน้า เหมาะกับใคร?

  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหารอยตีนกาตื้น หรือริ้วรอยบริเวณรอบดวงตาที่เกิดจากมลภาวะแวดล้อม และการใช้ชีวิตประจำวัน 

3. ฉีดโบท็อกลดรอยตีนกา

โบท็อกลดรอยตีนกา

การฉีดโบท็อกหรือ (Botulinum toxin A) ไปที่บริเวณรอยตีนกา เพื่อไปออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ ให้บริเวณที่เป็นรอยตีนกา ค่อยๆลบเลือนจางลงไปในที่สุด ไม่เพียงเท่านั้น ยังทำให้ผิวบริเวณรอบดวงตา ตึงกระชับ เรียบเนียนขึ้น ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและเห็นได้ชัดเจนว่าผิวเกิดการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ 4 – 5 วันแรกหลังฉีด และจะแสดงผลลัพธ์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพใน 2 สัปดาห์

 ฉีดโบท็อกเหมาะกับใคร?

  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยก่อนวัย หรือเกิดรอยตีนกาตื้น อันเป็นผลมาจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น โดนแสงแดดจัดอยู่บ่อยๆ นอนดึก ขยี้ตาบ่อย
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้า ให้มีความสมดุล เรียบเนียน เรียวสวย และเต่งตึง
  • เหมาะกับผู้ที่ปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ต้องการคืนความกระชับขึ้น และยังคงความเป็นธรรมชาติ

บทความเพิ่มเติม : โบท็อกหางตา คืออะไร ริ้วรอยลดลง ช่วยให้หน้าเด็กได้จริงหรือไม่

4. ฉีดฟิลเลอร์รักษาริ้วรอย

ลดรอยตีนกาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ลดริ้วรอยหรือสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid เพื่อลดริ้วรอยและชะลอวัยใบบนหน้า อีกทั้งยังเป็นการช่วยยกพยุงผิวให้กลับมาเต่งตึงขึ้น และยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับรอบดวงตา และชะลอการเกิดรอยตีนกาอันจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ดีอีกด้วย

ฉีดฟิลเลอร์เหมาะกับใคร?

  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหารอยตีนกา ทำให้รอยตีนกาตื้นขึ้น
  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นหน้าผาก ร่องแก้ม ร่องสันจมูก 
  • เหมาะกับผู้ที่มีคางสั้น ต้องการฉีดเติมเต็มคางให้ดูเรียวยาว อย่างเป็นธรรมชาติ
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการเติมเต็มความอวบอิ่มของปาก อันเกิดจากปัญหาปากมีริ้วรอย ร่องลึก หรือปากบางเกิน ไม่สมส่วน
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาลดรอยหลุมสิว ทำให้ดูตื้นขึ้น และเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ

5. เลเซอร์ริ้วรอยตีนกา

เป็นแก้ปัญหารอยตีนกาด้วยการยิงพลังงานลงไปใต้ผิวหนัง และต้องยิงซ้ำหลายๆ ครั้ง เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาชัดเจน รอยตีนกาจะค่อยๆ ตื้นขึ้น

การทำเลเซอร์เหมาะกับใคร?

  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหารอยตีนกาไม่ลึกมาก
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาริ้วรอยแบบถาวร
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยไปพร้อมๆ กับ สร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวอิ่มฟู เนียนใส

6. ไอฟู (HIFU) แก้รอยตีนกา

สำหรับการทำ Hifu ยกกระชับหน้า เพื่อแก้ไขรอยตีนกา จะเป็นการปล่อยพลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง ลงไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้คอลลาเจนเพื่มขึ้น เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบขึ้น ส่งผลให้ริ้วรอยตีนกาของดวงตาทั้งสองข้างตื้นขึ้น และทำให้ผิวเรียบเนียนในที่สุด เนื่องจากการยกกระชับหน้าด้วย Hifu นั้นมีหลายแบบหมอแนะนำอ่านต่อที่ Hifu มีกี่แบบ ต่างกันอย่างไร?

HIFU เหมาะกับใคร

  • ผู้ที่มีปัญหาผิวแก้มหย่อนคล้อย ร่องแก้มลึกไม่กระชับ 
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหลายด้าน และต้องการทำหัตถการอื่นๆ ต่อจากนี้ได้

7. เอ็นโดไทน์หน้าผากลดตีนกา

แก้ปัญหารอยตีนกา ด้วยนวัตกรรมยกกระชับใบหน้า เป็นการศัลยกรรมแผลขนาดเล็กพิเศษ โดยการส่องกล้องและนำการนำเอา Endotine (เอนโดไทน์) ซึ่งเป็นวัสดุทางการแพทย์เข้าไปยึดเหนี่ยวผิวหนังที่มีความหย่อนคล้อย รวมถึงริ้วรอยให้ตึงกระชับขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ เป็นผลดีต่อการฟื้นฟูผิวหนังให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม

เอ็นโดไทน์ เหมาะกับใคร

  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้าให้เต่งตึงทั่วทั้งใบหน้า
  • เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยย่นบนหน้าผาก คิ้วตก รอยตีนกา หางตาตก  หนังตาหย่อน ชั้นตาหลบใน แก้มย้อย ผิวหย่อนคล้อยทั้งบริเวณหน้าคอ

8. นวดหน้าสลายตีนกา

การนวดใบหน้า และบริเวณรอบดวงตา เพื่อลดรอยตีนกา มีวิธีการนวดโดยใช้นิ้วมือค่อยๆ คลึงไปบริเวณหางตา และวนไปด้านใดด้านหนึ่งให้รอบผิวหนังดวงตา เพื่อไปกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้ผิวบริเวณนั้นเกิดการคลายตัวและเรียบเนียนขึ้นโดยใช้ระยะเวลาในการนวดหน้าลดร่องแก้ม ประมาณ 10-20 นาที

นวดหน้า เหมาะกับใคร

  • เหมาะกับผู้ที่อายุยังไม่เยอะ และมีปัญหารอยตีนกา หรือริ้วรอยบริเวณรอบดวงตาเพียงเล็กน้อย อันเกิดจากกล้ามเนื้อตาเกร็ง เหนื่อยล้า รอยพับรอยย่นจากการที่ผิวแห้ง โดนแสงแดดจัด

9. กัวซาลดริ้วรอยตีนกา

กัวซาลดริ้วรอย

หินกัวซา ศาสตร์การรักษาโรคของแพทย์แผนจีน ที่นอกจากจะช่วยในเรื่องของสุขภาพร่างกายแล้ว ยังนำมาช่วยในเรื่องของความสวย ความงามบนใบหน้าได้ด้วยเช่นกัน

สำหรับการนวดหินกัวซา เพื่อลดรอยตีนกา ใช้หลักการเดียวกับการนวดหินกัวซา เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือดใต้ผิวหน้า ไปพร้อมๆ กับขับสารพิษใต้ชั้นผิว ซึ่งการเคลียร์ของเสียใต้ผิว และจัดกระบวนการทำงานของผิวให้ทำงานดีขึ้น ก็จะช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น กักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีมากขึ้น ริ้วรอยตีนกาก็จะค่อยๆ ตื้นและดูจางลง

กัวซา เหมาะกับใคร

  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้ามีรอยตีนกาเล็ก ๆ จากมลภาวะ หรือแสงแดด
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการพักผ่อนผิวหน้า หรือรีบูทการทำงานของเซลล์ผิวหน้าให้ฟื้นตัวดีขึ้น
  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย 
  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ จากการพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าอ่อนแอ จากการโดนมลพิษในชีวิตประจำวัน
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการคืนความสดใสให้กับผิวหน้า 
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการมีใบหน้าเลือดฝาดอย่างเป็นธรรมชาติ

