แก้มห้อย แก้มย้อย เลือกวิธีไหนแก้ได้ตรงจุด ปลอดภัยและเห็นผลเป็นธรรมชาติ

|
แก้มห้อย แก้มย้อย เลือกวิธีไหนแก้ได้ตรงจุด ปลอดภัย

แก้มย้อย แก้มห้อย ปัญหาผิวไม่เต่งตึงที่กระทบกับความมั่นใจของใครหลายๆ คน ทำให้ไม่กล้าถ่ายรูปหน้าใกล้ เพราะกลัวดูมีอายุ หรือต้องคอยทำทรงผมลงมาปิดแก้มหย่อนคล้อยเสมอ ปัญหาแก้มห้อยเองแม้จะเป็นไปตามอายุที่มากขึ้น แต่มีหลายวิธีที่แก้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อยากรู้ว่าแก้มห้อยเกิดจากอะไร เลือกวิธีไหนแก้ได้ตรงจุดที่สุด ต้องอ่านบทความนี้ให้จบ

ปัญหาแก้มหย่อนคล้อย คืออะไร?

แก้มหย่อนคล้อย คืออะไร

แก้มหย่อนคล้อย เป็นปัญหาการเสื่อมสภาพของโครงสร้างใบหน้า ที่บริเวณผิวหนังและกระดูก พบได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย โดยเฉพาะคนที่มีวัยตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป ปัญหาแก้มห้อย แก้มย้อย จะยิ่งเริ่มชัดขึ้นไปตามช่วงอายุ แก้มจะค่อยๆ ดูหย่อนยาน ขาดความกระชับ หากมีปัญหามากจะยิ่งเห็นร่องแก้มหรือร่องน้ำหมากพี่ชัดขึ้นร่วมด้วย

สาเหตุของ แก้มห้อย แก้มย้อย เกิดจากอะไร?

แก้มหย่อนคล้อย แก้มห้อย เกิดจากการที่อีลาสตินและคอลลาเจนในชัดผิวลดลง รวมทั้งกระดูบางลง ทำให้ผิวหน้าเกิดการยุบตัว ตามมาด้วยปัญหาแก้มห้อย หรือมีร่องแก้ม ทำให้หน้าหย่อนคล้อย ซึ่งหลักๆ แล้วเป็นผลมาจากวัยที่มากขึ้น โดยเฉพาะวัย 40 ปีขึ้นไป ที่ร่างกายลดการสร้างคอลลาเจนลงถึง 30% จึงควรหาทางช่วยแก้ไขให้ผิวหน้ากระชับขึ้น เพื่อรักษาอาการแก้มห้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แก้มห้อย แก้มย้อย ส่งผลกระทบใดตามมาบ้าง?

แก้มห้อย แก้มย้อย ส่งผลกระทบใดตามมาบ้าง

แก้มห้อย แก้มย้อย เป็นปัญหาที่ทำให้ขาดความมั่นใจโดยตรง แม้ว่าคนรอบข้างอาจสังเกตเห็นหรือไม่ก็ตาม แต่คนที่เจอปัญหานี้อยู่อาจรู้สึกเปลี่ยนไปและกังวลกับสายตาของคนอื่นได้ ผลกระทบที่เกิดจากปัญหาแก้มห้อย แก้มย้อย มีดังนี้

  • บุคลิกภาพเปลี่ยนไป
  • ดูเหมือนคนที่ขาดการดูแลตัวเอง
  • เสียความมั่นใจได้ เพราะต้องคอยหาอะไรมาปกปิดแก้ม
  • ไม่สามารถถ่ายภาพหน้าใกล้ๆ หรือบางมุมได้อย่างมั่นใจเหมือนเคย
  • แต่งหน้าได้ยาก เลือกทรงผมได้จำกัดลง เพราะกังวลว่าจะเห็นแก้มชัด

ทำไมถึงต้องแก้แก้มห้อย แก้มย้อย

เนื่องจากปัญหาแก้มห้อย แก้มย้อย ส่งผลต่อความมั่นใจ การใช้ชีวิตและบุคลิกภาพ ซึ่งหลายคนให้ความสำคัญ การแก้แก้มห้อยจึงเป็นเรื่องจำเป็น นอกจากนี้แก้มห้อยเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ไม่สามารถหายได้เองตามธรรมชาติ ต้องอาศัยวิธีการปกปิดอำพรางอย่างการเลือกทรงผมมาปิดแก้ม การแต่งหน้า หรือการทำผม แต่หากต้องการแก้ไขแก้มห้อยอย่างเห็นผลชัดเจน วิธีการยกกระชับหรือหัตถการลดแก้มจะตอบโจทย์ที่สุด

ใครที่ควรเริ่มมองหาวิธีแก้แก้มห้อย แก้มย้อย

ปัญหาแก้มห้อย แก้มย้อย อาจเริ่มเห็นได้ชัดในแต่ละคนได้ไม่เหมือนกัน ควรตรวจสอบกับตัวเองว่าเริ่มมีลักษณะอาการ หรือปัญหามากน้อยเพียงใดเพื่อเริ่มมองหาวิธีแก้ได้ทัน สามารถเช็กได้จากลักษณะที่เห็นได้ชัดดังนี้

  • มีอายุที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป
  • เวลาถ่ายรูปแล้วเห็นความหย่อนคล้อยของแก้มที่ชัดเจน
  • เริ่มแต่งหน้าได้ยากขึ้น ไม่กล้าหน้าสด เพราะกังวล
  • ต้องคอยเอาผมมาปิดแก้มไว้ พรางสัดส่วนและความหย่อนคล้อยไม่ให้คนอื่นสังเกตเห็นได้ง่าย

วิธีแก้ปัญหา แก้มห้อย แก้มย้อย

วิธียกกระชับแก้แก้มห้อย

วิธีที่จะช่วยแก้ปัญหาแก้มย้อยซึ่งเกิดจากความหย่อนคล้อยของผิวได้แบบเห็นผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและตรงจุดที่สุด ควรเป็นวิธีที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพราะปัญหาเกิดจากการเสื่อมสภาพของผิวหนังเป็นหลัก หากทำด้วยทั่วไปเพียงอย่างเดียวอาจไม่เห็นผล แนะนำให้เลือกจาก 5 นวัตกรรมความงามที่ช่วยแก้แก้มห้อยได้แบบเป็นธรรมชาติ ดังนี้

ร้อยไหม แก้มย้อย

ร้อยไหม เป็นการนำเส้นไหมแบบมีเงี่ยงมาใช้สอดลงในชั้นผิวหนังเพื่อยกกระชับผิว โดยแพทย์จะใช้เข็มเพื่อนำเส้นไหมลงไปในชั้นผิว ให้เงี่ยงของไหมเกี่ยวกับโครงสร้างด้านในของผิว ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยคอลลาเจน และช่วยกระชับแก้มที่ห้อยย้อยให้เต่งตึงขึ้นได้ เหมาะกับปัญหาแก้มหย่อนมากๆ

ข้อดี-ข้อเสียของวิธีนี้

หลังร้อยไหมจะเห็นผลลัพธ์การยกกระชับแก้มได้ในทันที แก้มดูเต่งตึงแบบเป็นธรรมชาติ แต่การร้อยไหมจะไม่เหมาะกับคนที่มีเนื้อแก้มเยอะ เพราะการร้อยไหมไม่สามารถช่วยลดไขมันได้ หากร้อยไหมเพียงอย่างเดียวจะทำให้เนื้อแก้มไปกองด้านบน ส่งผลให้หน้าดูบวมขึ้นได้

Ulthera

Ulthera เป็นการยกกระชับผิวด้วยเทคโนโลยีคลื่นเสียงความถี่สูง การทำ Ulthera จะมีการส่งคลื่นพลังงานความร้อนลงไปยังชั้นผิวลึกถึงชั้น SMAS เพื่อไปกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ หลังทำ Ulthera ปัญหาแก้มหย่อนคล้อยก็จะลดลง ผิวหน้าเต่งตึง กระชับขึ้น สามารถลดริ้วรอยได้อีกด้วย เหมาะกับคนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป แล้วเกิดปัญหาแก้มย้อยตามช่วงวัย

ข้อดี-ข้อเสียของวิธีนี้

Ulthera สามารถแก้ความหย่อนคล้อยของแก้มได้โดยไม่ต้องผ่าตัด เห็นผลได้ถึง 30% หลังทำในครั้งแรก และคงสภาพได้ถึง 1 ปี แต่ต้องทนเจ็บระหว่างทำมากกว่าวิธีอื่นๆ รวมทั้งจะมีอาการบวมแดงเป็นผลข้างเคียงหลังทำประมาณ 1 สัปดาห์

ฉีดโบท็อก

ฉีดโบท็อก

ปัญหาแก้มย้อยนอกจากความหย่อนคล้อยที่เห็นได้ชัดแล้ว ยังกระทบกับรูปหน้า คนที่แก้มห้อยมักเกิดปัญหาใบหน้าขาดความเรียวได้รูปร่วมด้วย การฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้าจึงเป็นวิธีที่ดีที่ช่วยกระชับใบหน้าได้อย่างเห็นผล โดยตัวยาโบท็อกจะออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อบริเวณลำคอซึ่งเป็นส่วนที่ดึงผิวหนังลง เมื่อกล้ามเนื้อส่วนนี้คลายตัวกล้ามเนื้อด้านบนที่ช่วยยกผิวจึงทำงานได้ดีกว่า ทำให้ผิวกระชับ กรอบหน้าเข้ารูป หน้าดูเรียวขึ้น

ข้อดี-ข้อเสียของวิธีนี้

สามารถยกกระชับรูปหน้าได้ทันทีหลังทำ ไม่ต้องพักฟื้น หรือผ่าตัด แต่ผลลัพธ์คงอยู่ได้ 3 – 4 เดือน ต้องคอยฉีดเพิ่มอย่างต่อเนื่องเพื่อคงสภาพความกระชับของใบหน้า

ฉีดเมโสแฟต

ฉีดเมโสแฟต

เมโสแฟต เป็นตัวยาที่ใช้ในการฉีดสลายไขมันเฉพาะส่วน เพื่อช่วยปรับรูปหน้าได้ โดยตัวยาเมโสแฟตจะเข้าไปยับยั้งการเกิดไขมันคลอเรสเตอรอล และเร่งให้เกิดการเผาผลาญที่มากขึ้น การฉีดเมโสแฟตที่แก้มจะช่วยลดไขมันสะสมในแก้มให้ลดลง แก้ปัญหาคนที่มีแก้มห้อย แก้มย้อยจากไขมันได้อย่างเห็นผล

ข้อดี-ข้อเสียของวิธีนี้

หลังฉีดเมโสแฟตสลายไขมันแก้ม จะช่วยกระชับแก้มได้ดี สามารถสลายไขมันได้ถึง 10 – 15% หลังทำในครั้งแรก แต่มีข้อเสียตรงที่ผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นาน 2 – 3 เดือน และยังต้องควบคุมปัจจัยอื่นๆ ควบคู่ เช่น การกิน และการออกกำลังกาย

Hifu ยกกระชับผิวหน้า

Hifu ยกกระชับผิวหน้า

Hifu เป็นการยกกระชับผิวด้วยเทคโนโลยีการส่งคลื่นเสียงอัลตราซาวด์เข้าสู่ชั้นผิว ให้เกิดการหดตัวอย่างรวดเร็ว กระตุ้นคอลลาเจนและเนื้อเยื่อ Fibroblasts ขึ้นใหม่ เป็นวิธีที่ช่วยกระชับแก้มห้อย แก้มย้อย ให้ยกกระชับได้ดี ผิวหน้าดูแน่นขึ้นได้หลังทำ และช่วยลดไขมันได้บางส่วน เหมาะกับคนที่เริ่มมีผิวหย่อนคล้อยจากอายุที่เพิ่มขึ้น ทำได้ตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป

ข้อดี-ข้อเสียของวิธีนี้

การทำ Hifu ช่วยให้เกิดผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ โดยเฉพาะกับคนที่มีเหนียงหรือไขมันใต้คาง จะเห็นความกระชับของกรอบหน้าที่มากขึ้น และคงสภาพได้นาน 6 เดือน – 1 ปี แต่ต้องทนเจ็บในระดับที่ค่อนข้างมาก จึงจะเห็นผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงได้

ยกกระชับหน้าด้วยเครื่อง Ultraformer III

Ultraformer III เป็นเครื่องยกกระชับผิวด้วยหลักการกระตุ้นการสร้างและจัดเรียงคอลลาเจนในผิวเพื่อแก้ปัญหาแก้มห้อย แก้มย้อย ลดริ้วรอย ช่วยปรับกรอบหน้าให้เรียวชัดขึ้น พร้อมปรับผิวให้กระชับเต่งตึงมากยิ่งขึ้น เป็นเครื่องที่ให้ประสิทธิภาพดีกว่าเครื่อง Hifu ทั่วไปเนื่องจากสามารถส่งคลื่นพลังงานไปยังชั้นผิวได้แม่นยำกว่า ทำให้เห็นผลไวและชัดเจนมากกว่า โดยผลที่ได้เกือบจะเทียบเท่ากับเครื่อง Ulthera แต่มีราคาที่ถูกกว่าหลายเท่า

ข้อดี-ข้อเสียของวิธีนี้

สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ หลังทำไม่ต้องฟักพื้น ไม่มีแผลให้ดูแล นอกจากนั้นไม่ต้องกลับเจ็บระหว่างทำ และสามารถทำได้เรื่อยๆ เพื่อเพิ่มและคงผลลัพธ์โดยจะสามารถเห็นผลได้นานถึง 6 เดือน

ข้อดีของการแก้แก้มห้อยแก้มย้อย ด้วยเทคโนโลยีความงาม

ปัจจัยในการทำให้เกิดแก้มห้อย แก้มย้อยมีหลากหลาย หากเลือกรักษาด้วยวิธีธรรมชาติเพียงอย่างเดียวอาจไม่เห็นผล โดยเฉพาะสาเหตุแก้มย้อยที่มาจากการสูญเสียความยืดหยุ่นโครงสร้างผิวเพราะอายุที่มากขึ้น หากเลือกใช้เทคโนโลยีความงามช่วยก็จะทำให้เห็นผลเร็วขึ้น โดยมีข้อดีดังนี้

  • เห็นผลลัพธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • คงสภาพผลลัพธ์ได้นาน คุ้มค่าในการทำ
  • ช่วยชะลอไม่ให้เกิดความหย่อนคล้อย แก้มห้อยช้าลง
  • เป็นการรักษาที่ตรงจุด เลือกวิธีการแก้ได้ตามต้นตอของปัญหา

แก้แก้มห้อยมากกว่า 1 วิธีร่วมกันได้หรือไม่?

การใช้เทคโนโลยีความงามลดแก้มห้อย แก้มย้อย มากกว่า 1 วิธีสามารถทำได้ โดยต้องอยู่ภายใต้การแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ เพราะต้องประเมินความเสี่ยง และระยะห่าง ความถี่ในการยกกระชับหรือหัตถการแต่ละประเภท ซึ่งบางคนเลือกทำเพียงอย่างเดียวก็ได้ผลลัพธ์ที่ดีโดยไม่จำเป็นต้องทำวิธีอื่นเพิ่ม

วิธีดูแลตัวเองให้ไม่กลับไปเกิดแก้มห้อย แก้มย้อย หลังทำการรักษาแล้ว

วิธีดูแลตัวเองให้ไม่กลับไปเกิดแก้มห้อย แก้มย้อย

เนื่องจากการแก้แก้มห้อยด้วยวิธีหัตถการและยกกระชับจะคงผลลัพธ์ได้ในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น จึงควรมีการดูแลตัวเองเพิ่มเติมเพื่อช่วงคงสภาพของผลลัพธ์ให้นานยิ่งขึ้น และคอยกลับไปทำซ้ำอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพที่ดี วิธีดูแลให้แก้มห้อย แก้มย้อยไม่กลับมาไวหรือเป็นมากขึ้น ควรปฏิบัติดังนี้

  • ทาครีมกันแดดที่มี SPF สูง
    ปัจจัยที่ทำให้แก้มหย่อนคล้อย ผิวขาดความกระชับได้มากที่สุดคือมลภาวะที่มาจากแสง UV เพราะจะไปทำลายโครงสร้างผิว หากต้องการชะลอการเสื่อมสภาพจึงควรทาครีมกันแดดที่มี SPF สูงป้องกันทุกครั้งก่อนออกนอกสถานที่
  • ดื่มน้ำในปริมาณที่มากเพียงพอ
    ในโครงสร้างชั้นผิวจะมีน้ำเป็นส่วนประกอบค่อนข้างมาก หากดื่มน้ำไม่เพียงพอก็จะทำให้ผิวขาดความกระชับ ไม่ยืดหยุ่น และเกิดการหย่อนคล้อยของแก้มตามมาได้
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
    การพักผ่อนเป็นอีกปัจจัยหลักที่ช่วยให้ผิวเกิดการฟื้นฟู โดยเฉพาะช่วงเวลาระหว่าง 4 ทุ่ม – ตี 2 ที่ร่างกายมีการหลั่งโกรทฮอร์โมนออกมาเพื่อช่วยปรับสภาพและการทำงานของผิว หากเข้านอนตั้งแต่ช่วงเวลานี้และครบ 8 ชั่วโมง ก็จะช่วยให้ผิวเสื่อมสภาพช้าลง ชะลออาการแก้มห้อย แก้มย้อย
  • ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
    การช่วยเพิ่มความกระชับและยืดหยุ่นให้กับผิวแบบเป็นธรรมชาติอย่างการทาผลิตภัณฑ์บำรุงที่มีมอยส์เจอร์เซอร์ก็สามารถช่วยเติมน้ำให้ผิว ปรับโครงสร้างให้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยคงสภาพผลลัพธ์หลังทำหัตถการและการยกกระชับได้ด้วยเช่นกัน
  • ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
    ในบางคนที่มีแก้มห้อย แก้มย้อย เพราะสาเหตุของไขมันสะสม หากเลือกออกกำลังกายร่วมด้วยหลังทำการยกกระชับหรือหัตถการลดแก้มแล้วก็จะช่วยให้คงสภาพความกระชับได้ดี
  • ทำท่ายกกระชับกรอบหน้า
    สำหรับคนที่มีเหนียงหรือผิวหย่อนคล้อยจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต ท่ายกกระชับหน้าจะช่วยคงสภาพให้กับกรอบหน้าที่กระชับได้ในระดับหนึ่ง แนะนำให้ทำท่าดูดกระพุ้งแก้มให้อยู่ในลักษณะปากจู๋ค้างไว้ เป็นอีกวิธียอดนิยมสำหรับคนที่ต้องการกระชับแก้มแบบธรรมชาติ
  • ควบคุมอาหาร
    อีกปัจจัยที่ส่งผลให้แก้มย้อยมีสาเหตุจากการสะสมไขมันส่วนเกินที่บริเวณแก้ม หากอยากเลี่ยงไม่ให้แก้มห้อยควรต้องควบคุมอาหารไปด้วย โดยเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พลังงานเหมาะสม ลดประเภทคาร์โบไฮเดรตและไขมัน

สรุป

แก้มย้อย แก้มห้อย สามารถรักษาได้ด้วยหลายวิธี ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาที่เกิดคนละจุดกัน การแก้แก้มหย่อนคล้อยที่ดีจึงควรเลือกวิธีให้เหมาะสมกับลักษณะผิวของตนเอง เปรียบเทียบผลลัพธ์ การคงสภาพ และข้อดี-ข้อเสีย ก็จะได้วิธีที่ตอบโจทย์ได้มากที่สุด หากไม่มั่นใจหรือยังตัดสินใจไม่ได้ ให้ลองปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญของคลินิก เพื่อได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์เพิ่มเติม

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง