แก้มห้อย แก้มย้อย เลือกวิธีไหนแก้ได้ตรงจุด ปลอดภัยและเห็นผลเป็นธรรมชาติ
![แก้มห้อย แก้มย้อย เลือกวิธีไหนแก้ได้ตรงจุด ปลอดภัย](https://www.gangnamconsult.com/wp-content/uploads/2022/11/แก้มห้อย-แก้มย้อย-เลือกวิธีไหนแก้ได้ตรงจุด-ปลอดภัย-scaled.jpg)
แก้มย้อย แก้มห้อย ปัญหาผิวไม่เต่งตึงที่กระทบกับความมั่นใจของใครหลายๆ คน ทำให้ไม่กล้าถ่ายรูปหน้าใกล้ เพราะกลัวดูมีอายุ หรือต้องคอยทำทรงผมลงมาปิดแก้มหย่อนคล้อยเสมอ ปัญหาแก้มห้อยเองแม้จะเป็นไปตามอายุที่มากขึ้น แต่มีหลายวิธีที่แก้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อยากรู้ว่าแก้มห้อยเกิดจากอะไร เลือกวิธีไหนแก้ได้ตรงจุดที่สุด ต้องอ่านบทความนี้ให้จบ
ปัญหาแก้มหย่อนคล้อย คืออะไร?
![แก้มหย่อนคล้อย คืออะไร](https://www.gangnamconsult.com/wp-content/uploads/2023/04/แก้มหย่อนคล้อย-คืออะไร.jpg)
แก้มหย่อนคล้อย เป็นปัญหาการเสื่อมสภาพของโครงสร้างใบหน้า ที่บริเวณผิวหนังและกระดูก พบได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย โดยเฉพาะคนที่มีวัยตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป ปัญหาแก้มห้อย แก้มย้อย จะยิ่งเริ่มชัดขึ้นไปตามช่วงอายุ แก้มจะค่อยๆ ดูหย่อนยาน ขาดความกระชับ หากมีปัญหามากจะยิ่งเห็นร่องแก้มหรือร่องน้ำหมากพี่ชัดขึ้นร่วมด้วย
สาเหตุของ แก้มห้อย แก้มย้อย เกิดจากอะไร?
แก้มหย่อนคล้อย แก้มห้อย เกิดจากการที่อีลาสตินและคอลลาเจนในชัดผิวลดลง รวมทั้งกระดูบางลง ทำให้ผิวหน้าเกิดการยุบตัว ตามมาด้วยปัญหาแก้มห้อย หรือมีร่องแก้ม ทำให้หน้าหย่อนคล้อย ซึ่งหลักๆ แล้วเป็นผลมาจากวัยที่มากขึ้น โดยเฉพาะวัย 40 ปีขึ้นไป ที่ร่างกายลดการสร้างคอลลาเจนลงถึง 30% จึงควรหาทางช่วยแก้ไขให้ผิวหน้ากระชับขึ้น เพื่อรักษาอาการแก้มห้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แก้มห้อย แก้มย้อย ส่งผลกระทบใดตามมาบ้าง?
![แก้มห้อย แก้มย้อย ส่งผลกระทบใดตามมาบ้าง](https://www.gangnamconsult.com/wp-content/uploads/2023/03/แก้มห้อย-แก้มย้อย-ส่งผลกระทบใดตามมาบ้าง.jpg)
แก้มห้อย แก้มย้อย เป็นปัญหาที่ทำให้ขาดความมั่นใจโดยตรง แม้ว่าคนรอบข้างอาจสังเกตเห็นหรือไม่ก็ตาม แต่คนที่เจอปัญหานี้อยู่อาจรู้สึกเปลี่ยนไปและกังวลกับสายตาของคนอื่นได้ ผลกระทบที่เกิดจากปัญหาแก้มห้อย แก้มย้อย มีดังนี้
- บุคลิกภาพเปลี่ยนไป
- ดูเหมือนคนที่ขาดการดูแลตัวเอง
- เสียความมั่นใจได้ เพราะต้องคอยหาอะไรมาปกปิดแก้ม
- ไม่สามารถถ่ายภาพหน้าใกล้ๆ หรือบางมุมได้อย่างมั่นใจเหมือนเคย
- แต่งหน้าได้ยาก เลือกทรงผมได้จำกัดลง เพราะกังวลว่าจะเห็นแก้มชัด
ทำไมถึงต้องแก้แก้มห้อย แก้มย้อย
เนื่องจากปัญหาแก้มห้อย แก้มย้อย ส่งผลต่อความมั่นใจ การใช้ชีวิตและบุคลิกภาพ ซึ่งหลายคนให้ความสำคัญ การแก้แก้มห้อยจึงเป็นเรื่องจำเป็น นอกจากนี้แก้มห้อยเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ไม่สามารถหายได้เองตามธรรมชาติ ต้องอาศัยวิธีการปกปิดอำพรางอย่างการเลือกทรงผมมาปิดแก้ม การแต่งหน้า หรือการทำผม แต่หากต้องการแก้ไขแก้มห้อยอย่างเห็นผลชัดเจน วิธีการยกกระชับหรือหัตถการลดแก้มจะตอบโจทย์ที่สุด
ใครที่ควรเริ่มมองหาวิธีแก้แก้มห้อย แก้มย้อย
ปัญหาแก้มห้อย แก้มย้อย อาจเริ่มเห็นได้ชัดในแต่ละคนได้ไม่เหมือนกัน ควรตรวจสอบกับตัวเองว่าเริ่มมีลักษณะอาการ หรือปัญหามากน้อยเพียงใดเพื่อเริ่มมองหาวิธีแก้ได้ทัน สามารถเช็กได้จากลักษณะที่เห็นได้ชัดดังนี้
- มีอายุที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป
- เวลาถ่ายรูปแล้วเห็นความหย่อนคล้อยของแก้มที่ชัดเจน
- เริ่มแต่งหน้าได้ยากขึ้น ไม่กล้าหน้าสด เพราะกังวล
- ต้องคอยเอาผมมาปิดแก้มไว้ พรางสัดส่วนและความหย่อนคล้อยไม่ให้คนอื่นสังเกตเห็นได้ง่าย
วิธีแก้ปัญหา แก้มห้อย แก้มย้อย
![วิธียกกระชับแก้แก้มห้อย](https://www.gangnamconsult.com/wp-content/uploads/2022/11/วิธียกกระชับแก้แก้มห้อย.jpg)
วิธีที่จะช่วยแก้ปัญหาแก้มย้อยซึ่งเกิดจากความหย่อนคล้อยของผิวได้แบบเห็นผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและตรงจุดที่สุด ควรเป็นวิธีที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพราะปัญหาเกิดจากการเสื่อมสภาพของผิวหนังเป็นหลัก หากทำด้วยทั่วไปเพียงอย่างเดียวอาจไม่เห็นผล แนะนำให้เลือกจาก 5 นวัตกรรมความงามที่ช่วยแก้แก้มห้อยได้แบบเป็นธรรมชาติ ดังนี้
ร้อยไหม แก้มย้อย
ร้อยไหม เป็นการนำเส้นไหมแบบมีเงี่ยงมาใช้สอดลงในชั้นผิวหนังเพื่อยกกระชับผิว โดยแพทย์จะใช้เข็มเพื่อนำเส้นไหมลงไปในชั้นผิว ให้เงี่ยงของไหมเกี่ยวกับโครงสร้างด้านในของผิว ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยคอลลาเจน และช่วยกระชับแก้มที่ห้อยย้อยให้เต่งตึงขึ้นได้ เหมาะกับปัญหาแก้มหย่อนมากๆ
ข้อดี-ข้อเสียของวิธีนี้
หลังร้อยไหมจะเห็นผลลัพธ์การยกกระชับแก้มได้ในทันที แก้มดูเต่งตึงแบบเป็นธรรมชาติ แต่การร้อยไหมจะไม่เหมาะกับคนที่มีเนื้อแก้มเยอะ เพราะการร้อยไหมไม่สามารถช่วยลดไขมันได้ หากร้อยไหมเพียงอย่างเดียวจะทำให้เนื้อแก้มไปกองด้านบน ส่งผลให้หน้าดูบวมขึ้นได้
Ulthera
Ulthera เป็นการยกกระชับผิวด้วยเทคโนโลยีคลื่นเสียงความถี่สูง การทำ Ulthera จะมีการส่งคลื่นพลังงานความร้อนลงไปยังชั้นผิวลึกถึงชั้น SMAS เพื่อไปกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ หลังทำ Ulthera ปัญหาแก้มหย่อนคล้อยก็จะลดลง ผิวหน้าเต่งตึง กระชับขึ้น สามารถลดริ้วรอยได้อีกด้วย เหมาะกับคนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป แล้วเกิดปัญหาแก้มย้อยตามช่วงวัย
ข้อดี-ข้อเสียของวิธีนี้
Ulthera สามารถแก้ความหย่อนคล้อยของแก้มได้โดยไม่ต้องผ่าตัด เห็นผลได้ถึง 30% หลังทำในครั้งแรก และคงสภาพได้ถึง 1 ปี แต่ต้องทนเจ็บระหว่างทำมากกว่าวิธีอื่นๆ รวมทั้งจะมีอาการบวมแดงเป็นผลข้างเคียงหลังทำประมาณ 1 สัปดาห์
ฉีดโบท็อก
![ฉีดโบท็อก](https://www.gangnamconsult.com/wp-content/uploads/2023/04/ฉีดโบท็อก.jpg)
ปัญหาแก้มย้อยนอกจากความหย่อนคล้อยที่เห็นได้ชัดแล้ว ยังกระทบกับรูปหน้า คนที่แก้มห้อยมักเกิดปัญหาใบหน้าขาดความเรียวได้รูปร่วมด้วย การฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้าจึงเป็นวิธีที่ดีที่ช่วยกระชับใบหน้าได้อย่างเห็นผล โดยตัวยาโบท็อกจะออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อบริเวณลำคอซึ่งเป็นส่วนที่ดึงผิวหนังลง เมื่อกล้ามเนื้อส่วนนี้คลายตัวกล้ามเนื้อด้านบนที่ช่วยยกผิวจึงทำงานได้ดีกว่า ทำให้ผิวกระชับ กรอบหน้าเข้ารูป หน้าดูเรียวขึ้น
ข้อดี-ข้อเสียของวิธีนี้
สามารถยกกระชับรูปหน้าได้ทันทีหลังทำ ไม่ต้องพักฟื้น หรือผ่าตัด แต่ผลลัพธ์คงอยู่ได้ 3 – 4 เดือน ต้องคอยฉีดเพิ่มอย่างต่อเนื่องเพื่อคงสภาพความกระชับของใบหน้า
ฉีดเมโสแฟต
![ฉีดเมโสแฟต](https://www.gangnamconsult.com/wp-content/uploads/2023/04/ฉีดเมโสแฟต.jpg)
เมโสแฟต เป็นตัวยาที่ใช้ในการฉีดสลายไขมันเฉพาะส่วน เพื่อช่วยปรับรูปหน้าได้ โดยตัวยาเมโสแฟตจะเข้าไปยับยั้งการเกิดไขมันคลอเรสเตอรอล และเร่งให้เกิดการเผาผลาญที่มากขึ้น การฉีดเมโสแฟตที่แก้มจะช่วยลดไขมันสะสมในแก้มให้ลดลง แก้ปัญหาคนที่มีแก้มห้อย แก้มย้อยจากไขมันได้อย่างเห็นผล
ข้อดี-ข้อเสียของวิธีนี้
หลังฉีดเมโสแฟตสลายไขมันแก้ม จะช่วยกระชับแก้มได้ดี สามารถสลายไขมันได้ถึง 10 – 15% หลังทำในครั้งแรก แต่มีข้อเสียตรงที่ผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นาน 2 – 3 เดือน และยังต้องควบคุมปัจจัยอื่นๆ ควบคู่ เช่น การกิน และการออกกำลังกาย
Hifu ยกกระชับผิวหน้า
![Hifu ยกกระชับผิวหน้า](https://www.gangnamconsult.com/wp-content/uploads/2023/03/Hifu-ยกกระชับผิวหน้า.jpg)
Hifu เป็นการยกกระชับผิวด้วยเทคโนโลยีการส่งคลื่นเสียงอัลตราซาวด์เข้าสู่ชั้นผิว ให้เกิดการหดตัวอย่างรวดเร็ว กระตุ้นคอลลาเจนและเนื้อเยื่อ Fibroblasts ขึ้นใหม่ เป็นวิธีที่ช่วยกระชับแก้มห้อย แก้มย้อย ให้ยกกระชับได้ดี ผิวหน้าดูแน่นขึ้นได้หลังทำ และช่วยลดไขมันได้บางส่วน เหมาะกับคนที่เริ่มมีผิวหย่อนคล้อยจากอายุที่เพิ่มขึ้น ทำได้ตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป
ข้อดี-ข้อเสียของวิธีนี้
การทำ Hifu ช่วยให้เกิดผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ โดยเฉพาะกับคนที่มีเหนียงหรือไขมันใต้คาง จะเห็นความกระชับของกรอบหน้าที่มากขึ้น และคงสภาพได้นาน 6 เดือน – 1 ปี แต่ต้องทนเจ็บในระดับที่ค่อนข้างมาก จึงจะเห็นผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงได้
ยกกระชับหน้าด้วยเครื่อง Ultraformer III
Ultraformer III เป็นเครื่องยกกระชับผิวด้วยหลักการกระตุ้นการสร้างและจัดเรียงคอลลาเจนในผิวเพื่อแก้ปัญหาแก้มห้อย แก้มย้อย ลดริ้วรอย ช่วยปรับกรอบหน้าให้เรียวชัดขึ้น พร้อมปรับผิวให้กระชับเต่งตึงมากยิ่งขึ้น เป็นเครื่องที่ให้ประสิทธิภาพดีกว่าเครื่อง Hifu ทั่วไปเนื่องจากสามารถส่งคลื่นพลังงานไปยังชั้นผิวได้แม่นยำกว่า ทำให้เห็นผลไวและชัดเจนมากกว่า โดยผลที่ได้เกือบจะเทียบเท่ากับเครื่อง Ulthera แต่มีราคาที่ถูกกว่าหลายเท่า
ข้อดี-ข้อเสียของวิธีนี้
สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ หลังทำไม่ต้องฟักพื้น ไม่มีแผลให้ดูแล นอกจากนั้นไม่ต้องกลับเจ็บระหว่างทำ และสามารถทำได้เรื่อยๆ เพื่อเพิ่มและคงผลลัพธ์โดยจะสามารถเห็นผลได้นานถึง 6 เดือน
ข้อดีของการแก้แก้มห้อยแก้มย้อย ด้วยเทคโนโลยีความงาม
ปัจจัยในการทำให้เกิดแก้มห้อย แก้มย้อยมีหลากหลาย หากเลือกรักษาด้วยวิธีธรรมชาติเพียงอย่างเดียวอาจไม่เห็นผล โดยเฉพาะสาเหตุแก้มย้อยที่มาจากการสูญเสียความยืดหยุ่นโครงสร้างผิวเพราะอายุที่มากขึ้น หากเลือกใช้เทคโนโลยีความงามช่วยก็จะทำให้เห็นผลเร็วขึ้น โดยมีข้อดีดังนี้
- เห็นผลลัพธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- คงสภาพผลลัพธ์ได้นาน คุ้มค่าในการทำ
- ช่วยชะลอไม่ให้เกิดความหย่อนคล้อย แก้มห้อยช้าลง
- เป็นการรักษาที่ตรงจุด เลือกวิธีการแก้ได้ตามต้นตอของปัญหา
แก้แก้มห้อยมากกว่า 1 วิธีร่วมกันได้หรือไม่?
การใช้เทคโนโลยีความงามลดแก้มห้อย แก้มย้อย มากกว่า 1 วิธีสามารถทำได้ โดยต้องอยู่ภายใต้การแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ เพราะต้องประเมินความเสี่ยง และระยะห่าง ความถี่ในการยกกระชับหรือหัตถการแต่ละประเภท ซึ่งบางคนเลือกทำเพียงอย่างเดียวก็ได้ผลลัพธ์ที่ดีโดยไม่จำเป็นต้องทำวิธีอื่นเพิ่ม
วิธีดูแลตัวเองให้ไม่กลับไปเกิดแก้มห้อย แก้มย้อย หลังทำการรักษาแล้ว
![วิธีดูแลตัวเองให้ไม่กลับไปเกิดแก้มห้อย แก้มย้อย](https://www.gangnamconsult.com/wp-content/uploads/2023/03/วิธีดูแลตัวเองให้ไม่กลับไปเกิดแก้มห้อย.jpg)
เนื่องจากการแก้แก้มห้อยด้วยวิธีหัตถการและยกกระชับจะคงผลลัพธ์ได้ในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น จึงควรมีการดูแลตัวเองเพิ่มเติมเพื่อช่วงคงสภาพของผลลัพธ์ให้นานยิ่งขึ้น และคอยกลับไปทำซ้ำอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพที่ดี วิธีดูแลให้แก้มห้อย แก้มย้อยไม่กลับมาไวหรือเป็นมากขึ้น ควรปฏิบัติดังนี้
- ทาครีมกันแดดที่มี SPF สูง
ปัจจัยที่ทำให้แก้มหย่อนคล้อย ผิวขาดความกระชับได้มากที่สุดคือมลภาวะที่มาจากแสง UV เพราะจะไปทำลายโครงสร้างผิว หากต้องการชะลอการเสื่อมสภาพจึงควรทาครีมกันแดดที่มี SPF สูงป้องกันทุกครั้งก่อนออกนอกสถานที่ - ดื่มน้ำในปริมาณที่มากเพียงพอ
ในโครงสร้างชั้นผิวจะมีน้ำเป็นส่วนประกอบค่อนข้างมาก หากดื่มน้ำไม่เพียงพอก็จะทำให้ผิวขาดความกระชับ ไม่ยืดหยุ่น และเกิดการหย่อนคล้อยของแก้มตามมาได้ - พักผ่อนให้เพียงพอ
การพักผ่อนเป็นอีกปัจจัยหลักที่ช่วยให้ผิวเกิดการฟื้นฟู โดยเฉพาะช่วงเวลาระหว่าง 4 ทุ่ม – ตี 2 ที่ร่างกายมีการหลั่งโกรทฮอร์โมนออกมาเพื่อช่วยปรับสภาพและการทำงานของผิว หากเข้านอนตั้งแต่ช่วงเวลานี้และครบ 8 ชั่วโมง ก็จะช่วยให้ผิวเสื่อมสภาพช้าลง ชะลออาการแก้มห้อย แก้มย้อย - ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
การช่วยเพิ่มความกระชับและยืดหยุ่นให้กับผิวแบบเป็นธรรมชาติอย่างการทาผลิตภัณฑ์บำรุงที่มีมอยส์เจอร์เซอร์ก็สามารถช่วยเติมน้ำให้ผิว ปรับโครงสร้างให้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยคงสภาพผลลัพธ์หลังทำหัตถการและการยกกระชับได้ด้วยเช่นกัน - ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
ในบางคนที่มีแก้มห้อย แก้มย้อย เพราะสาเหตุของไขมันสะสม หากเลือกออกกำลังกายร่วมด้วยหลังทำการยกกระชับหรือหัตถการลดแก้มแล้วก็จะช่วยให้คงสภาพความกระชับได้ดี - ทำท่ายกกระชับกรอบหน้า
สำหรับคนที่มีเหนียงหรือผิวหย่อนคล้อยจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต ท่ายกกระชับหน้าจะช่วยคงสภาพให้กับกรอบหน้าที่กระชับได้ในระดับหนึ่ง แนะนำให้ทำท่าดูดกระพุ้งแก้มให้อยู่ในลักษณะปากจู๋ค้างไว้ เป็นอีกวิธียอดนิยมสำหรับคนที่ต้องการกระชับแก้มแบบธรรมชาติ - ควบคุมอาหาร
อีกปัจจัยที่ส่งผลให้แก้มย้อยมีสาเหตุจากการสะสมไขมันส่วนเกินที่บริเวณแก้ม หากอยากเลี่ยงไม่ให้แก้มห้อยควรต้องควบคุมอาหารไปด้วย โดยเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พลังงานเหมาะสม ลดประเภทคาร์โบไฮเดรตและไขมัน
สรุป
แก้มย้อย แก้มห้อย สามารถรักษาได้ด้วยหลายวิธี ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาที่เกิดคนละจุดกัน การแก้แก้มหย่อนคล้อยที่ดีจึงควรเลือกวิธีให้เหมาะสมกับลักษณะผิวของตนเอง เปรียบเทียบผลลัพธ์ การคงสภาพ และข้อดี-ข้อเสีย ก็จะได้วิธีที่ตอบโจทย์ได้มากที่สุด หากไม่มั่นใจหรือยังตัดสินใจไม่ได้ ให้ลองปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญของคลินิก เพื่อได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์เพิ่มเติม