10. Ulthera 

ลดรอยตีนกาโดยใช้ คลื่นไมโครโฟกัสอัลตร้าซาวน์ ยิงเข้าสู่ใต้ผิวหนังบริเวณที่มีริ้วรอย เพื่อไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว โดยเครื่องนี้จะมีหัวยิงแบบ 3 ระดับในการส่งคลื่นพลังงานไปยังชั้นผิวที่มีความลึกต่างกัน เพื่อให้พลังงานสามารถลงไปแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดและแม่นยำ

Ulthera เหมาะกับใคร

  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดรอยตีนกา แต่ไม่ต้องการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า
  • เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง เนื่องจาก การทำ Ulthera ไม่จำเป็นต้องทำถี่ เพียงแค่ทำปีละ 1 ครั้ง เพราะผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจยังคงอยู่ได้นาน 1 – 2 ปี

11. Thermage 

Thermage 

ลบรอยตีนกาด้วยการใช้ความถี่ของคลื่นวิทยุแบบขั้วเดียว เปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน  เข้าไปในชั้นหนังแท้ (Dermis) ไปจนถึงชั้นกล้ามเนื้อ (SMAS) เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนที่เสื่อมสภาพบริเวณรอบดวงตาให้สร้างขึ้นมาใหม่ ส่งผลให้ผิวมีความยืดหยุ่น รอยตีนกาตื้น แต่ให้ผิวเรียบเนียนเต่งตึง ดูอ่อนกว่าเยาว์

Thermage เหมาะกับใคร

  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอยตีนกาปานกลางถึงมาก 
  • เหมาะกับผู้ที่มีไขมันบนใบหน้าเยอะ และผู้ต้องการคืนความอ่อนเยาว์ทั้งใบหน้าให้กลับมาเต่งตึง ได้รูปที่ชัดเจนขึ้น

12. ผ่าตัดศัลยกรรมลบรอยตีนกา

การผ่าตัดรอยตีนกา คือการผ่าเอากล้ามเนื้อบริเวณหางตา อันเป็นปัญหาหลักของรอยตีนกาออก ไปพร้อมๆ กับตัดเอาผิวหนังที่หย่อนคล้อยออกไปด้วย จึงให้ผลลัพธ์ที่ทำให้ใบหน้าเต่งตึง ยกกระชับมากยิ่งขึ้น

ผ่าตัดศัลยกรรมลบรอยตีนกา เหมาะกับใคร

  • เหมาะกับผู้ที่มีรอยตีนกาลึกมาก หรือเป็นผู้ที่มีอายุมาก และต้องการลบตีนกาแบบถาวร ไปพร้อมๆ กับยกกระชับใบหน้าให้ดูอ่อนวัยขึ้น

13. ร้อยไหมฟิลเลอร์ด้วยไหม Volume

คือวิธีการร้อยไหมเข้าไปเพื่อยกกระชับผิวให้มีความเต่งตึงขึ้น พร้อมช่วยปรับริ้วรอย ร่องลึกต่างๆ ให้จางลง ซึ่งความพิเศษของ ไหม Volume คือนอกจากจะช่วยยกกระชับผิวแล้วทำหน้าที่เหมือนฟิลเลอร์ในการช่วยเติมเต็มผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว และเห็นผลได้ยาวนานถึง 8-12 เดือน

ร้อยไหมฟิลเลอร์ด้วยไหม Volume เหมาะกับใคร

  • เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอย มีปัญหาหนังตาหรือถุงใต้ตาหย่อนคล้อย และผู้ที่ต้องการร้อยไหมและฉีดฟิลเลอร์เต็มเต็มผิวในคราวเดียวกัน
รอยไหมฟิลเลอร์

วิธีดูแลตัวเองเพื่อป้องกันรอยตีนกา

5 วิธีป้องกันรอยตีนกา

ปัญหารอยตีนกา เป็นปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ง่าย ไม่ต้องเข้ารับหัตถการหรือใช้เทคนิคแพทย์พิเศษ และไม่ต้องเจ็บตัว ดูแลตัวเองเป็นพิเศษจากการผ่าตัดศัลยกรรม ดังนั้นจะดีกว่าไหม ถ้าเริ่มจากการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันรอยตีนกา หรือชะลอการเกิดรอยตีนกาที่เกิดเร็ว ให้ช้าลงกว่าเดิม ซึ่งวิธีการดูแลตัวเองมีดังนี้

  • บำรุงผิวให้ชุ่มชื้น สามารถบำรุงผิวหน้าให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ ได้ตั้งแต่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่มีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์เป็นหลัก รวมถึงทาครีมกันแดดเป็นประจำ
  • ทานอาหาร เลือกทานอาหาร ผัก ผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อผิว ดื่มน้ำสะอาดต่อวันอย่างเพียงพอ 
  • ทานวิตามิน หากการรับประทานอาหารต่อวันอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการผิว อาจเสริมด้วยวิตามินบำรุงผิว เช่น คอลลาเจน, Astaxanthin, Coenzyme Q10 เป็นต้น
  • ทาครีมกันแดดเป็นประจำ เนื่องจากแสงแดดเป็นอีกปัจจัยหลักๆ ในการทำร้ายผิวให้เกิดปัญหาผิวหมองคล้ำ ผิวไหม้ รวมไปถึงส่งผลให้เกิดริ้วรอย ร่องลึกได้ง่ายอีกด้วย ซึ่งควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปเป็นประจำทุกวัน
  • พักผ่อนให้เพียงพอ โดยควรนอนอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงขึ้นไปเพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูเซลล์ต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ นอกจากนั้นการอดนอนบ่อยๆ จะส่งผลทำให้คอลลาเจนในผิวเสื่อมโทรมจนนำไปสู่ปัญหาริ้วรอยในอนาคตได้
  • งดการสูบบุหรี่ เนื่องจากพฤติกรรมดังกล่าวนั้นจะทำให้สารนิโคตินในตัวบุหรี่เข้าทำลายคอลลาเจนในชั้นผิวทำให้ผิวเกิดการเสื่อมโทรมและผิวแก่ไวขึ้น
  • งดการให้ผิวเผชิญแสงและความร้อน ไม่ว่าจะเป็นแสงไฟ แสงแดด แสงจากหน้าจอคอมหรือมือถือก็ตาม และสิ่งสำคัญควรเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องตากแดดเช่น การอาบแดด การออกกำลังกายกลางแจ้งเป็นต้น
  • เลี่ยงการขยี้ตา พฤติกรรมจะทำให้ผิวรอบดวงตาที่มีความบอบบางสูงเกิดการช้ำและนำไปสู่ปัญหาริ้วรอยได้ในอนาคต

สรุป

วิธีลดรอยตีนกา เลือกแบบไหนที่เหมาะกับเรา แม้ว่าจะเป็นหัวใจสำคัญหลักที่จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่อย่าลืมว่าผิวบริเวณรอบดวงตา เป็นผิวที่บอบบาง ดังนั้นนอกจากวิธีที่เหมาะสมแล้ว ยังต้องเลือกคลินิกและแพทย์ผู้ทำหัตถการที่เชี่ยวชาญ ไม่เช่นนั้นอาจให้ผลลัพธ์ออกมาไม่เป็นธรรมชาติ ดวงตาดูแข็ง แน่นอนว่า กังนัมคลินิก ให้ความสำคัญทั้งการเลือกหัตถการที่เหมาะกับลูกค้า ไปจนถึงมีเทคนิคการทำที่แม่นยำ ละเอียด ไม่ยอมให้เกิดปัญหาตามมาอย่างแน่นอน 

ดังนั้นแล้ว หากใครที่กำลังมองหาวิธีแก้ปัญหารอยตีนกาสามารถปรึกษาคุณหมอเพื่อเลือกวิธีรักษาให้เหมาะกับรอยตีนกาแต่ละประเภท หรือติดต่อได้ที่ Gangnam clinic ที่มีทั้ง 34 สาขาทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล หรือสามารถแอดไลน์ Line: @gangnamclinic เพื่อนัดหมาย/ ปรึกษา และขอรับบริการ

ขอบคุณข้อมูล : vogue, MedicalNewsToday

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง